
จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ท้า อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล้ารับปากไม่แทรกแซงคดีเขากระโดง-ฮั้วเลือกสว. ด้าน อนุทิน ลั่น จะไม่ใช้อำนาจ-หน้าที่-ตำแหน่ง ช่วยเหลือตัวเอง-พวก โต้ เป็นเพียง ‘ผู้ถูกกล่าวหา’ คดีฮั้วเลือกสว. - ขอให้ถอนคำพูด ‘ผู้ต้องหา’ ส่วน อดิศร เพียงเกษ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อไทย ถามเป็นผู้ถูกกล่าวตามหมายเรียกของดีเอสไอลำดับที่ 187 คนเดียวกับ ‘นายกฯ’ ใช่หรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 30 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ที่ประชุมร่วมรัฐสภามีการอภิปรายนโยบายของรัฐบาล คณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในการแถลงต่อรัฐสภาเป็นวันที่สอง โดย น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.จังหวัดร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย (พท.) สมาชิกรัฐสภา อภิปรายว่า สิ่งที่ประชาชนอยากฟัง ไม่ใช่นโยบายที่นายกรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา แต่สิ่งที่คนอยากฟัง คือ นโยบายที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้แถลง คือ คดีที่ดินเขากระโดง และคดีฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ประชาชนยังหวาดระแวง สงสัยว่า นายกรัฐมนตรีจะเข้ามายุบคดีก่อนที่จะยุบสภา
“ท่านนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้ต้องหาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ต้องหาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ยืนยันว่าถูกกลั่นแกล้ง เท่ากับเป็นการแถลงนโยบายต่อข้าราชการแล้วว่า ถ้าใครทำคดีฮั้วเลือกสว. ใครทำคดีเขากระโดงต่อเท่ากับเป็นการกลั่นแกล้งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แบบนี้ข้าราชการก็นั่งตัวแข็ง ไม่กล้าทำอะไร ดังนั้น ท่านนายกรัฐมนตรีกล้าให้คำมั่นสัญญากับรัฐสภาแห่งนี้หรือไม่ว่าจะไม่กลั่นแกล้งหรือโยกย้ายข้าราชการผู้เกี่ยวข้องที่ทำคดีนี้และจะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมใดๆ ท่านนายกรัฐมนตรีจะรับปากต่อรัฐสภาแห่งนี้ได้หรือไม่”น.ส.จิราพรกล่าว
ขณะที่นายอนุทิน ลุกขึ้นชี้แจง ว่า เรื่องฮั้วเลือกสว. เรื่องอยู่ที่ กกต. อยู่แล้ว กกต.ดำเนินการ มีแต่รัฐบาลที่แล้ว พยามยามสั่งให้ดีเอสไอดำเนินการ แล้วก็ไปติดข้อกฎหมาย สุดท้ายคนที่ดำเนินการ คือ กกต. ไม่ว่ารัฐบาลที่แล้วจะพยายามส่งผู้แทนเข้าไปในคณะ กกต. ก็แล้วแต่ ทำได้ แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามข้อกฎหมาย
“อีกคำที่ท่านต้องถอนคำพูด ผมไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ผมยังไม่ได้เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย ชอบใช้วาทะกรรมพูดให้ประชาชนเข้าใจผิด ท่านบอกว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ต้องหาของดีเอสไอ ท่านเรียกอธิบดีดีเอสไอ ท่าน (พ.ต.ต.) ยุทธนา แพรดำ มาตรงนี้เลย ท่านถามท่านยุทธนา แพรดำ ว่าผมเป็นผู้ต้องหาหรือไม่ ท่านกล้าหรือไม่ แล้วถ้าท่านยุทธนาบอกว่าผมไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ท่านไปแถลงให้ผมด้วยนะว่า ผมไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ท่านพูดผิด ผมเป็นเพียงผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ก็ต่อสู้คดีไป คดีออกมาเป็นอย่างไร ถ้าผมผิด มันมีกระบวนการลงโทษผมอยู่แล้ว”นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องที่ดินเขากระโดง ต.อิสาณ จังหวัดบุรีรัมย์ก็เช่นกัน ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยออกมาแถลงชี้แจงแล้ว วันนั้นรมว.มหาดไทย รมช.มหาดไทยในขณะนั้นใจร้อนเอง เข้าไปวันแรกก็บอกว่า วันที่ 2 ส.ค.68 จะยึดที่ดิน
“สุดท้าย ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมที่ดินที่ท่านตั้งเอง ทุกคนมาแถลง คณะกรรมการที่ท่านตั้งก็มาแถลงว่า รัฐมนตรีทั้งสองท่านพูดเร็วเกินไป พูดไม่ตรงกับมติของคณะกรรมการ แล้วท่านจะมาโทษอะไรผม คนที่ใช้อำนาจหน้าที่ไปกดดันก็คือ รัฐมนตรีมหาดไทย รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย สองท่านนั้นต่างหาก”นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งฟ้องเป็นรายแปลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองต้องการ อย่าไปฟ้องเหมารวม ใช้เวลานาน ไล่ฟ้องเป็นเลยแปลงเลย แปลงไหนผิดกฎหมายก็ต้องเร่งยึดไปทันที แปลงไหนได้มาโดยถูกกฎหมายก็ต้องคืนความเป็นธรรม

“ผมจะไม่มีวันใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลทุกกระทรวงในรัฐบาลนี้ไปให้พวกเขาช่วยเหลือใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมาย อย่าว่าแต่พวกผมเลย พวกท่านก็ช่วยไม่ได้ พวกผมยิ่งช่วยไม่ได้ใหญ่ ขอให้มีความมั่นใจ จะไม่ดำเนินการเป็นอันขาด”นายอนุทินกล่าว
@ อดิศร เปิดโพย ดีเอสไอ ออกหมายเรียก ถาม อนุทิน-ผู้ถูกกล่าวหาลำดับที่ 187 ใช่หรือไม่
รายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายนโยบายรัฐบาล ประเด็นการฮั้วเลือกสว. ว่า มีข้อสงสัยว่าบุคลากรตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเป็นต้นไป ทั้งหมดที่นั่งเรียงลำดับอยู่ข้างบน จากประสิทธิประสาทระบบยุติธรรมนิติรัฐให้แก่ชาติบ้านเมืองได้อย่างไร เพราะประเด็นเรื่องการฮั้ว สว. นั้น ร้ายแรงและน่ากลัวกว่าที่พวกเราได้ยินข่าว เพราะ สว. มีอำนาจในการกลั่นกรองกฎหมาย มีอำนาจในการคัดเลือกบุคลากรองค์กรอิสระ
“ในการเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่ง มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายท่านหนึ่งไม่ได้รับเลือก กลับไปเอาอธิบดีกรมทางหลวงไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้จำเป็นต้องพูดเพราะว่าประชาชนจะไม่เข้าใจ และ กกต. ก็ได้แจ้งความท่านทั้งหมด 229 คน ถือเป็นพรรคการเมืองใหญ่ ซึ่งถูกทำคลอดจากพรรคฝ่ายค้านมาเป็นนายกรัฐมนตรี”นายอดิศรกล่าว
