
ทวี ชี้ ‘กระทรวงยุติธรรม’ ทำตามกฎหมายกรณีย้าย ‘ทักษิณ’ ย้ายไปรักษารพ.ตำรวจ ยังไม่เห็นมติแพทยสภาที่เป็นทางการและไม่ได้ยินว่า แพทยสภาบอกอาการป่วย ‘ทักษิณ’ ไม่วิกฤติ ยังไม่ชัดจะยื่นอุทธรณ์มติแพทยสภาหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 13 พฤาภาคม 2568 พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ยังไม่เห็นรายงานของแพทยสภาที่สั่งลงโทษแพทย์ 3 คนกรณีส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่คาดเดาว่า แพทย์ที่ถูกว่ากล่าวตักเตือนเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่ขอดูรายละเอียดก่อน
แต่ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขอชี้แจงว่าเรื่องของระเบียบกรมราชทัณฑ์ เป็นกฎหมายที่เพิ่งออกมาใหม่ ทั้งนี้การพิจารณากฎหมายใหม่ ต้องดูกฎหมายเก่าประกอบด้วย และมั่นใจว่ากระทรวงยุติธรรมได้ทำตามกฎหมาย และก็ทำเช่นนี้มาโดยตลอด ทั้งนี้ กรณีผู้ต้องขังป่วยโรคเฉพาะทาง ต้องใช้หลักที่ว่า หากเป็นโรคที่สถานพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ไม่มีศักยภาพในการรักษา ก็จะส่งไปรักษาโรงพยาบาลภายนอก ซึ่งในระหว่างที่ส่งไปรักษาตัวนั้น โรงพยาบาลดังกล่าวยังถือเป็นที่คุมขัง สถานที่หนึ่ง คือควบคุมดูแลไม่ให้หลบหนี หรือไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน
@ไม่ได้ยิน แพทยสภาบอก ‘ทักษิณ’ ไม่ได้ป่วยวิกฤติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากแพทย์ยสภา มีมติออกมาแล้ว ต้องมีหน่วยงานใดรับผิดชอบหรือไม่ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ขอดูเนื้อหารายละเอียดก่อน ส่วนนายทักษิณแม้จะไม่ได้ป่วยวิกฤติ แต่หากเป็นโรคที่สถานพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่สามารถรักษาได้ ก็มีสิทธิ์ส่งไปรักษาตัวภายนอกใช่หรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ในมาตรา 53 บัญญัติไว้ว่า รัฐต้องปฏิบัติตาม และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งเราก็ปฏิบัติตามลายลักษณ์อักษรในรัฐธรรมนูญ ขณะที่ข้อสงสัยหลังจากแพทยสภาระบุว่าไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า นายทักษิณ ป่วยวิกฤตินั้น ก็ยังไม่ได้ยิน และยังไม่มีใครพูดเรื่องนี้ และแพทย์สภาไม่ได้พูดอย่างนั้น
ส่วนจะมีการยื่นอุทธรณ์มติแพทยสภาหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ขัดใคร เมื่อเห็นว่ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องและชอบธรรม มีช่องทางร้องเรียน เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือองค์กรอิสระอื่นฯ ทั้งนี้ ก็ขอชี้แจงว่าพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ได้ผ่านการพิจารณา คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่11 ซึ่งคณะนั้นได้นำบทบัญญัติในมาตรา 246 มาเทียบกับมาตรา 55 ด้วย และเห็นว่าไม่ขัดกัน
เมื่อถามกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ร้อง ป.ป.ช. เอาผิดฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 234 โดยกล่าวหาว่า มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า นายเรืองไกร มีสิทธิ์ไปยื่นร้อง แต่เมื่อปฏิบัติตามกฎหมาย และ พ.ร.บ. ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ซึ่งบังคับใช้ในขณะที่ไม่ได้เป็น รมว. ยุติธรรม บางครั้งการเคารพสิทธิเสรีภาพ หรือการเจ็บป่วย รัฐธรรมนูญให้การคุ้มครอง ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพราะถือเป็นประชาชน
@อนุทิน - ภูมิธรรม ลาครม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เช้านี้ มีรายงานว่า มีรัฐมนตรีหลายคนลาการประชุม เนื่องจากติดภารกิจต่างประเทศ และลาป่วย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา ที่โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ,น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม,นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ,นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
ขณะที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ป่วยจากโรคโควิด-19 พร้อมมอบหมายงานให้ผู้อื่นทำหน้าที่แทน ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปปฏิบัติภารกิจ การประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติการรักษาสันติภาพ ภายใต้กรอบสหประชาชาติ ครั้งที่ 6 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา