
'พัฒนา' ประกาศ 5 นโยบาย สธ. ยกระดับระบบสุขภาพไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ปัดฝุ่นแอพฯหมอพร้อม-เพิ่มค่าตอบแทนบุคลากร รับลูกนายกฯ ฟื้นล้างไตฟรีทั้งหมดใน 2 เดือน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 1 ตุลาคม 2568 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 10/2568 ซึ่งเป็นครั้งแรกของปีงบประมาณ 2569 โดยนายพัฒนาได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้บริหารที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง 6 ท่าน ได้แก่ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ อธิบดีกรมการแพทย์ ภญ.สุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นพ.สราวุฒิ บุญสุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ ดร.นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และได้ย้ำว่าพร้อมที่จะสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ร่วมดูแลพี่น้องประชาชน และร่วมพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศอย่างเต็มกำลังความรู้ความสามารถ
นายพัฒนา กล่าวว่า วันนี้ได้รับทราบโครงสร้างและบทบาทภารกิจของหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุข และการดำเนินงานที่สำคัญ โดยตนได้ให้ทิศทางการดำเนินงานในการยกระดับระบบสุขภาพไทยให้เป็นเสาหลักของความมั่นคงและคุณภาพชีวิตของประชาชน ได้แก่
1.30 บาท รักษาทุกที่ และ ฟอกไตฟรีได้ทุกแห่ง โดยขยายระบบ Telemedicine ให้ครอบคลุมทุก รพ.สต. และจัดให้มีเครื่องฉายแสงเพื่อการรักษาโรคมะเร็งครอบคลุมอย่างครอบคลุม
2.รอบรู้ เพื่ออยู่อย่างมีคุณภาพชีวิต มุ่งสร้างสังคมที่ประชาชนมีความรอบรู้เรื่องโรค การป้องกัน การดูแลตนเอง และการใช้บริการสุขภาพอย่างเหมาะสม มีข้อมูลสุขภาพที่เข้าถึงง่าย เข้าใจได้ และใช้ประโยชน์ได้จริง โดยภายใน 4 เดือน จะมีช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงความรอบรู้ด้านสุขภาพ ผ่าน Super App ด้านสุขภาพ และเสริมพลังแอปพลิเคชันต่าง ๆ ของกระทรวงสาธารณสุข ให้เข้าถึงประชาชนได้ไม่น้อยกว่า 30%
3.หมอไม่ล้า ประชาชนไม่รอ เชื่อมต่อทุกบริการผ่านเทคโนโลยี โดยพัฒนาหมอพร้อม เป็น “หมอพร้อม+” คือ Super App ด้านสุขภาพที่ประชาชนเข้าถึงบริการทุกอย่างได้ในแอปฯ เดียว ข้อมูลสุขภาพเชื่อมโยงเป็นระบบเดียวกันทั้้งประเทศ ตลอดจนใช้เทคโนโลยีช่วยลดความซ้ำซ้อน เพิ่มความแม่นยำ และสนับสนุนบุคลากรด้วย AI Chatbot และ IoT รวมทั้งการสร้างคลังข้อมูลกลางด้านสุขภาพ สำหรับการวิเคราะห์ บริหารจัดการ และรายงานผลแบบ Real Time นอกจากนี้ จะร่วมขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลเรื่องคาร์บอน เครดิต ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียว การใช้รถยนต์ไฟฟ้า อาคารอนุรักษ์พลังงาน ตั้งเป้าสร้างพื้นที่สีเขียวในทุกโรงพยาบาล ไม่น้อยกว่า 25% ใน 4 เดือน
4.เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ ด้วยการแพทย์มูลค่าสูง จะพัฒนาประเทศไทยสู่การเป็น Medical & Wellness Hub แห่งภูมิภาค พัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงามของไทย การให้บริการศัลยกรรมตกแต่งและแก้ไข สมุนไพรไทย นวดไทย ไปสู่ตลาดระดับโลก รวมทั้งผลักดันการแพทย์แม่นยำที่ใช้ข้อมูลจีโนมและ AI วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ต่อยอดด้วยผลิตภัณฑ์ทางการแพทยขั้นสูง (ATMPs) โดยจะเห็นการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ พื้นที่นำร่องด้าน ATMPs ศูนย์ฝึกอบรมด้านการแพทย์แม่นยำ และ National ATMPs Center แผน Genomic Thailand ระยะที่ 2 รวมทั้งการให้บริการปลูกถ่ายอวัยวะที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น
5. ขวัญกำลังใจบุคลากร โดยเร่งดำเนินการเรื่องค่าตอบแทนตามภาระงาน ให้เป็นธรรมและเหมาะสม จัดสรรอัตรากำลังและทีมสนับสนุนให้เพียงพอตามบริบทของพื้นที่ ดูแลสวัสดิการและพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลก รวมถึงปรับปรุงโครงสร้าง กฎหมาย และระบบการทำงานให้ทันสมัย ลดภาระงานที่่ไม่จำเป็น
ด้าน นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พร้อมสนับสนุนการยกระดับการบริการและหน่วยบริการสุขภาพทุกระดับให้ก้าวทันทุกความท้าทายด้านสุขภาพของโลก และก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพโลก โดยสร้างความเข้มแข็งของระบบสุขภาพตั้งแต่ฐานราก คือ อสม. ด้วยการพัฒนาศักยภาพให้มีความเชี่ยวชาญ มีกฎหมายคุ้มครอง พร้อมดูแลสวัสดิการค่าตอบแทน ส่วนการกระทำที่ผิดกฎหมายด้านสุขภาพ จะมีการปราบปรามอย่างเข้มงวด เพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของคนไทย และจะวางระบบดูแลสุขภาพแรงงานต่างด้าว ให้มีการซื้อประกันสุขภาพและมีระบบเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อให้ติดตามตรวจสอบได้ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศ รวมถึงแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวนอกระบบ เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพคนไทย และความมั่นคงของระบบสาธารณสุขไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ขีดเส้นให้นำการฟอกไตฟรีทุกแห่งกลับภายใน 2 เดือน ให้ถือเป็นเคพีไอ มองว่าจะทำทันหรือไม่ นายพัฒนา กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มอบหมายให้ปลัดสธ. และเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ไปดำเนินการทันที ซึ่งขณะนี้ทราบว่า มีการให้บริการฟรีทุกแห่งอยู่แล้ว โดยจะต้องให้ครอบคลุมการฟอกไตทุกรูปแบบ เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับประชาชน ยืนยันว่า ทำทันภายใน 2 เดือนนี้แน่นอน
“การฟอกไต ล้างไต เป็นเพียงวิธีการรักษาด้านหนึ่งเท่านั้น ผู้บริหารสธ. รวมทั้งผม และท่านนายกฯ ทราบดีว่า วิธีการแก้ปัญหาของเรื่องนี้ ไม่ได้จบที่การฟอกไตแต่เป็นเรื่องของการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ เรื่องนี้กระทรวง และผม มีการหารือกันว่า จะทำอย่างไรที่จะแก้ปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งส่วนนี้จะเป็นนโยบายต่อไปในอนาคต” นายพัฒนา กล่าว
นพ.สมฤกษ์ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การจัดบริการฟอกไตฟรี เราทำทุกรูปแบบฟอกไตด้วยเครื่อง และการล้างไตทางหน้าท้อง ขณะเดียวกันก็ทำครอบคลุมทุกอำเภอมา 2-3 ปี แล้ว ศูนย์ฟอกไตมีความครอบคลุม มีเพียงประเด็นที่บางครั้งมีการเก็บค่าบริการเพิ่ม เรื่องนี้ได้หารือกับเลขาฯ สปสช. แล้วว่าจะมีการกำชับว่าไม่ให้มีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากผู้รับบริการ ย้ำว่า ที่เป็นการรื้อฟื้นโครงการเดิมสมัยนายอนุทิน เป็นรมว.สาธารณสุข
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า นโยบายหลักที่ท่านนายกฯ และรมว.สธ.กำหนดคือต้องไม่มีการเก็บเงินกับผู้ป่วย ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องรับบริการล้างไตทุกประเภท อีกประเด็นที่เราจะไปดูเพิ่มเติมคือ เรื่องคุณภาพ เพราะที่ผ่านมามีการร้องเรียนไปสู่ส่วนหนึ่งที่ท่านนายฯ ท่านจึงได้มอบนโยบายให้บริการล้างไตฟรีทุกที่อย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่ไปรับบริการแล้วไม่มีคุณภาพ
โดยหลักการการล้างไตฟรีสามารถทำได้ทันที ทุกที่ แต่ประเด็นเรื่องของคุณภาพ ตนและปลัดสธ.จะมีการหารืออีครั้ง หากมีประเด็นใดที่เพิ่มเติมมากกว่านั้น ที่ต้องมีการเพิ่มคุณภาพ ยกระดับ ก็ต้องเสนอเข้าที่ประชุมกรรมการสปสช. (บอร์ด สปสช.) เป็นการยกระดับคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นจากเดิม
“จริงๆหลักการล้างไต จะเป็นการรีแพคเกจ และต้องไม่มีการเรียกเก็บเงินผู้ป่วย และเพิ่มคุณภาพให้ได้ในศูนย์ล้างไตทั้งหมด ปัจจุบันศูนย์ล้างไตเอกชนมี 4,000 แห่ง ขณะที่ผู้ป่วยล้างไตประมาณแสนราย โดยคาดว่าใช้งบประมาณในปี 2569 จำนวน 16,000 ล้านบาท จากปี 2568 อยู่ที่ 13,000 ล้านบาท” นพ.จเด็จกล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา