
คีรีเผย UTA ทำ MOU กับ EEC ยืดส่งมอบ NTP โปรเจ็กต์สนามบินอู่ตะเภา เผยเงื่อนไขยังไม่เคลียร์ชัด ขณะเดียวกัน เตรียมเงิน 20,000 ล้าน ถมทำโครงสร้างพื้นฐานโครงการ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 30 ตุลาคม 2568 นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่า 290,000 ล้านบาท โครงการนี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( EEC) ซึ่งหลังจาก บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTAได้ลงนามสัญญาสัมปทาน กับกองทัพเรือ (ทร.) มาถึงวันนี้ เป็นเวลา 5 ปี 5 เดือนแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มงาน เนื่องจากทางภาครัฐมีกระบวนการต่างๆ ที่ยังไม่ตอบสนองให้สามารถเริ่มงานได้ ยืนยันว่า บริษัท และ ผู้ถือหุ้น ใน UTA พร้อมจะเดินหน้าโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ต่อไปให้ดีที่สุด
ล่าสุด UTA และ EEC ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงใหม่ ขยายเวลาไปถึงเดือนธ.ค.2568 เพื่อให้ EEC ดำเนินการเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ และนำไปสู่การเสนอขออนุมัติตามขั้นตอน คาดว่าเมื่อมีความชัดเจน เรื่องสิทธิประโยชน์ เรื่องอัตราภาษี และฟรีโซนต่างๆ แล้ว จึงจะออกไปโรดโชว์นักลงทุนได้ และเป็นการเริ่มต้นเดินหน้าโครงการ และประเมินว่าในช่วงแรก จะต้องมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ทั้งระบบถนน สาธารณูปโภค มูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
@NTP อู่ตะเภายังไม่ครบเงื่อนไข
สำหรับเงื่อนไข ในการออกหนังสือให้เริ่มงาน (NTP) นั้น นายคีรีกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ครบเงื่อนไข ทั้งเรื่อง รถไฟความเร็งสูงเชื่อม สามสนามบิน ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเริ่มก่อสร้างเมื่อใด แต่สามารถปรับได้ รวมถึงการลดขนาดสนามบินช่วงแรกลง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิอย่างต่อเนื่องของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.
นายคีรีกล่าวว่า ประเด็นสำคัญตอนนี้คือเรื่อง สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ควรจะได้ตามสัญญา ตอนนี้บรรยากศการลงทุนไม่ดี เศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี สิทธิประโยชน์จะเป็นสิ่งที่จูงใจนักลงทุน เพราะประเทศในภูมิภาคนี้มีสิทธิประโยชน์ดึงดูดนักลงทุนมากมาย ดังนั้นแม้จะไม่เท่าประเทศอื่นแต่ขอความชัดเจน และผลตอบแทนสำหรับนักลงทุนที่พอจะแข่งขันได้ โดยเมื่อได้ข้อสรุปความชัดเจนเรื่องสิทธิประโยชน์ เรื่องอัตราภาษี และฟรีโซนต่างๆ แล้ว จึงจะออกไปโรดโชว์นักลงทุนได้ ซึ่งอีอีซีพร้อมจะไปร่วมกัน เพียงแต่ตอนนี้ ยังไม่มีอะไรไปจูงใจนักลงทุน
“พื้นที่อีอีซีไม่ใช่แค่ 6,500 ไร่ แต่จะเกิดการพัฒนาในพื้นที่รอบๆ เป็นแสนไร่ แต่หากสนามบินที่เป็นประตูของอีอีซียังไม่เริ่มทุกอย่างก็ยังไม่เกิด โครงการนี้ไม่ได้เอื้อเอกชนเพราะเอกชนลงทุนเอง ดังนั้นหากทำกำพไรไม่ได้ เอกชนก็คงไม่มาลงทุน ที่เราขยายเวลาไปถึงธ.ค.68 เพราะเรื่อง สิทธิประโยชน์ จะต้องมีการพิจารณาระเบียบจากหลายหน่วยงาน สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาลงทุนประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 12 ล้านคน/ปี การลงทุนทั้งสนามบินและเมืองการบินทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท มีมูลค่า IRR 10.2% เท่านั้นไม่ได้มากเกินไป เป็นโครงการที่ควรเกิดขึ้นโดยเร็วเพราะจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ” นายคีรีกล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา