
‘รมว.ยุติธรรม’ เผย ‘ศาลฎีกาฯ’ เรียกไต่สวนคดี ‘ทักษิณ ชั้น 14’ รวม 20 ปาก ถือเป็นสัญญาณดี เหตุศาลฯต้องการค้นหาความจริง ยันไม่ ‘ก้าวล่วง-เคารพการดำเนินการ’
....................................
จากกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ดำเนินการไต่สวนนัดแรก กรณีความปรากฏารบังคับโทษจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในประเด็นการถูกส่งตัวออกรักษานอกเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หรือคดี ‘ทักษิณชั้น 14’ โดยศาลฎีกาฯ ได้ไต่สวนพยาน 1 ปาก คือ นายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร (คนปัจจุบัน) พร้อมได้มีหมายเรียกไต่สวนพยานบุคคลเพิ่มเติมอีก 20 ปาก นั้น
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าว ว่า โดยหลักการแล้ว พวกเราและสังคมต้องเคารพศาล โดยเฉพาะตอนนี้ศาลกำลังค้นหาความจริง ซึ่งเป็นระบบไต่สวน และอย่างน้อยที่สุดศาลได้ส่งสัญญาณที่ดีว่า ศาลจะรับฟังพยาน เช่น ศาลได้มีการเรียกไต่สวนถึง 20 คน จากผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด แสดงว่าศาลต้องการที่จะค้นหาความจริง ซึ่งเราจะไม่ไปก้าวล่วง และขอให้ทุกคนเคารพ โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรม เราต้องเคารพในการดำเนินการ ไม่อาจจะไปวิจารณ์อะไรได้
ส่วนกรณีที่มีการไต่สวนฯ นายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กรณีที่เรือนจำฯ ส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร ออกรักษายังโรงพยาบาลตำรวจ โดยที่ไม่ผ่านทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แตกต่างจากกรณีอื่นๆที่ต้องผ่านทัณฑสถานโรงพยาบาลก่อนนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร แต่นายมานพ ก็เป็นพยานบอกเล่า ศาลคงจะฟังประจักษ์พยาน ซึ่งประจักษ์พยานก็ต้องเป็นผู้บัญชาการเรือนจำคนที่แล้ว แต่ในฐานะที่เคยเตรียมข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรือนจำทั้งหมดภายในประเทศประเทศไทย เราไม่มีโรงพยาบาล
โดยเฉพาะเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่มีข้อตกลงกับโรงพยาบาลตำรวจไว้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่การส่งตัวออกไปยังโรงพยาบาลก็มีกฎหมายมีระเบียบ มีกฎกระทรวงรองรับอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเพิ่มเติมอยากรอให้ศาลไต่สวนประจักษ์พยานก่อน เพราะนายมานพ เป็นผู้บัญชาการเรือนจำที่เพิ่งย้ายมาใหม่
สำหรับกรณีที่มีตั้งคำถามถึงกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 โดยเฉพาะกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้ไปนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจนานถึง 180 วัน ในห้วงตอนนั้น มีผู้ต้องขังเจ็บป่วยรายใดอีกอื่นหรือไม่ และพวกเขาเจ็บป่วยด้วยโรคอะไร พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อันนี้สื่อจะถามเองใช่หรือไม่ เพราะไม่มีใครสงสัยตรงนี้ ตนขอให้ศาลได้ไต่สวนก่อน เพราะเรื่องพวกนี้ได้มีการอภิปรายได้มีการพูดคุยไปแล้ว และเรื่องที่ปรากฏก็เป็นเรื่องที่อยู่ในกรรมาธิการอยู่แล้ว
“เราก็ได้ชี้แจงไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ในเรือนจำจะมีแนวทางการดำเนินการตามระเบียบ โดยเฉพาะทุกเรือนจำ 143 แห่งทั่วประเทศ มีโรงพยาบาลเครือข่าย และโรงพยาบาลที่ทำข้อตกลง ซึ่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้มีการทำข้อตกลงกับโรงพยาบาลตำรวจเพียงอย่างเดียว” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
เมื่อถามว่า ถือเป็นเรื่องไม่ผิดปกติอะไรใช่หรือไม่ที่เรือนจำฯ จะส่งตัวผู้ต้องขังป่วยออกรักษาตัวนอกเรือนจำที่โรงพยาบาลตำรวจโดยไม่ผ่านทัณฑสถานสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า รอให้ศาลท่านพิจารณาก่อน ส่วนรายละเอียดก็ขอให้ศาลได้ไต่สวนก่อน
เมื่อถามย้ำว่า หากตัดเรื่องการป่วยวิกฤตหรือไม่วิกฤติออกไปก่อน แต่เรือนจำฯ ได้ดำเนินการเช่นนั้นเพราะเป็นมาตรการดูแลรักษาพยาบาลความปลอดภัยต่อสุขภาพและร่างกายของผู้ต้องขัง เพราะหากเกิดอันตรายขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่ราชทัณฑ์หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญปี 60 ขึ้นมา เขาบอกว่าเราต้องปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมาย อย่างกฎหมายไทยเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษร ก็มีการปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา