
สภาฯเลื่อนวาระโหวตนายกฯ ถกสนั่น ‘เพื่อไทย’ ปะทะ ‘ประชาชน-ภูมิใจไทย’ สุดท้ายมติให้เลื่อนขึ้นมาพิจารณา ‘ไชยชนก’ เสนอ ‘อนุทิน’ ด้าน ‘สรวงศ์’ เสนอ ‘ชัยเกษม’ สู้ พร้อมให้แต่ละฝ่ายอภิปรายเป็นเวลา 2 ชม.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 5 กันยายน 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สส.) สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง เป็นพิเศษ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา มีการอภิปรายแสดงความคิดเห็นกรณีที่นางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย เสนอให้เลื่อนวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยขึ้นมา ซึ่งในท้ายที่สุดสภาฯมีมติ 313 เสียงต่อ 142 เสียง งดออกเสียง 4 และ ไม่ลงคะแนน 5 ให้เลื่อนวาระการพิจารณาขึ้นมา
ต่อมา นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี และทางด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติศิริ เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ที่ประชุมสภาฯพิจารณาให้มีการอภิปรายเป็นเวลา 2 ชม. แบ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนนายอนุทิน 1 ชม.และฝ่ายสนับสนุนนายชัยเกษมอีก 1 ชม.
@ฝ่ายรัฐบาลเดิม-ขั้วใหม่ซัดกันนัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุมในช่วงเช้าเป็นไปอย่างดุเดือด โดยเฉพาะภายหลังที่นางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทยได้เสนอญัตติขอเลื่อนวาระการประชุม เรื่องด่วน เรื่องที่ 8 เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมาพิจารณาก่อน แต่ นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ไม่เห็นด้วยและขอให้พิจารณาไปตามระเบียบวาระ เกิดการโต้เถียงอย่างกว้างขวาง
พ.ต.อ.ทวี สองส่อง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ลุกขึ้นอภิปรายไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนระเบียบวาระเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมาพิจารณาก่อน
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาลและองค์กรอิสระ ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ การเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีข้อตกลง (MOA) ระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย กรณีเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นข้อตกลงทางการเมืองที่บ่อนเซาะระบอบประชาธิปไตยและทำลายรัฐธรรมนูญ
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เนื่องจากข้อตกลงดังกล่าว ในข้อ 4 เพื่อสร้างหลักประกันว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยุบสภาภายใน 4 เดือนจริง พรรคภูมิใจไทยต้องดำเนินการด้วยวิธีการใด ๆ เพื่อให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยเพื่อไม่ให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก และลงชื่อนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
“ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงทางการเมืองที่สะท้อนให้เห็นการบิดเบือนรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีถือเป็นเสาหลัก จริงอยู่นายอนุทินอาจจะมาโดยพรรคการเมืองแต่เมื่อมีข้อตกลงดังกล่าวเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ระบุว่าการกระทำห้ามบุคคลใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ ถึงแม้ว่า จะไม่ถึงโดยตรง แต่ลักษณะเป็นการกร่อนเซาะและทำลายระบอบประชาธิปไตยและตัดกระบวนการการตั้งรัฐบาลโดยเสรี”พ.ต.อ.ทวีกล่าว
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดถึงคุณสมบัติ ถ้ามีการเสนอให้อภิปราย เป็นอาชญากรรม หรือ อาชญากรทางประชาธิปไตยทางการเมืองอย่างไร
ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ใช้สิทธิพาดพิงว่า ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองเห็นด้วยว่าเกิดจากรัฐธรรมนูญที่บิดเบี้ยว จึงเป็นที่มาของการต้องการหาทางออกมุ่งหน้าสู่การยุบสภา และจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายขอใช้สิทธิชี้แจงเนื่องจากได้รับความเสียหายว่า พรรคประชาชนยืนยันว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หลังจากเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคประชาชนก็ต้องทำงานคู่ขนานกันไป
นายรังสิมันต์กล่าว ยืนยันว่ากระบวนการขั้นตอนไม่ได้มีกฎหมายกำหนดว่าห้ามฝ่ายค้านไปเลือกพรรคไหนไปเป็นรัฐบาล ยืนยันว่าการกระทำของพรรคประชาชนไม่ได้เป็นการกระทำที่ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ ละเมิดต่อระบอบประชาธิปไตย
“พวกผมทำเอ็มโอเอขึ้น เมื่อวาน (4 ก.ย.68) ก็มีการลดแลกแจกแถม โดยบางพรรคการเมืองบอกว่ารับทุกข้อของพรรคประชาชน รับทั้งหมด ถ้าท่านบอกว่า ข้อเสนอของพรรคประชาชนผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญ แล้วพวกท่านรับทำไม เพราะวันนี้ท่านไม่ได้รับเลือก พรรคท่านไม่ได้เข้ารอบ”นายรังสิมันต์กล่าว
ด้านนายโสภณ ซารัมย์ สส. บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายเห็นด้วยให้มีการเลื่อนวาระการเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมาพิจารณาก่อนว่า เหตุผลประการแรก ได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับโดยชอบ ประการที่สอง ในสถานการณ์จำเป็นและเร่งด่วนของประเทศ ไม่ปกติ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สภาฯ จึงจำเป็นต้องเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะวิกฤตประเทศศขณะนี้
“วันนี้พรรคภูมิใจไทยจึงเป็นแกนที่จะสรรหาพรรคต่าง ๆ มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะใช้คำว่ารัฐบาลเฉพาะกิจผ่าทางตันก็ได้ และได้ทำข้อตกลงกับพรรคประชาชน ซึ่งไม่ผิด การเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในอดีตก็เคยมี จึงไม่เห็นด้วยกับผู้อภิปรายที่บอกว่า เป็นการเซาะกร่อนระบอบประชาธิปไตย พรรคภูมิใจไทยยืนหยัดและยึดหมั่นในข้อตกลงที่มีต่อพรรคร่วมที่จะสนับสนุนหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี และข้อตกลงนั้นเป็นการคืนประชาธิปไตยให้ประชาชนที่เร็วที่สุด”นายโสภณกล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา