
‘ดีเอสไอ’ เตือน ‘รถไฟ’ ต้องมาแจ้งความกรณี ‘เขากระโดง’ ย้ำถ้าไม่มาเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ด้าน ‘ภูมิธรรม-อนุทิน’ สะท้อนสองมุมมอง ถ้า ‘ภูมิใจไทย’ มา คดีนี้หายไปตลอดกาล กับไม่แทรกแซง ทุกคนทำเต็มที่
สำนักขาาวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 4 กันยายน 2568 พ.ต.ต. ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าคดีการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดงจังหวัดบุรีรัมย์ หลังการสอบสวนพบกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่ รฟท.เกี่ยวข้อง ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ติดต่อจะให้ฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษนั้น คดีนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอตรวจสอบพบมีกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่ รฟท. เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่ง รฟท.เป็นผู้เสียหาย จึงประสานให้มาแจ้งความดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคล เจ้าหน้าที่ รฟท. และเจ้าหน้าที่รัฐอื่น ที่เข้ายึดถือครอบครองที่ดินของ รฟท. บริเวณพื้นที่เขากระโดง ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่ง รฟท. ติดต่อจะให้ฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความในวันนี้ช่วงบ่าย แต่ปรากฏว่า รฟท. ได้ประสานกลับมา ขอเลื่อนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด
ทั้งนี้ หาก รฟท.ไม่มาแจ้งความร้องทุกข์ ก็เข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ดีเอสไอจะทำหนังสือแจ้ง รฟท.อีกครั้งให้มาแจ้งความร้องทุกข์ หากยังไม่มาอีก ก็จะประชุมพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บริหารการรถไฟฯ เรียกสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องฐานเป็นผู้สนับสนุนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
พ.ต.ต. ณฐพลกล่าวว่าคดีดังกล่าวยังมีความผิดที่เข้าข่ายการออกโฉนดทับที่ดินสาธารณะคูคลองลำรางในอีกพื้นที่หนึ่ง ซึ่งไม่สามารถออกโฉนดครับที่ดินสาธารณะหรือคูคลองลำรางได้ ซึ่งคดีต้องเข้าสู่การเป็นคดีพิเศษก่อน ตอนนี้ชุดสืบสวนของดีเอสไอ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการออกโฉนดที่ดินผืนดังกล่าวว่ามีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง โดยส่วนสำคัญคือการสอบปากคำนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตสส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) และอดีตผู้สมัครสว. ซึ่งเป็นพยานปากเอก และยืนยันจะเข้ามาให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย. 68)
@ภูมิธรรม: อนุทินมา เขากระโดงหายตลอดกาล
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เลื่อนแจ้งความร้องทุกข์กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คดีเขากระโดงนั้น มองว่า เขากระโดงไม่สำคัญเท่ากับการเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามย้ำหากเปลี่ยนรัฐบาลจะเป็นอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าเลือก นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็จะหายไปตลอดเวลา และหายไปตลอดกาล
เมื่อถามอีกว่า แบบนี้เราจะไม่ได้เขากระโดงกลับคืนเป็นที่ของหลวงใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ผมยืนยันว่าผมทำตามนี้แน่นอน”
@อนุทิน: ไม่ใส่สี เรียกทุกคนมาบอกให้ทำเต็มที่
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า กรณีที่มีการมองว่า เมื่อมาเป็นรัฐบาลแล้ว จะเข้าไปแทรกแซงในคดีต่างๆ เช่น เรื่องเขากระโดงนั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด ถ้าเข้าไปสิ่งแรกที่ตั้งใจจะทำให้ชัดเจนคือ การเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้ามาแล้วบอกเต็มที่ แต่ต้องอยู่ในกฎหมาย
“ไม่ใส่สี ไม่ใส่ความ ไม่ปั้นแต่ง ไม่ยัดข้อหา ไม่ทำในสิ่งที่เขาทำกันทุกวันนี้ ยืนยันว่าจะใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ตรงไหนยึดได้ยึด ตรงไหนขึ้นศาลได้ต้องขึ้นศาล และผมจะติดตามเองด้วย” นายอนุทิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราพยายามโทรศัพท์สอบถามนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าฯรฟท.ถึงประเด็นดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายวีริศอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศพร้อมกับคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา