
ปปง.ตามอายัดเงินได้ 1.3 แสนบ. คดี จนท.สาวสหกรณ์การเกษตรนครไทย ทำเอกสารเท็จ ปลอมใบเสร็จค่าปุ๋ย ยา 65 รายการ ยักยอก 2.4 ล้าน หลังแจ้งความเอาผิดทางอาญา สภ.นครไทย ตร.สอบธุรกรรมโอนเข้าบัญชีผู้ชาย 2 คน ในจ.พังงา เห็นสั่งฟ้อง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งคณะกรรมการธุกรรมที่ ย. 89 /2568 วันที่ 24 มี.ค.2568 เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวราย น.ส.เมษา (ปกปิดชื่อสกุล) หัวหน้าฝ่ายการตลาดของสหกรณ์การเกษตรนครไทย (จ.พิษณุโลก) กรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระและความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงและยักยอกตามประมาลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ได้ยักยอกเงินค่าขายสินค้า ฉ้อโกงเงิน ปลอมแปลงบิลใบเสร็จรับเงินและปลอมแปลงสัญญาซื้อขายและค้ำประกันพันธุ์พืช ปุ๋ย และนำเอกสารที่ปลอมแปลงมายื่นเพื่อเบิกเงินจากทางสหกรณ์การเกษตรฯ รวม 65 รายการ ทำให้สหกรณ์ฯได้รับความเสียหาย จำนวน 2,454,895 บาท และได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรนครไทย เมื่อปี 2566
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ทรัพย์สินที่ ปปง.สั่งอายัด จำนวน 2 รายการ ได้แก่ เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ สาขาพังงา ชื่อบัญชีนายณัฐวัตร จำนวน 14,408.65 บาท และ เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาพังงา ชื่อบัญชีนายเทอดเกียรติ จำนวน 124,087.09 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 138,495.74 บาท คำสั่งมีรายละเอียดดังนี้
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจากสถานีตำรวจภูธรรนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ตามหนังสือที่ ตช 0021(พล).8/3445 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566) เรื่อง รายงานความผิดเกี่ยวกับยักยอก ฉ้อโกง อันมีลัษณะเป็นปกติธุระ และตามหนังสือ ที่ ตช 00221(พล).8/3495 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 เรื่อง รายงานสืบทรัพย์สินผู้ต้องหาและบุคคลใกล้ชิด (เพิ่มเติม) ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการคระทำความผิดเกี่ยวกับการปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระและความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงและยักยอกตามประมาลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กล่าวคือ
เมื่อระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2565 ถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน นางสาวเมษา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดของสหกรณ์การเกษตร ได้ยักยอกเงินค่าขายสินค้า ฉ้อโกงเงิน ปลอมแปลงบิลใบเสร็จรับเงินและปลอมแปลงสัญญาซื้อขายและค้ำประกันพันธุ์พืช ปุ๋ย และนำเอกสารที่ปลอมแปลงมายื่นเพื่อเบิกเงินจากทางสหกรณ์การเกษตรฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 65 รายการ ทำให้สหกรณ์การเกษตร หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง จึงส่งมอบเงินให้กับ น.ส.เมษา และ น.ส.เมษาได้นำเงินที่ได้รับไปใช้สอยส่วนตัวเสียเอง เป็นเหตุให้สหกรณ์การเกษตรได้รับความเสียหาย รวมเป็นเงินจำนวน 2,454,895 บาท (สองล้านสี่แสนห้าหมื่นสี่พันแปดร้อยเก้าสิบห้าบาทถ้วน) สหกรณ์การเกษตรฯ โดยผู้รับมอบอำนาจจึงได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรนครไทย เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.เมษา โดยพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรนครไทย ได้รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญาที่ 36/2566
ทั้งนี้ จากตรวจสอบรายการความเคลื่อนไหวทางบัญชีและจากรายงานการสืบทรัพย์ของสถานีตำรวจภูธธรนครไทย ปรากฏข้อมูลว่านายณัฐวัตร และนายเทอดเกียรติ ได้รับโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของน.ส.เมษาในช่วงพฤติการณ์การกระทำความผิด ต่อมาพนักงานสอบสอบสวนได้มีความเห็นควรสั่งฟ้อง น.ส.เมษา ผู้ต้องหา ในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสาร สิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มาตรา 352 มาตรา 265 และมาตรา 268 ทางคดีจึงปรากฎพยานหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่า น.ส.เมษา มีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงหรือยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (14) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า น.ส.เมษา กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว คณะกรรมการธุรกรรมฯจึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินข้างต้น


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา