
ภูมิธรรม เวชยชัย ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ-คณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เห็นชอบ 3 เรื่อง เยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบ สั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงชั่วคราว เปลี่ยนโรงพยาบาลในพื้นที่เป็นโรงพยาบาลสนามชั่วคราว ยืนยันไม่ใช่การประกาศสงคราม เป็นเพียงการปะทะ ย้ำ ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา ถือเป็นมาตรการที่มีความรุนแรงที่สุดในทางการทูต
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 16.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ชี้แจงสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้น ภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาตินัดพิเศษและคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ว่า เป็นเหตุปะทะระหว่างทหารกัมพูชาและทหารของไทยในพื้นที่ โดยจากการรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ พบว่ามีการใช้อาวุธหลากหลายประเภทยิงเข้ามาในเขตแดนของไทยก่อน โดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน สร้างความเสียหายต่อชุมชนและประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ เหตุปะทะดังกล่าวเกิดจากการยั่วยุจากฝ่ายกัมพูชา ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องดำเนินการป้องกันอธิปไตยของประเทศ
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า กองทัพได้ดำเนินการปกป้องอธิปไตยในพื้นที่อย่างเต็มที่ รัฐบาลได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ทหารสามารถใช้มาตรการที่จำเป็นภายใต้กรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ เนื่องจากสถานการณ์มีความเร่งด่วนและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยเกิดเหตุขึ้นในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงจำกัดสถานการณ์ให้อยู่ภายในพื้นที่ แต่รัฐบาลได้มีการระมัดระวังบริเวณชายแดนอย่างเต็มที่ พร้อมได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง โดยมีแผนรองรับที่เตรียมไว้แล้วอย่างเป็นระบบ
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ประชุมได้มีมติ ดังนี้
-
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการดูแลความปลอดภัยประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบตามระเบียบที่มีอยู่
-
กระทรวงศึกษาธิการได้สั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงชั่วคราว
-
กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการเปลี่ยนโรงพยาบาลในพื้นที่เป็นโรงพยาบาลสนามชั่วคราว รวมถึงอพยพคนป่วย ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดไปสู่โรงพยาบาลอื่น ๆ ที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว

นายภูมิธรรมกล่าวว่า สำหรับมาตรการด้านการต่างประเทศ รัฐบาลได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาลง โดยเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทย และส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกลับสู่ประเทศ ซึ่งถือเป็นมาตรการที่มีความรุนแรงที่สุดในทางการทูต
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวรวม 12 ราย เป็นพลเรือน 10 ราย และเจ้าหน้าที่ทหาร 1 ราย อีก 1 รายรอข้อมูลยืนยัน รวมถึงมีผู้บาดเจ็บ 28 ราย แบ่งเป็นพลเรือน 24 ราย และเจ้าหน้าที่ทหาร 4 นาย
นายภูมิธรรมกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ามีการยิงเข้าไปในบริเวณปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ และโรงพยาบาลในพื้นที่ด้วย ดังนั้น รัฐบาลจึงขอประณามการใช้ความรุนแรงที่ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ใช่การประกาศสงคราม แต่เป็นการปะทะกัน ในการรักษาอธิปไตยของไทย
“รัฐบาลไทยยึดมั่นในหลักการแห่งการปกป้องอธิปไตยของชาติ และจะไม่ยอมให้มีการละเมิดเขตแดนของประเทศโดยเด็ดขาด พร้อมรับผิดชอบในการดูแลประชาชนอย่างเต็มที่“นายภูมิธรรมกล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา