
คณะกรรมธิการกิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร - รังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน-ประธานกมธ.ความมมั่นคงแห่งรัฐฯ เตรียมเชิญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ-รมว.เกษตรฯ ชี้แจง 9 ต.ค.68 หลังยอมรับเป็นบุคคลที่สาม-นั่งร่วมโต๊ะ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี - เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ขณะเดียวกัน เชิญ ไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดีอีเอส กรณียอมรับมีคนให้สินบน 40 ล้านบาทต่อเดือน แลกกับไม่ดำเนินคดีกับคอลเซนเตอร์-สแกมเมอร์-เว็บไซต์ผิดกฎหมาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นประธาน นัดประชุมในวันที่ 9 ต.ค.68 ต่อเนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 2 ต.ค.68 กรณีพิจารณาศึกษาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซนเตอร์ในประเทศไทย กรณีของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ นายเบน สมิธ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยมีเรื่องพิจารณาดังนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องประกอบ : ISRA:เอ็กซ์คลูซีฟ! ‘ธรรมนัส‘ เปิดสัมพันธ์ลึก ‘ทักษิณ & เบนจามิน’ จาก ดูไบ ถึง ห้างเกษรฯ
1. ศึกษาและติดตามปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย ในกรณีของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ นายเบน สมิธ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และกรณีปัญหาการก่อสร้างอาคารของแก๊งสแกมเมอร์รุกชายแดนไทยในพื้นที่จังหวัดตราด
2. ศึกษาปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย กรณีของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์หรือเบน สมิธ และแนวทางการสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนต่อการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และความมั่นคงของประเทศ
3. ศึกษาการแนวนโยบายและการสร้างความมั่นใจต่อการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ รวมถึงเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทยเพื่อการสร้างความมั่นคงของประเทศ กรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวอ้างว่ามีบุคคลเสนอจะให้ผลประโยชน์ (40 ล้านบาทต่อเดือน) แก่ท่านเพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์สแกมเมอร์รวมถึงเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมาย
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ขณะที่ นายรังสิมันต์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า การประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2568 ได้ติดตามความคืบหน้าใน การตรวจสอบปัญหาการฟอกเงินข้ามชาติของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมี นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ นายเบน สมิธ เป็นศูนย์กลาง
เพื่อติดตามเรื่องนี้ต่อไป ทางคณะฯ ได้กำหนดนัดประชุมครั้งต่อไปในวันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม 2568 โดยจะเชิญบุคคลสำคัญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ทั้ง ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะรองนายก ผู้ถูกระบุว่ามีความรู้จักสนิทสนมกับนายเบน สมิธ และมีภาพถ่ายร่วมกัน กับนายไชยชนก ชิดชอบ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อสอบถามกรณี สินบน 40 ล้านบาท และมาตรการป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์
คณะกรรมาธิการฯ ยืนยันว่าจะติดตามกรณีเครือข่ายฟอกเงินข้ามชาติ ที่บ่อนทำลายเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ อย่างใกล้ชิดรวมไปถึงการแสวงหาผลประโยชน์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ผ่านขบวนการในไทยอย่าง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของคนไทยถึงที่สุดครับ โดยได้ข้อสรุปในการประชุมวันนี้ว่า
1. ยืนยันไม่มีการให้สัญชาติไทยแก่ 'เบน สมิธ'
กระทรวงมหาดไทยยืนยันว่า คำร้องขอแปลงสัญชาติเป็นไทยของ นายเบน สมิธ จะ ไม่ได้รับการอนุมัติ อย่างเด็ดขาด เนื่องจากข้อมูลจากหน่วยงานข่าวกรองระบุถึงความ สัมพันธ์ของนายเบน สมิธ กับ นายฮุนเซน และเครือข่ายอำนาจในกัมพูชา ซึ่งเป็นประเด็นที่ ส่งผลกระทบ ต่อความมั่นคงของประเทศไทย อย่างชัดเจน
2. เปิดโปงเส้นทางฟอกเงินมหาศาลผ่านบริษัทกัมพูชาและทองค่า
จากการตรวจสอบเพิ่มเติม คณะกรรมาธิการฯ พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า บริษัท Huione Pay ซึ่งเป็นบริษัท แลกเปลี่ยนเงินตราในกัมพูชา และถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากอาชญากรรมแก๊ง คอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ พบว่ามีเม็ดเงินหมุนเวียนผ่านบริษัทนี้สูงถึงกว่า 3.3 ล้านล้านบาท คณะกรรมาธิการฯ มีความมั่นใจว่าเงินจำนวนมหาศาลนี้มีที่มาจากอาชญากรรมข้ามชาติ
นอกจากนี้ ยังพบความผิดปกติของการ ส่งออกทองค่าจากประเทศไทยจำนวนมากไปยังกัมพูชา ซึ่งมี แนวโน้มอย่างสูงว่าเป็นการใช้ทองค่าเป็นเครื่องมือสำาคัญใน กระบวนการฟอกเงิน ของเครือข่ายดังกล่าว
ที่ประชุมยังได้หารือถึงรายละเอียดการทำธุรกรรมผ่าน สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) เพื่อตรวจสอบ ว่าส่วนใดที่เข้าข่ายการฟอกเงินและจำเป็นต้องเร่งออกมาตรการควบคุมเพื่อปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย รายละเอียดบริษัทที่ถูกกล่าวหาอยู่ระหว่างการตรวจสอบ พบพฤติกรรมที่ใช้เหรียญคลิปโตรเพื่อหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา