
เพจ กองทัพบก ทันกระแส โพสต์เฟซบุ๊ก ยืนยันยังไม่มีการปะทะ บริเวณ ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีการยิงยั่วยุจากกัมพูชา ทั้งปืนกล-เครื่องยิงลูกระเบิด แต่ไทยไม่ตอบโต้ ขอประชาชนเข้าใจ-เชื่อมั่นสถานการณ์ อย่างหลงกล-เข้าทางกัมพูชา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 27 กันยายน 2568 สืบเนื่องจากกรณีมีการรายงานข่าวว่า เมื่อเวลา 12.03 น. มีการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา บริเวณช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบาลราชธานี โดยฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธปืนกลยิงเข้ามาทางทหารไทยก่อนที่ทหารไทยจะตอบโต้กลับไป
ล่าสุด เพจ กองทัพบก ทันกระแส โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า พื้นที่ช่องอานม้า มีการ ยิงยั่วยุจากฝ่ายกัมพูชา ทั้งปืนกล และเครื่องยิงลูกระเบิด แต่ไทยไม่โต้ตอบ
“ยืนยันยังไม่มีการปะทะ”
ขอให้ประชาชนเข้าใจ และเชื่อมั่นในสถานการณ์ต้องเป็นไปตามเหตุผลและสภาพแวดล้อม อย่าหลงกล เข้าทางกัมพูชา
นอกจากนี้ เพจ กองทัพบก ทันกระแส ยังโพสต์ด้วยว่า
มันร้ายลึก กัมพูชาสร้างสถานการณ์!
การละครฟ้อง IOT ว่าเป็นผู้ถูกกระทำ
คณะ IOT กัมพูชา ลงพื้นที่ช่องอานม้าบ่ายวันนี้
@ กัมพูชาพยายามสร้างสถานการณ์
ต่อมา เพจ กองทัพภาคที่ 2 โพสต์เฟซบุ๊ก ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่ 27 กันยายน 2568 (เวลา 14.00 น.) ว่า สถานการณ์โดยรวม เมื่อเวลา 12.02 นาฬิกา ฝ่ายกัมพูชาได้พยายามสร้างสถานการณ์ความตึงเครียดขึ้นอีกครั้งบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
โดยใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามายังพื้นที่ ของฝ่ายไทยจากบริเวณ เนิน 677 มายัง เนิน 600 และ เนิน 527 พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนเล็กยิงปะทะเป็น ระยะก่อนที่สถานการณ์จะยุติลง ทั้งนี้ การปะทะจำกัดวงอยู่เฉพาะบริเวณดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังควบคุมพื้นที่อย่างใกล้ชิด
ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายไทยได้รับแจ้งจากกัมพูชาว่า คณะสังเกตการณ์ระหว่างประเทศ (IOT) ของกัมพูชาจะเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้า กองทัพภาคที่ 2 ประเมินว่าเป็นความพยายามของกัมพูชา ในการ “สร้างเงื่อนไข” และ “ยั่วยุ” ให้เกิดสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่คณะ IOT เดินทางเข้าพื้นที่ โดยในอดีต กัมพูชามักใช้กลยุทธ์ลักษณะนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในครั้งนี้ก็ยังคงดำเนินการในรูปแบบเดียวกัน
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการตั้งกล้องบันทึกภาพไว้ล่วงหน้า บริเวณฐานปฏิบัติการทางทิศใต้ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะนำเหตุการณ์ไปใช้เผยแพร่ในเวทีนานาชาติ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ว่าฝ่ายไทยเป็นผู้ริเริ่มการปะทะ ทั้งที่แท้จริงแล้ว เป็นการกระทำเชิงยุทธวิธีที่ไม่เหมาะสมของฝ่ายกัมพูชาเอง การใช้อาวุธยิงโจมตีในห้วงเวลากลางวัน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางยุทธวิธี แสดงถึงเจตนาชัดเจน ที่จะยั่วยุให้ฝ่ายไทยตอบโต้ หากฝ่ายไทยดำเนินการตอบสนอง ก็เสี่ยงที่จะถูกกล่าวหาว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และถูกขยายผลในเวทีระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยยังคงควบคุมสถานการณ์ด้วยความสุขุม รอบคอบ และหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่จะตกเป็นประโยชน์ต่อการโฆษณาชวนเชื่อของกัมพูชา แต่ขอยืนยันว่ากองทัพไทยพร้อมปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติอย่างเต็มกำลังควบคู่ไปกับการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่
ในขณะเดียวกัน กองทัพภาคที่ 2 ได้จัดชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือนลงพื้นที่เพื่อช่วยประสานงาน อำนวยความสะดวก และให้ความช่วยเหลือประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่ากองทัพจะไม่ทอดทิ้งและพร้อมยืนเคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์
กองทัพภาคที่ 2 จะติดตามความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมรายงาน ความคืบหน้าให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง และขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณ ในการรับข้อมูลข่าวสาร โดยติดตามเฉพาะช่องทางอย่างเป็นทางการของหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อป้องกันการเกิดความเข้าใจผิดหรือการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง



Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา