
ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'จ่าสิบเอกประพนธ์ พลแดง' ขัดขวางผู้ยื่นซองประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้างถนน ค.ส.ล. อบต.ร่วมจิต อุตรดิตถ์ วงเงินกว่า 2,975,000 บาท ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 6 พิพากษา ลงโทษจำคุก 4 ปี 8 เดือน รับสารภาพลดเหลือ 2 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา หลังโดนรวบตัวหลบหนีมาอยู่กทม.ช่วงปลายปี 2567
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายวินัย โอวาสิทธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุตรดิตถ์ กับ พวก ตกลงร่วมกันในการเสนอราคาโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ร่วมจิต อำเภอท่อปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ เอื้อประโยชน์ให้ผู้เสนอราคาบางรายเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญา ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 5, 6 และมาตรา 13 ประกอบ ป.อ.มาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา
โดยคดีนี้ ปรากฏชื่อ จ่าสิบเอกประพนธ์ พลแดง เป็นจำเลย
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 มีคำพิพากษาว่า จ่าสิบเอกประพนธ์ พลแดง จำเลยมีความผิดตาม มาตรา 13 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86
ให้จำคุก 4 ปี 8 เดือน
จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง
คงจำคุก 2 ปี 4 เดือน
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับพ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 13 ระบุว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือกรรมการหรืออนุกรรมการในหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมิใช่เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใด กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ ต่อเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐซึ่งมีอำนาจหรือหน้าที่ในการอนุมัติการพิจารณา หรือการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอราคาเพื่อจูงใจหรือทำให้จำยอมต้องยอมรับการเสนอราคาที่มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปี ถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาท

สำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เผยแพร่ข่าวการลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับของหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ที่ จ.2/2563 ลงวันที่ 15 มกราคม 2563 ราย จ่าสิบเอก ประพนธ์ พลแดง ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมร่วมดำเนินการใด ๆ ในการเสนอราคา หรือต้องทำการเสนอราคาตามที่กำหนด โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ ให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายเสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น และฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือกรรมการหรืออนุกรรมการในหน่วยงานของรัฐซึ่งมิใช่เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ ต่อเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีอำนาจหรือหน้าที่ในการอนุมัติ การพิจารณา หรือการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอราคาเพื่อจูงใจหรือทำให้จำยอมต้องยอมรับการเสนอราคาที่มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 6 และมาตรา 13 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86”
โดยเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2548 จ่าสิบเอกประพนธ์ พลแดง ร่วมกับนายวินัย โอวาสิทธิ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ กับพวก มีพฤติการณ์ขัดขวางผู้ยื่นซองประกวดราคาจ้างเหมาโครงการก่อสร้างถนน ค.ส.ล. วงเงินประมาณ 2,975,000 บาท ขององค์การบริหารส่วนตำบลร่วมจิต อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ไม่ให้เข้าร่วมยื่นซองการประกวดราคาโดยสะดวก พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ร่วมดำเนินการสืบสวนจนทราบว่าผู้ถูกกล่าวหารายดังกล่าวได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในเขตบางเขน กรุงเทพฯ จึงลงพื้นที่ และพบตัว จ่าสิบเอก ประพนธ์ พลแดง ผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับ จึงได้เข้าจับกุม ต่อมาได้นำตัวมาทำบันทึกจับกุม ณ สน.บางเขน และจะนำตัวส่งผู้ว่าคดี เพื่อฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ในวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ตามขั้นตอนทางกฎหมาย


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา