‘ฮุน มาเนต’ เยือนฝรั่งเศส หารือทวิภาคีหลาย ปท.-ฝ่ายค้านจี้นำประเด็นพิพาทไทยไปหารือ

‘ฮุน มาเนต’ เยือนฝรั่งเศส หารรือทวิภาคีหลายประเทศ ขณะฝ่ายค้านจี้นำประเด็นข้อพิพาทไทยไปแก้ไข ด้าน ‘ฮุนเซน’ โพสต์เฟซย้ำต้องการใช้สันติวิธี

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ภายหลังจากที่ทางฝ่ายกัมพูชายืนยันว่าจะถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาทช่องบก

โดยสำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชียหรือ RFA ของสหรัฐอเมริการายงานข่าวว่านายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต นำคณะผู้แทนระดับสูงเดินทางออกจากกัมพูชาในวันที่ 8 มิถุนายน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยมหาสมุทรครั้งที่ 3 (UNOC3) ที่จัดขึ้นในเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 9 ถึง 11 มิถุนายน ตามคำเชิญของนายเอ็มมานูเอล มาครง  ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ 

ในการประชุมครั้งนี้ พล.อ.ฮุน มาเนต จะแถลงเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่น และความคิดริเริ่มของกัมพูชาที่เกี่ยวข้องกับการจัดการมหาสมุทร ความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพอากาศ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ฮุน มาเนต จะจัดการประชุมทวิภาคีกับผู้นำของหลายประเทศเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีและเสริมสร้างความมุ่งมั่นของกัมพูชาต่อความร่วมมือพหุภาคี

นายคิมซก ฝ่ายค้านและโฆษกสภาเพื่อการต่อสู้แห่งชาติกล่าวว่า พล.อ.ฮุน มาเนตควรใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้มีการแก้ไขข้อพิพาท กรณีกองทัพไทยบุกกัมพูชาร่วมกับเลขาธิการสหประชาชาติและประธานาธิบดีฝรั่งเศส เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาชายแดนต่อไปผ่านกลไกระหว่างประเทศ รวมถึงประกาศเจตนารมณ์ที่จะให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ปี ค.ศ. 1982 (UNCLOS)

 สำนักข่าวอิศรารายงานข่าวเพิ่มเติมว่าการเดินทางไปฝรั่งเศสของ พล.อ.ฮุน มาเนตนั้นเกิดขึ้นก่อนนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพุชาได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่อว่า Samdech Hun Sen of Cambodia” โดยโพสต์เมื่อเวลา 20.15 น.วันที่ 8 มิ.ย. ว่าการปรับการวางกำลังทหารในพื้นที่เสี่ยงต่อการขัดแย้ง จากความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้บัญชาการทหารของทั้งกัมพูชาและไทย ถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันอย่างรุนแรงในวงกว้าง ประชาชนทั้งกัมพูชาและไทยปรารถนาสันติภาพที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง และไม่ต้องการให้เกิดสงคราม

ความพยายามในการหาข้อยุติผ่านการเจรจาได้เกิดขึ้นในทุกระดับ ตั้งแต่รัฐบาลไปจนถึงผู้บัญชาการทหารแนวหน้า ซึ่งตอนนี้เริ่มเห็นผลแล้ว

ขอให้ประชาชนทุกคนโปรดวางใจในความมุ่งมั่นของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการนองเลือด และส่งเสริมมิตรภาพและความร่วมมือที่มีประสิทธิผลกับประเทศเพื่อนบ้านของเรา