
‘ทวี’ อภิปรายเขากระโดง-ฮั้วสว.-กัญชา ย้ำชัดคำตัดสินศาลปกครอง-ศาลฎีกา 9 ครั้งระบุที่ดินเขากระโดงเป็นของ รฟท. ฝากความห่วงใยกรณีฮั้วสว. ทำสส.ภูมิใจไทยประท้วงวุ่น ด้าน ‘ทรงศักดิ์’ โต้ในคำวินิจฉัยไม่ได้บอกว่าเป็นที่ดินใคร
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 29 กันยายน 2568 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาวาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ
เมื่อช่วง 13.00 น.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายนโยบายรัฐบาลมีเนื้อหาพาดพิงถึงปัญหาที่ดินเขากระโดง โดยระบุว่า มี 9 คำพิพากษาทั้งศาลฎีกา และศาลปกครองระบุว่า ที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ เป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) แต่กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ไม่ยอมดำเนินการเพิกถอนที่ดินดังกล่าวให้เป็นไปตามคำพิพากษา
@คำตัดสิน 9 ฉบับยืนชัด ที่ดินเขากระโดงเป็นของรถไฟ
ใจความของการอภิปรายตอนหนึ่ง พ.ต.อ.ทวีอภิปรายว่า เรื่องที่ดินเขากระโดง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดิน ซึ่งมีคำพิพากษาของศาลยุติธรรมและศาลปกครองจำนวน 9 ฉบับ โดยผู้พิพากษาทั้งสิ้น 24 ท่าน ได้ตัดสินว่า ที่ดินเขากระโดงจำนวน 5,083 ไร่ 80 ตารางวา เป็นที่ดินของการรถไฟฯ การออกเอกสารสิทธิ์ไปทับที่ดินของการรถไฟฯ ไม่สามารถกระทำได้ ที่ดินของรถไฟนี้เกิดขึ้นก่อนประมวลกฎหมายที่ดิน และเป็นที่หวงห้าม ไม่สามารถมาออกเอกสารสิทธิ์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำพิพากษาเขียนไว้ว่าที่ดินนี้ รัชกาลที่ 6 พระราชทานให้ วันนี้เราจะไปช่วงชิงที่นี้มาเชียวหรือ
“ศาลปกครองมีคำสั่งครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 พิพากษาให้อธิบดีกรมที่ดิน (ผู้ถูกฟ้องที่ 2) ดำเนินการปฏิบัติตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งมีทั้งการให้เพิกถอน รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่ารัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด กรมที่ดินยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยตั้งกรรมการตามมาตรา 61 วรรค 2 แต่ไม่ไปทำตามที่ศาลปกครองสั่งคือให้ไปสำรวจแนวเขต กลับไปพิพากษาคดีใหม่ ไปเอาแผนที่มา ซึ่งเรื่องทั้งหมดถูกตัดสินโดย 9 ศาลอย่างชัดเจนแล้ว คณะกรรมการชุดนี้จึงทำตัวตามอำเภอใจ ไม่ใช่ตามกฎหมาย” พ.ต.อ.ทวีกล่าว
พ.ต.อ.ทวีกล่าวต่อว่า แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 อธิบดีกรมที่ดินสั่งยุติการสำรวจทั้งที่การรถไฟฯ กับผู้สำรวจกำลังดำเนินการอยู่ แต่ต่อมาการรถไฟฯ กับผู้สำรวจก็ทำเสร็จ ซึ่งถ้าทำเสร็จตามกฎหมายก็เพียงแต่มารอเพิกถอน แต่เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ผู้ว่าการรถไฟฯคนปัจจุบันเห็นว่างานธุรการยังไม่เรียบร้อย ก็ไปประชุมกับผู้สำรวจและรับรองแนวเขต ซึ่งถือว่าจบเรื่องแล้ว หน้าที่ต่อไปคือต้องไปเพิกถอน หลังจากนั้น ปรากฏว่าหลังจากมีนายกรัฐมนตรีแล้ว กระทรวงมหาดไทยไปสั่งยุติ
“ที่ผมพูดเรื่องนี้เพราะเกี่ยวกับนโยบายจะไม่ใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ผมจะยืนยันในประเด็นนี้ว่าประโยชน์ทางการเมืองคือ ท่านนายกเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และท่านนายกก็มีบ้านอยู่ที่บ้านเลขที่ 30/2 หมู่ 4 ต.อิสาน อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านที่อยู่ในพื้นที่นี้ด้วย เมื่อผู้พิพากษา 24 คนวินิจฉัยมาแล้ว แต่กลับให้หน่วยงานไปตีความตามอำเภอใจ และเป็นเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นทั้งหมด ผลกระทบคือความเสียหายของรัฐ การรถไฟฯ ต้องสูญเสียที่ดิน 5,083 ไร่ มูลค่าเป็นหมื่นๆ ล้าน, 2.บ่อนทำลายหลักนิติธรรม ปล่อยให้โฉนดเป็นโมฆะ และทำลายคุณค่าของคำพิพากษาในพระปรมาภิไธย, 3.เกิดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งท่านพูดว่าจะไม่ให้ใครอยู่เหนือกฎหมาย และละเลยรัฐธรรมนูญ” พ.ต.อ.ทวีกล่าวอีก
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติกล่าวว่า อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่กระทบต่อเสถียรภาพทางฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ คือการได้มาซึ่งวุฒิสภา (สว.) มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอนุกรรมการ กกต. ได้ส่งคำร้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในที่นี้ประมาณ 6-7 คน ไปรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งมีคดีที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด 229 คน และมีคนใน ครม. ที่เกี่ยวข้อง ในความผิดฐานอั้งยี่หรือฟอกเงิน ซึ่งคิดว่าเป็นมหันตภัยที่อันตรายที่สุดที่ทำลายระบบประชาธิปไตย วันนี้เราเป็นสภาฯที่ สว. มาจากการเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่าในหลักฐานโพยฮั้ว ทุกคนเหมือนเปิดหีบบัตร ตรงกัน 100%
“ผมอยากจะฝากท่านนายกและ ครม. ให้ปล่อยพนักงานสอบสวนกระทำตามหน้าที่ เพราะเรื่องนี้เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ในมาตรฐานการสอบสวนของคดีอั้งยี่ ซึ่งมีโทษถึง 10 ปีสำหรับหัวหน้า ศาลได้วางหลักว่าแค่ "มีหลักฐานพอสมควร" ก็สามารถเรียกมาแจ้งข้อหาได้ ในจำนวน 229 คนนี้ มีทั้งตัวท่านนายกและรัฐมนตรี ซึ่งถ้าไม่เข้าไปแทรกแซง ปล่อยให้ทำตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นมหันตภัยที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในสังคมไทย” พ.ต.อ.ทวีกล่าวอีกครั้ง
สุดท้ายนี้ พ.ต.อ.ทวีอภิปรายว่า ยังมีสิ่งที่นายกฯได้ทำเป็นตราบาปของประเทศไทยคือ เรื่องกัญชา วันนี้กัญชาเป็นเรื่องใหญ่มาก เวลาไปประชุมที่ไหน ก็มองว่าประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตยาเสพติด ถ้าเราไม่ควบคุม ภูเก็ตซึ่งจะเป็นเมืองหลักของการท่องเที่ยว จะกลายเป็นเมืองร้างของการท่องเที่ยว และท่านมาจากกลุ่มผู้สัมปทานในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเหมือน "เสือนอนกิน" คือผลักภาระไปให้ประชาชน จึงดีใจที่มีรัฐมนตรีที่มาจากประชาชนอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นจะมีแต่คนอยู่ในหอคอยงาช้าง
@ประท้วงวุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอภิปรายของ พ.ต.อ.ทวี มีสส.พรรคภูมิใจไทยพากันลุกขึ้นมาประท้วง อาทิ นายสนอง เทพอักษรณรงค์ สส.บุรีรัมย์ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง ระบุว่า อภิปรายเรื่องเก่าซ้ำซาก ไม่เกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องสมัยรัฐบาลที่แล้ว ขอให้ประธานในการประชุมช่วยควบคุมการประชุมด้วย โดยนายมงคล วินิจฉัยให้พ.ต.อ.ทวี อภิปรายอยู่ในเนื้อหานโยบายรัฐบาล เพราะขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ อย่านำเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมาอภิปราย
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวียืนยันว่า สิ่งที่อภิปรายเป็นข้อห่วงใยเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่มีบ้านอยู่ในที่ดินเขากระโดง ทำให้รฟท.ต้องเสียที่ดิน 5,083 ไร่ เป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำ และบ่อนทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม ทำให้สส.ภูมิใจไทยไม่พอใจลุกขึ้นประท้วงวุ่นวายอีกครั้ง ขอให้นายมงคล ควบคุมการประชุมให้ดี เพราะไม่ทำตามที่ประธานที่ประชุมวินิจฉัย ทำให้นายมงคลต้องปรามพ.ต.อ.ทวีอีกครั้ง ที่สุด พ.ต.อ.ทวีต้องเปลี่ยนไปอภิปรายเรื่องคดีฮั้วสว.แทน แต่ก็ยังทำให้เกิดวิวาทะในการประชุมโต้ไปมากันอยู่ดี เพราะมีการพาดพิงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี
@ศาลไม่ได้ตัดสินว่าเป็น ที่ดินรถไฟ
ขณะที่นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยชี้แจงว่า หากเป็นที่หลวงจริง การจะไปครอบครอง ปรปักษ์ต่อเนื่อง กี่พันปี ก็เป็นเจ้าของไม่ได้ แต่มีการอ้างถึงเป็นที่พระราชทานให้กับการรถไฟฯ แล้วถือว่าการรถไฟฯเป็นเจ้าของมาตั้งแต่ปี 2462 ต้องมีการสำรวจและต่อเนื่องมาจนถึงมีการแจ้ง ส.ค. 1 ในปี 2498 หลังมีประมวลกฎหมายที่ดิน และมีข้อพิพาทแก่จำเลย ในที่สุดมีคำพิพากษา เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญ เพราะคนที่พูดเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งการพูดและการแสดงออก ใครต้องพูดให้ครบ แต่ถ้าพูดไม่ครบ คนที่ฟังจะเกิดความสับสน และอาจเข้าใจไปในแนวทางที่พูดว่าเมื่อศาลตัดสินไปแล้ว ต้องทำตามคำสั่งของศาล ตนเองก็เห็นด้วย แต่ก็ต้องดูว่า คดีความที่เกิดขึ้นนั้น มี 3 คดี ที่ศาลตัดสินพิพากษาไปแล้ว แต่ไม่มีคดีไหนเลยที่ศาลตัดสินให้เป็นที่ของการรถไฟฯ เพราะคนที่ไปฟ้องคดี เป็นการตัดสินสืบเนื่องจากคนมีที่ดินที่เป็น ส.ค.1 หรือ น. ส.3 ออกโฉนดไปฟ้องศาล ขอให้ศาลสั่งให้กรมที่ดินในจังหวัด ออกโฉนดให้ และการรถไฟฯก็ไปคัดค้าน และศาลตัดสินว่าที่ดินดังกล่าว ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ ประเด็นมีอยู่แค่นี้ แต่เมื่อนำไปพูดในสื่อ และการพูดเมื่อสักครู่สมาชิกหลายท่านเข้าใจว่าศาลตัดสิน และกรมที่ดินไม่ดำเนินการอะไร แต่ความจริงแล้ว กรมที่ดินดำเนินการหมดแล้วเป็นไปตามคำพิพากษาของศาลทุกประการ
นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า เขากระโดงทุกคดีกรมที่ดินได้ดำเนินการเพิกถอนเป็นไปตามคำสั่งของศาลเป็นที่เรียบร้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าศาลตัดสินให้ที่ดินทั้งหมดเป็นที่ของการรถไฟ ย้ำว่า ไม่มี ส่วนเรื่องการดำเนินการตามมาตรา 61 เป็นเรื่องการเพิกถอน ซึ่งมีหลายวรรค หากเป็นวรรค 8 จะเป็นการเพิกถอนคำสั่งที่ดินที่มีโฉนดมีกรรมสิทธิ์ ซึ่งสามารถเพิกถอนได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ศาลสั่งให้มีการเพิกถอน สั่งให้อธิบดีกรมที่ดินไปตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 วรรค 2 ที่มีการพิพาทกัน ทั้งหมดนี้สามารถเพิกถอนได้หรือไม่ ก็ดำเนินการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา แล้วตามกฎหมาย ไม่สามารถตั้งคนอื่นได้ ซึ่งที่ทราบมาไม่สามารถชี้แนะได้อย่างชัดเจน และการขอให้การรถไฟแสดงการได้มาซึ่งที่ดินของการรถไฟ ซึ่งการได้มาซึ่งที่ดิน ไม่เหมือนประชาชน มีกฎหมายเฉพาะ มีพระราชกฤษฎีกาจัดวางรางและทางหลวง ไม่มีกฎหมายเรื่องการครอบครอง เพราะการครอบครองเป็นเรื่องของประชาชนการรถไฟจะได้กรรมสิทธิ์ที่ดินอะไรจะต้องได้มาตามพระราชกฤษฎีกา
นายทรงศักดิ์ กล่าวย้ำว่า ทุกอย่างยังอยู่ในกระบวนการ ตนเองพ้นจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยก็เห็นว่ามีการแถลงข่าวมีภูมิธรรม เวชชัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดชอิศม์ ขาวทอง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งคณะกรรมการอะไรก็ไม่ทราบ ซึ่งไม่มีกฎหมายรองรับ และบอกว่าให้มีการเพิกถอนโฉนดต่าง ๆ ที่อยู่ในที่ดิน 995 แปลง 5,083 ไร่เศษ ที่บอกว่าจะถอนทันที จนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นมีการเพิกถอน พร้อมย้ำว่า ขอให้กรมที่ดินดำเนินการไปตามกฏหมายต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา