
บอร์ดสภาพัฒน์ อนุมัติ 3 ทางคู่สายใต้ใหม่ ‘ชุมพร-สุราษฎร์ฯ, สุราษฎร์ฯ-หาดใหญ่, หาดใหญ่-ปาดังฯ’ รวมมูลค่า 104,465 ล้านบาท ส่วนอีก 3 เส้นทางที่เหลือ ‘ปากน้ำโพ-เด่นชัย, เด่นชัย-เชียงใหม่ และจิระ-อุบลฯ’ ให้กลับไปทบทวนใหม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 28 สิงหาคม 2568 แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,312 กิโลเมตร (กม.) มูลค่ารวมประมาณ 297,926.68 ล้านบาท ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ บอร์ดสภาพัฒน์ เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2568 มีมติเห็นชอบอนุมัติ 3 โครงการแล้ว วงเงินรวม 104,465.94 ล้านบาท ได้แก่ 1.ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงิน 30,422.53 ล้านบาท 2. ช่วงสุราษฎร์ธานี - ชุมทางหาดใหญ่ - สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 66,270.51 ล้านบาท 3. ช่วงชุมทางหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,772.90 ล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า โดยที่ประชุมได้พิจารณา ว่าทั้ง 3 เส้นทาง มีความเหมาะสมในการดำเนินการ จากความจุทางและการส่งเสริมการเชื่อมโยงเส้นทาง สิงคโปร์ – คุนหมิง หรือ Singapore – Kunming Rail Link (SKRL) ในอนาคต หลังจากนี้ กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการเสนอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่สภาพัฒน์ฯ ให้จัดทำเพิ่มเติมก่อนเสนอ ครม. เช่น ตามพ.ร.บ. การขนส่งทางราง มีแนวทางการให้เอกชนเข้ามาใช้ประโยชน์รางอย่างไร เพื่อให้สร้างทางแล้วคุ้มค่า , แผนการจัดหารถจักรและล้อเลื่อนของการรถไฟฯ , ปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานบริเวณด่านปาดังเบซาร์ให้ประสานศุลกากรและ ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อหาทางออกร่วมกัน รวมถึงเร่งรัดพัฒนาเส้นทางช่วงสุพรรณบุรี - ภาชี เพื่อลดคอขวดในอนาคต ,การแก้จุดตัด และเร่งหาเอกชนเข้าบริหาร ICD ลาดกระบัง รวมถึงเส้นทางรองรับท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นต้น
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า สำหรับ โครงการรถไฟทางคู่อีก 3 เส้นทาง ที่ยังไม่ผ่านการเห็นชอบจากบอร์ดสภาพัฒน์ฯในครั้งนี้ ได้แก่ 1. ช่วงปากน้ำโพ - เด่นชัย ระยะทาง 281 กม. วงเงิน 81,143.24 ล้านบาท 2. ช่วงเด่นชัย - เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. วงเงิน 68,222.14 ล้านบาท 3. ช่วงชุมทางถนนจิระ - อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงิน 44,095.36 ล้านบาท เนื่องจาก การคาดการณ์ผู้โดยสารและสินค้ายังไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้ สศช. มองว่าความจุทางยังสามารถรองรับได้อยู่ จึงให้กลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้ง
ทั้งนี้ รฟท.ได้แบ่งความสำคัญของการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม 1 ความสำคัญลำดับต้น จำนวน 3 เส้นทาง คือ 1.ช่วง ปากน้ำโพ-เด่นชัย เพื่อเติมโครงข่ายเส้นทางสายเหนือ ต่อจากช่วง ลพบุรี-ปากน้ำโพ 2.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี 3. ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา
“ช่วง ปากน้ำโพ-เด่นชัย นำเสนออยู่ในกลุ่มแรก แต่สภาพัฒน์ฯยังไม่อนุมัติ ยอมรับว่าจะทำให้เส้นทางสายเหนือมีช่วงคอขวด ดังนั้น รฟท.จะต้องเร่ง ทำข้อมูลเพิ่มเติมไปให้เร็วที่สุด” แหล่งข่าวกล่าวและว่า
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า ส่วนกลุ่ม 2 ความสำคัญอันดับกลาง จำนวน 2 เส้นทาง คือ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี , ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ และ กลุ่ม 3 ความสำคัญอันดับท้าย คือ ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. ซึ่งเป็นการจัดลำดับความสำคัญตามคำแนะนำของสภาพัฒน์ฯ โดยพิจารณาจากปัจจัยหลัก 5 ด้าน คือ ความต้องการขนส่งผู้โดยสาร, ความต้องการขนส่งสินค้า, ความจุทาง, เศรษฐศาสตร์และการเงิน, และยุทธศาสตร์และนโยบาย รวมถึงปัจจัยรองอีก 11 ด้าน เช่น ข้อมูลผลการคาดการ์จำนวนผู้โดยสาร, ข้อมูลสถิติผู้โดยสารปัจจุบัน, ข้อมูลผลการคาดการณ์ปริมาณสินค้า, การเชื่อมโยงโครงข่ายภายในประเทศและระหว่างประเทศ, ความพร้อมในการดำเนินโครงการเป็นต้น

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา