
ป.ป.ช.มีมติชี้มูลอดีต ผอ.โรงเรียนมัธยมตากสินระยอง สมคบพรรคพวกทุจริตเงินค่าบำรุงการศึกษาโรงเรียนช่วงปี 62-63 ไปร่วม 3 ล้าน พฤติการณ์เรี่ยไรเงินผู้ปกครองไม่ผ่านความเห็นชอบกรรมการสถานศึกษาฯ ได้เงินไป 8.5 ล้าน เอาไปใช้จริง 4.4 ล้าน ที่เหลือเบียดบังเข้าตัวเองและพวก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 16 ต.ค. นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้แถลงข่าวกรณี ป.ป.ช. มีมติชี้มูล นางสาวภรณ์ภัทร์ธัญ หรือธัญภรณ์ภัทร์ งามวงศ์เงิน อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง และชี้มูลและนายวัฒนพงษ์ หรือวัฒนาพงษ์ ในคดีสมคบเรียกเก็บเงินค่าบำรุงการศึกษาของโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง ปีการศึกษา 2562 - 2563 โดยมิชอบ และเบียดบังเงินดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตน รวมจำนวน 3,099,013 บาท
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ขณะที่นางสาวภรณ์ภัทร์ธัญ หรือธัญภรณ์ภัทร์ งามวงศ์เงิน ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง และนายวัฒนพงษ์ หรือวัฒนาพงษ์ กนกแก้ว ดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง ได้ร่วมกันเรียกเก็บเงินค่าเรียนนอกเหนือจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือเงินค่าบำรุงการศึกษาจากผู้ปกครองหรือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 ปีการศึกษา 2562 และ 2563 รวมเป็นเงินจำนวน 8,529,600 บาท โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่ได้รับอนุมัติจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง และไม่นำเงินดังกล่าวฝากเข้าบัญชีรายได้สถานศึกษาของโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง แต่กลับนำไปฝากไว้ในบัญชีสวัสดิการโรงเรียนซึ่งตนเป็นผู้มีอำนาจลงนามสั่งจ่าย และได้นำเงินดังกล่าวไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่เรียกเก็บเพียงจำนวน 4,462,387 บาท นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันนำเงินจากบัญชีเงินฝากอื่นๆ ของโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง จำนวน 3 บัญชี เป็นเงินรวม 400,000 บาท ย้ายไปฝาก ในบัญชีสวัสดิการโรงเรียนแล้วร่วมกันเบิกถอนเงินจากบัญชีดังกล่าวโดยไม่มีเอกสารหลักฐานประกอบการเบิกจ่าย หรือโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก ของตนเอง เป็นเหตุให้มีเงินคงเหลือในบัญชีเพียงจำนวน 1,368,200 บาท รวมเป็นเงินที่นางสาวภรณ์ภัทร์ธัญ หรือ ธัญภรณ์ภัทร์ งามวงศ์เงิน และนายวัฒนพงษ์ หรือวัฒนาพงษ์ กนกแก้ว ได้ร่วมกันเบียดบังไปเป็นประโยชน์ส่วนตน จำนวนทั้งสิ้น 3,099,013 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
การกระทำของนางสาวภรณ์ภัทร์ธัญ หรือธัญภรณ์ภัทร์ งามวงศ์เงิน และนายวัฒนพงษ์ หรือวัฒนาพงษ์ กนกแก้ว มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
สำหรับความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง เนื่องจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองได้มีคำสั่งลับที่ 3/2565 ลงวันที่ 4 มกราคม 2565 ลงโทษไล่นางสาวภรณ์ภัทร์ธัญ หรือธัญภรณ์ภัทร์ งามวงศ์เงิน และนายวัฒนพงษ์ หรือวัฒนาพงษ์ กนกแก้ว ออกจากราชการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2565 จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (2) และมาตรา 98 อีก ให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี ตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และให้แจ้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา