
‘อธิบดีกรมราง' เผย ‘คมนาคม' เตรียมมขอครม.อนุมัติ 9,500 ล้านบาทใช้อุดหนุนรถไฟฟ้าทุกสาย เพื่อทำนโยบาย 20 บาทตลอดสายทุกเส้นทาง คาดสัปดาห์นี้เซ็นเข้า ครม. ชี้แหล่งเงินมาจากส่วนแบ่งรายได้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่มีอยู่หลายพันล้านบาท ยันไม่ใช้งบปกติ เหตุถูกครหาเอาเงินคนทั้งประเทศมาอุด ชี้ ‘แอร์พอร์ตลิ้งค์-สายสีเขียว' ไม่มีปัญหา ด้านกทม.ยันเงื่อนไขต้องชดเชยให้ 8,000 ล. เพราะปัจจุบันแบกขาดทุนเดินรถปีละ 6,000 ล.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการดำเนินนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 20 บาทตลอดสายทุกเส้นทาง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้เสนอประเด็นนี้เข้าไปที่กระทรวงคมนาคมแล้ว ทราบว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะลงนามในหนังสือเพื่อเสนอต่อไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ภายในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ โดยคาดว่าจะใช้วงเงินอุดหนุน 9,500 ล้านบาท และน่าจะทันกำหนดที่รัฐบาลกำหนดไว้ในเดือน ก.ย.นี้
อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กล่าวต่อว่า แต่เดิมนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมีระบบรถไฟฟ้าร่วมอยู่แล้ว 2 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน - คลองบางไผ่ และรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงตลิ่งชัน - สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต โดยครั้งนี้ ได้นำระบบรถไฟฟ้าอีก 4 สายทางเข้ามาร่วมด้วย ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ - ท่าพระและหัวลำโพง - หลักสอง, รถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย - มีนบุรี, รถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว - สำโรง และโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ช่วงพญาไท - สนามบินสุวรรณภูมิ โดยคณะกรรมการ (บอร์ด) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่กำกับดูแลรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ และบอร์ดของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เห็นชอบในหลักการครบถ้วน รวมถึงได้พิจารณาความจำเป็นตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 เรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลักการและเงื่อนไขในระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ชมพู เหลือง ที่รูปแบบสัมปทานแตกต่างจากสายสีแดงและสายสีม่วง เพราะทั้ง 3 สายยังอยู่ในสัมปทานของเอกชน มีการเจรจาและได้ข้อสรุปในการชดเชยรายได้อย่างไร อธิบดีกรมการขนส่งทางรางกล่าวว่า สายสีม่วงกับสายสีแดง รัฐบาลเป็นเจ้าของอยู่แล้ว แต่จ้างเอกชนเดินรถ ซึ่ง 2 สายนี้ไม่มีปัญหา ส่วน 3 สายทางที่จะเพิ่มเข้ามา แน่นอนเป็นสัญญาสัมปทานที่เอกชนเก็บรายได้แล้วแบ่งให้รัฐตามเงื่อนไขสัญญา แต่เมื่อรัฐบาลมีนโยบาย 20 บาทเข้ามา รัฐก็ต้องหาแหล่งเงินมาอุดหนุนส่วนที่เอกชนขาดรายได้ไป ซึ่งกระทรวงจะไม่ใช้งบประมาณในการเข้าไปจ่ายอุดหนุน เพราะมีกระแสวิจารณ์ถึงการเอาภาษีของคนทั้งประเทศไปอุดหนุนคนกรุงเทพฯ กระทรวงคมนาคมจึงเอาเงินส่วนแบ่งรายได้ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งมีตุนอยู่หลายพันล้านบาทมาจ่าย ก็คาดว่าจะเพียงพอในการอุดหนุนรถไฟฟ้าทุกสายทาง
เมื่อถามต่ออีกว่า แล้วในส่วนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ที่คาบเกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มีแนวทางในการบริหารจัดการและเงื่อนไขในการดึงเข้ามาร่วมนโยบายอย่างไร นายพิเชฐกล่าวว่า ปัจจุบันรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ยังเป็นของ รฟท. ซึ่งบอร์ดรฟท.ให้ความเห็นชอบในหลักการเมื่อเร็วๆนี้ไปแล้ว ส่วนถ้ามีการส่งมอบหนังสือให้เริ่มงาน (Notice to Proceed: NTP) สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง แล้วจะกระทบกับแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ที่ดำเนินนโยบาย 20 บาทหรือไม่นั้น นายพิเชฐระบุว่า ได้มีการระบุในเงื่อนไขไปแล้ว โดยทางเอกชนต้องยอมรับเงื่อนไขนี้ เมื่อถามต่อว่า นโยบาย 20 บาทจะเป็นเงื่อนไขใหม่ที่จะนำไปสู่การแก้ไขสัญญาสัมปทานอีกหรือเปล่า นายพิเชฐตอบว่า น้อยมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าที่เอกชน รฟท.และอีอีซีกำลังทำอยู่
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ขออุดหนุน 8,000 ล้านบาท ถึงจะร่วมนโยบายนี้ได้ นายพิเชฐตัดบทว่า ไม่ถึงๆ ทางกทม.ไม่ได้ขอมากขนาดนี้

พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.)
@กทม.ยืนกรานต้องชดเชย 8,000 ล.
ด้านแหล่งข่าวจากกทม.เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า ความคืบหน้าของการร่วมนโยบาย 20 บาทตลอดสายของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทางกระทรวงคมนาคมยังพิจารณารูปแบบการจัดเก็บค่าโดยสารอยู่ โดยแนวคิดที่เสนอไปคือ กระทรวงคมนาคมจะต้องชดเชยรายได้ให้ กทม. โดยกทม.จะไม่คิดแค่ส่วนที่ขาด แต่ต้องชดเชยทั้งหมด ซึ่งกทม.มีต้นทุนค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยาย 1 ช่วงอ่อนนุช - แบริ่งและช่วงสะพานตากสิน - บางหว้า และส่วนต่อขยาย 2 ช่วงแบริ่ง - เคหะสมุทรปราการ และช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต ปีละ 8,000 ล้านบาท/ปี โดยกทม.แบกภาระขาดทุนอยู่ 6,000 ล้านบาท เพราะเก็บค่าโดยสารได้เพียง 2,000 ล้านบาท/ปี เท่านั้น ซึ่งกระทรวงคมนาคมรับข้อเสนอไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ตอบรับอะไร
“เราไม่ปฏิเสธที่จะร่วมมาตรการนี้ แต่คุณ (กระทรวงคมนาคม) ต้องยอมรับเงื่อนไขของกทม.ด้วยสิ ถ้าเกิดรับไม่ได้ กทม.ก็ไม่ร่วมด้วยเท่านั้นเอง ท่านจะให้เราร่วม ท่านก็ต้องรับเงื่อนไขเราด้วย แล้วถ้าหากกระทรวงรับแต่ส่วนที่ต้องจ่าย 2,000 ล้านบาท ส่วนต่างที่เหลือ กทม. ก็คงต้องขึ้นค่าโดยสารกับผู้โดยสารเพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะปัจจุบันต้นทุนจริงๆอยู่ที่ 48 บาท/เที่ยวคน ซึ่งรัฐบาลก็ต้องอุดหนุนให้เราเท่านั้น” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวจากกทม.กล่าวต่อว่า สำหรับแนวคิดการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 1-2 ตอนนี้กทม.เก็บค่าโดยสารอยู่ที่ 15 บาทตลอดสาย คิดเป็นรายได้ 2,000 ล้านบาท/ปี ยังขาดทุนอีก 6,000 ล้านบาท/ปี โดยโมเดลการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารตอนนี้มอง 2 แบบคือ เก็บตามต้นทุนจริงตามระยะทางเริ่มต้น 15-48 บาท กับการปรับขึ้นในอัตราเดียวจาก 15 บาทเป็นราคาอื่น อย่างไรก็ตาม ทั้งสัมปทานจะต้องมีค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 62 บาท ไม่อย่างนั้นนจะถูกประชาชนต่อว่าได้ ปัจจุบันได้ให้ บจ.กรุงเทพธนาคม (KT) ศึกษาอยู่ คาดว่าภายในเดือนพ.ค.นี้น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
เมื่อถามว่า รัฐบาลก็กำลังจะมีนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทำไมไม่รอนโยบายนี้ แล้วเอาเงินอุดหนุนจากรัฐบาล แหล่งข่าวจากกทม.กล่าวว่า ยังเป็นนโยบายที่กทม.ติดตามดูอยู่ แต่อย่างที่กล่าวข้างต้น รัฐบาลต้องชดเชยให้กทม.ทั้งหมด ซึ่งก็ไม่รู้ว่า กระทรวงคมนาคมจะตอบรับหรือไม่

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา