ครม.รับทราบผลการดำเนินการตาม ‘ยุทธศาสตร์ชาติ’ ปี 67 พบการควบคุมปัญหา ‘ทุจริตฯ’ แย่ลง ขณะที่ ‘ดัชนีประชาธิปไตยไทย’ ลดลง-‘เศรษฐกิจ’ ขยายตัวลดลงจากปีก่อน
...............................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม. รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี 2567 (1 ต.ค.2566-30 ก.ย.2567) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เสนอ
สำหรับผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี 2567 ในด้านการพัฒนารายยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน สรุปได้ดังนี้
ด้านที่ 1 ความมั่นคง พบว่า ประชาชนมีความกินดี อยู่ดี และมีความสุขเพิ่มขึ้น สะท้อนจากดัชนีความสุขโลกพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่บ้านเมืองมีความมั่นคงปลอดภัยเพิ่มขึ้น จากดัชนีสันตภาพโลกที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 75 จาก 163 ประเทศ โดยถือว่าอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับประเทศในภูมภาคเอเชียและแปซิฟิก กองทัพ หน่วยงานด้านความมั่นคง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน มีความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงดีขึ้น จากคะแนนของปัจจัยอิทธิพลทางทหารภายใต้ดัชนีสันติภาพโลกที่มีคะแนน 1.441 คะแนน
บทบาทด้านความมั่นคงของประเทศไทยเป็นที่ชื่นชมและได้รับการยอมรับ โดยประชาคมระหว่างประเทศภาพรวมดีขึ้น และประสิทธิภาพการบริหารจัดการความมั่นคงแบบองค์รวมปรับัตัวดีขึ้น จากดัชนีความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับอยู่ใน Tier 1 โดยมีค่าคะแนน รวม 99.22 แต่ดัชนีประชาธิปไตยที่ประเทศไทยถูกปรับลดอันดับลงมาอยู่ในอันดับที่ 63 หรือ 6.35 คะแนน
ด้านที่ 2 การสร้างความสามารถในการแข่งขัน พบว่า เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนลดลง จากอัตราการขยายตัวของรายได้ประชาชาติ (GNI) ร้อยละ 2.7 และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ร้อยละ 2.0 ซึ่งลดลงจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 2.8 และ 2.6 ตามลำดับ อีกทั้งการกระจายรายได้ ซึ่งสะท้อนจากความแตกต่างของผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัว (GPP per Capita) ระหว่างจังหวัดที่มีมูลค่าสูงสุดกับต่ำสุดอยู่ที่ 16.5 เท่า ซึ่งแย่ลงจากปีก่อนหน้าที่มีค่า 14.5 เท่า
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันดีขึ้น จากการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นจากกปีก่อนหน้าร้อยละ 9.52 และอันดับความสามารถในการแข่งขันอยู่อันดับที่ 25 จากก 67 ประเทศ ดีขึ้น 5 อันดับจากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจและด้านประสิทธิภาพภาคธุรกิจ
ด้านที่ 3 การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ พบว่า คนไทยเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ พร้อมสำหรับวิถีชีวิตในศตวรรษที่ 21 แย่ลง จากการพัฒนาคุณภาพชีวิต สุขภาวะ และความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทยที่ปรับตัวลดลง จากมิติด้านค่านิยมและคุณธรรมที่ลดลงจากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 4.32 มิติด้านสุขภาพ อัตราการตายด้วย 4 โรคไม่ติดต่อเรื้อรังอยู่ที่ 134.40 คนต่อประชากรแสนคน รวมทั้งมีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 7.94 คนต่อประชากรแสนคน
ขณะที่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิตลดลง จากอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่อยู่อันดับ 54 ซึ่งคงที่ จากปีก่อนหน้า และคะแนนการประเมินผลทางการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ลดลงจากปีก่อนหน้ามีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 34.47
นอกจากนี้ สังคมไทยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อและสนับสนุนต่อการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิตที่แย่ลง สะท้อนจากการพัฒนาสังคมและครอบครัวไทยลดลง จากดัชนีความก้าวหน้าการพัฒนาคนด้านชีวิตครอบครัวและชุมชนที่ลดลงจากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 0.6074
ด้านที่ 4 การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม พบว่า การสร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติเพิ่มขึ้น จากค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคด้านรายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค ที่อยู่ที่ 0.335 ลดลงจากที่มีค่าอยู่ที่ 0.343 และสัดส่วนรายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชากรจำแนกตามกลุ่มประชากรตามระดับรายจ่ายอยู่ที่ 7.79 เท่า ลดลงจาก 8.61 เท่า
การกระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม เพิ่มโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามาเป็นกำลังของการพัฒนาประเทศในทุกระดับลดลง จากดัชนีความก้าวหน้าของคนที่มีค่าอยู่ที่ 0.6383 ลดลงจากที่มีค่าดัชนีอยู่ที่ 0.6443 การเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนท้องถิ่นในการพัฒนาการพึ่งตนเองและการจัดการตนเองเพื่อสร้างสังคมคุณภาพลดลง จากดัชนีความก้าวหน้าของคนด้านการมีส่วนร่วมที่มีค่าอยู่ที่ 0.5285 ลดลงจาก 0.5371 และด้านชีวิตครอบครัวและชุมชน ที่มีค่าอยู่ที่ 0.6074 ลดลงจากที่ 0.6437 รวมถึงดัชนีความยากจนหลายมิติของกลุ่มผู้สูงอายุุที่มีค่าอยู่ที่ 0.0072 เพิ่มขึ้นจาก 0.0024
ด้านที่ 5 การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พบว่า การอนุรักษ์และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมให้คนรุ่นต่อไปใช้ได้อย่างยั่งยืนแย่ลง จากสัดส่วนพื้นที่สีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดลง 0.39 ล้านไร่ (ร้อยละ 0.12) การฟื้นฟูและสร้างใหม่ฐานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบทางลบจากการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจของประเทศภาพรวมแย่ลง เนื่องจากคุณภาพอากาศมีปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 เพิ่มขึ้น 17 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และฝุ่นละออง PM10 เพิ่มขึ้น 8 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
การจัดการขยะมูลฝอยของประเทศมีปริมาณขยะมูลฝอยเพิ่มขึ้น 1.25 ล้านตัน และปริมาณของเสียอันตรายเพิ่มขึ้น 4,240 ตัน แต่คุณภาพน้ำผิวดำดินและคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งดีขึ้น การใช้ประโยชน์และสร้างการเติบโตบนฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สมดุลภายในขีดความสามารถของประเทศภาพรวมแย่ลง เนื่องจากปริมาณการใช้พลังงานต่อหัวประชากรเพิ่มขึ้น 2.42 กิโลจูลต่อหัวประชากร และร้อยละของส่วนแบ่งการใช้พลังงานหมุนเวียนต่อโครงสร้างการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.03 แต่ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหัวประชากรของไทยดีขึ้น โดยลดลง 0.33 คาร์บอนไดออกไซด์ต่อหัวประชากร
การยกระดับกระบวนทัศน์เพื่อการกำหนดอนาคตประเทศ ด้านทรพัยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมบนหลักของการมีส่วนร่วมและธรรมาภิบาลภาพรวมดีขึ้น สมาชิกเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทสม.) เพิ่มขึ้น 7,758 คน และองค์การนอกภาครัฐ (NGO และเอกชน) เพิ่มขึ้น 3 อันดับ แต่อันดับมหาวิทยาลัยเฉพาะสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมระดับโลกแย่ลง ลดลง 117 อันดับ และระดับประเทศ ลดลง 50 อันดับ
ด้านที่ 6 การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ พบว่า ภาครัฐมีวัฒนธรรมการ ทำางานที่มุ่งผลสัมฤทธิ์และผลประโยชน์ส่วนรวมตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โปร่งใสเพิ่มมากขึ้น จากผลการประเมินด้านประสิทธิผลของภาครัฐภายใต้ดัชนีชี้วัดธรรมาภิบาลโลก ที่มีคะแนน 0.17 คะแนน ดีขึ้นจากที่มีคะแนน 0.13 คะแนน ขณะที่ภาครัฐมีขนาดที่เล็กลงพร้อมปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น จากดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (EGDI) ที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 52 จาก 193 ประเทศ ดีขึ้น 3 อันดับ และผลสำรวจระดับความพร้อมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลที่มีคะแนนความพร้อมอยู่ในระดับ 3 (ระดับขั้นกลาง) ดีขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 51.75
อย่างไรก็ตาม การควบคุมปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบแย่ลง จากผลการประเมินด้านการควบคุมปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบภายใต้ดัชนีชี้วัดธรรมาภิบาลโลก ที่มีคะแนน -0.49 คะแนน แย่ลงจากปีก่อนหน้าที่มีคะแนน -0.45 คะแนน นอกจากนี้ กระบวนการยุติธรรม เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมของประเทศดีขึ้น จากผลการประเมินด้านหลักนิติธรรมภายใต้ดัชนีชี้วัดธรรมาภิบาลโลก ที่มีคะแนน 0.24 คะแนน ดีขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีคะแนน 0.07 คะแนน