นายอดิศรกล่าวว่า มีครม.ที่ถูกกล่าวหา และมีสมาชิก 140 คนอยู่ตรงนี้ที่ถูกกล่าวหาจากคณะกรรมการการยุติธรรม และผมไม่เคยเห็นว่าจะมีคณะกรรมการยุติธรรมในคดีใดจะสามัคคีกันขนาดนี้ เพราะมีทั้งกกต. ดีเอสไอ อัยการ และมีพนักงานสอบสวนของตำรวจ สี่องค์กรจับมือกันสืบสวนสอบสวน เพราะคดีอย่างนี้มันต้องใช้คนมือชั้นเซียน ข้อเท็จจริงถึงจะปรากฏ
“ผลการเลือกที่ออกมาก็พบว่ามีการเลือกกันแบบซ้ำกันเป๊ะเป๊ะ นักสถิติก็บอกว่าถ้ามันตรงกันเป๊ะเป๊ะอย่างนี้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นการจัดตั้ง มันเป็นโพยเลือกตั้งจริงๆ ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง 33 ครั้งติดต่อกันก็ยังไม่เป๊ะขนาดนี้”นายอดิศรกล่าวและว่า
นายอดิศรกล่าวว่า ในมือของตนนี่คือบันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหา มีการระบุจุดเริ่มต้นว่าเกิดขึ้นที่พรรคการเมืองใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีการเริ่มต้นเสนอแผน มีการวางแผนแล้วก็นำเสนอ มีการพิจารณาเข้าสู่ในที่ประชุมใหญ่ มีการนัดแนะกันจนได้ ส.ว. มีการประชุมกันที่โรงแรมใด ข้อมูลมีอยู่ในเอกสารให้หมด รายชื่อทั้งหมดที่อยู่ในคดี ก็เป็นรายชื่อเดียวกันกับที่นั่งสลอนอยู่ข้างหน้า เป็นผู้ถูกกล่าวหาทั้งนั้น
“นายกรัฐมนตรีเป็นชื่อเดียวกันกับผู้ถูกกล่าวหาอันดับที่ 187 ชื่อ อนุทิน ชาญวีรกุลเหมือนกัน ผมก็สงสัยว่าอนุทิน 187 นี้ เป็นอนุทินเดียวกันกับที่เป็นนายกรัฐมนตรีหรือเปล่า ถ้าเป็นคนเดียวกันจะไว้วางใจได้อย่างไรว่า จะไม่มีการแทรกแซง 4 เดือนที่ท่านเข้ามาอาจจะไม่ใช่การยุบสภา แต่ผมเข้าใจว่าท่านจะเข้ามายุบคดีนี้ เพราะถ้าผลการสืบสวนสอบสวนออกมาโดยละเอียด ท่านจะถูกยุบพรรค กรรมการบริหารพรรค และคณะรัฐมนตรีทั้งหมดนี้จะต้องถูกตัดสิทธิไป”นายอดิศรกล่าวและว่า

“ที่ท่านเขียนว่าท่านจะยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยนั้น ท่านนายกรัฐมนตรีท่านลุกขึ้นมาพูดเลยว่าท่านจะไม่แทรกแซง ดีเอสไอ กกต. อัยการ และหากศาลฎีกาจะตัดสินเรื่องนี้ ท่านก็ต้องบอกท่านบวรศักดิ์ว่าอย่ามายุ่ง แล้วก็ต้องบอกเรารัฐมนตรียุติธรรมจากบุรีรัมย์อย่ามายุ่งเรื่องนี้ได้หรือไม่”นายอดิศรกล่าว
นายอดิศรกล่าวว่า สิ่งที่ตนตั้งคำถามในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลในครั้งนี้คือเรื่องความไม่มั่นใจในการบริหารราชการแผ่นดินของท่านนายกรัฐมนตรีชื่ออนุทิน เนื่องจากมีชื่ออนุทิน 187 ที่ถูกดีเอสไอเรียกไปสอบปากคำคดีฮั้ว สว. ด้วย และนอกจากรายชื่อนี้ยังมีอีกหลายรายชื่อ ซึ่งถ้าพูดออกมาทั้งหมดก็คาดว่าสภานี้คงลุกเป็นไฟ เมื่อเป็นเช่นนี้จะให้ไว้วางใจให้คณะรัฐมนตรีชุดนี้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินแม้แต่ 1 วินาทีได้อย่างไร
“อำนาจหน้าที่ของวุฒิสภานั้นยิ่งใหญ่ และที่ผ่านมาได้มีการสมคบคิดกระทำการจนสำเร็จไปแล้ว ถือว่ามีความผิด 1,000,000% เพราะมีหลักฐานที่แน่นหนามาก ท่านประธานอย่าตกใจนะครับ ท่านเองชื่อมงคล สุรสัจจะ ท่านก็มีรายชื่ออยู่อันดับที่สามครับ”นายอดิศรกล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา