
BEM ประกาศเองหลังเงียบมานาน เซ็นทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck) ช่วงงามวงศ์วาน-พระราม 9 ธ.ค.นี้ แลกขยายสัมปทานออกไปอีก 22 ปี 5 เดือน เผยขั้นตอนอยู่ระหว่างเสนอครม.พิจารณา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยว่า BEM เป็นองค์กรที่เติบโตบนพื้นฐานธุรกิจที่มั่นคง ทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของเมือง ไม่ว่าจะเป็นรายได้ กำไร และกระแสเงินสดนั้นแข็งแกร่ง พร้อมแผนการขยายสัมปทานและลงทุนในโครงการใหม่ เพื่อต่อยอดการเติบโตในระยะยาว โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่
1) รายได้–กำไร “ทางด่วน–รถไฟฟ้า” เติบโตต่อเนื่อง
นายสมบัติกล่าวว่า ธุรกิจทางด่วนของ BEM ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเฉลี่ยกว่า 1.1 ล้านคัน/วันทำการ ยังคงเป็นฐานรายได้หลักที่มั่นคง ทำกำไร และกระแสเงินสดให้ BEM อย่างมาก
ส่วนธุรกิจรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ปัจจุบันมีผู้โดยสารเฉลี่ยกว่า 520,000 คน/วันทำการ เป็นรถไฟฟ้าสายเดียวที่มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปริมาณสูงกว่าก่อนเกิดสถานการณ์ Covid-19 (ปี 2562) เนื่องจากเป็นสายวงกลม (Circle line) สายหลักในเมืองที่ทุกสายส่งผู้โดยสารเข้ามา และตลอดสายทางมีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้น อาทิ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ One Bangkok และ Dusit Central Park ซึ่งอีก 2 ปีข้างหน้าหลังเปิดสายสีส้มตะวันออกคาดว่าปริมาณผู้โดยสารจะเพิ่มเป็น 650,000 คน/วันทำการ ซึ่ง BEM ได้สั่งซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 21 ขบวนไว้รองรับแล้ว
ขณะที่รายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันมีประมาณ 1,200 ล้านบาท/ปี จะโตขึ้นอีกกว่า 20% สอดคล้องกับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าธุรกิจรถไฟฟ้ามีการเติบโตสูง ต่อเนื่อง และมั่นคงในระยะยาวจากสัมปทานที่เหลืออีกกว่า 25 ปี
นอกจากนี้ BEM ยังมีรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) รถไฟฟ้าสายสีม่วงอีกกว่า 2,200 ล้านบาท/ปี รวมถึงรายได้ในอนาคตจากรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะเปิดให้บริการปลายปี 2570 (ส่วนตะวันออก) และทั้งสายในปี 2573 คาดว่ากำไร ของ BEM ในไตรมาสที่ 3/2568 จะสูงทำ New High อีกครั้ง และจะเพิ่มขึ้นทุกปี
2) Fitch Ratings จัดอันดับ A(tha) แนวโน้ม Stable ลดต้นทุนทางการเงิน
BEM ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในประเทศระยะยาวจาก Fitch Ratings ที่ระดับ A(tha) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ (Outlook Stable) สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพของบริษัท จากสัมปทานที่มั่นคงในระยะยาว สร้างรายได้และกำไรที่โตต่อเนื่อง แม้จะมีการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และโครงการ Double Deck หรือทางด่วนชั้นที่ 2 แต่ Fitch เชื่อว่าเป็นการลงทุนที่มีความสำคัญ ส่งเสริมการเติบโตในระยะยาว ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการเงินลงทุนได้จากรายได้ที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คาดว่าต้นทุนทางการเงินทั้งในส่วนของสินเชื่อจากธนาคาร และหุ้นกู้ จะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญตั้งแต่ ปี 2569
3) เดินหน้าขยายสัมปทาน สร้าง “Double Deck” เซ็น ธ.ค.นี้
นายสมบัติระบุว่า อีกหนึ่งความคืบหน้าสำคัญของ BEM คือ การขยายสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 และทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด เพื่อสร้างโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 (Double Deck) จากงามวงศ์วาน-พระราม 9 ระยะทาง 20.09 กม. วงเงิน 34,800 ล้านบาท และลดค่าทางด่วนในเมืองเหลือไม่เกิน 50 บาท (จากเดิม 90 บาท) นั้นมีความชัดเจนแล้ว อยู่ระหว่างเสนอ ครม. อนุมัติตาม พรบ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ภายในธันวาคม 2568
ซึ่งการลดค่าผ่านทางนั้น ไม่กระทบกับรายได้ของ BEM ตามสัญญาเดิม เพราะจะมีการปรับส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทางในเมืองเพื่อชดเชยให้แก่ BEM จากเดิม (กทพ.:BEM) 60:40 เป็น 50:50 ส่วนการลงทุนสร้าง Double Deck กว่า 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาจราจร จะแลกกับการขยายสัมปทานออกไปอีก 22 ปี 5 เดือน คาดว่าหลัง Double Deck ให้บริการ รถจะติดน้อยลง ส่งผลให้ปริมาณผู้ใช้ทางเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% ทำให้ BEM มีสัมปทานที่คุณภาพ มีความมั่นคงยาวนานขึ้น
นอกจากปัจจัยบวกสำคัญทั้ง 3 ข้อดังกล่าว BEM ยังมีโอกาสทางธุรกิจที่จะเติบโตอีกมาก จาก โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ที่ขณะนี้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จ้าง BEM เดินรถส่วนเหนืออยู่ คาดว่ารัฐบาลจะอนุมัติให้ รฟม.เจรจากับ BEM ให้เดินรถต่อเนื่องภายในต้นปี 2569 เพื่อทันกับงานก่อสร้างที่จะแล้วเสร็จในอีก 3 ปี และยังมีโครงการทางหลวงพิเศษ M5 ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข (รังสิต-บางปะอิน) และ M9 ทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอก กทม. (บางขุนเทียน -บางบัวทอง) ซึ่ง BEM ให้ความสนใจจะเข้าร่วมการประมูลอย่างแน่นอน
“เรามีเป้าหมายชัดเจนในการขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้ถือหุ้นและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป” นายสมบัติกล่าวทิ้งท้าย
@'สรส.-สร.กทพ.'ค้านสร้าง Double Deck แลกต่อสัมปทาน
ขณะที่ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอสนับสนุนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทยคัดค้านการขยายสัมปทานเพื่อแลกกับการสร้างทางด่วนโครงการระบบทางด่วนชั้นที่ 2 (ทางพิเศษศรีรัช) (งามวงศ์วาน-พระราม 9) โดยแถลงการณ์ ระบุว่า การที่ กทพ. อ้างเรื่องการแก้ไขปัญหาการจราจร และจะร่วมกับบริษัทเอกชนเพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงทางด่วนชั้นที่ 2 ด้วยการก่อสร้างทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck) คร่อมทางด่วนชั้นที่ 2 จากบริเวณถนนงามวงศ์วานไปจนถึงถนนพระราม 9 ตัดกับถนนประดิษฐ์มนูธรรม นั้น
สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากโครงการดังกล่าว อาทิ เรื่องสัญญาที่ไม่เปิดเผยให้มีการตรวจสอบอย่างอิสระ ทั้งที่ผ่านมาการทางพิเศษฯ ได้รับผลกระทบจากสัญญาเป็นอย่างมาก การก่อสร้างที่ต้องมีการปิดช่องจราจรสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน การเวนคืนที่ดินใจกลางเมืองกระทบกับพี่น้องประชาชน และมีแนวโน้มทำไม่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
ขณะเดียวกัน พี่น้องประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน จากการขึ้นค่าผ่านทางตามสัญญาทุกๆ 10 ปี และยังทำให้ กทพ. จะนำเงินส่งรายได้ให้กระทรวงการคลังลดลง รวมทั้งทำให้ขาดสภาพคล่องในการดำเนินงาน เนื่องจากจะมีการจ่ายเงินชดเชยให้บริษัทที่ได้รับสัมปทาน
สร.กทพ. ได้ร่วมกับสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ทำหนังสือขอให้ทบทวนโครงการของ กทพ. ไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมข้อมูลเอกสารให้พิจารณาถึงผลกระทบ และข้อกังวลด้านต่างๆ จนท้ายสุดรัฐบาลชุดที่ผ่านมาจึงได้มีการชะลอโครงการนี้ไว้ ยังไม่นำเข้าพิจารณาในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐ และเอกชน (PPP) ด้วยเหตุผลที่พอทราบมาว่า โครงการนี้ต้องพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบครบทุกด้าน โดยเฉพาะความคุ้มค่าในการลงทุน
และการขยายสัมปทานมีการแก้ไขสัญญาที่อาจขัดต่อ พรบ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 รวมถึงการก่อสร้างทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck) คร่อมทางด่วนขั้นที่ 2 นั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดได้จริง ประกอบช่วงหลังประเทศไทยประสบปัญหาแผ่นดินไหวทำให้เกิดความเสี่ยงกับประชาชนอย่างมากขึ้นหากต้องติดอยู่บนเส้นทาง และอาคารสูง
ดังนั้น สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ขอยืนยันสนับสนุนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) ในการคัดค้านการขยายสัมปทานให้เอกชนเพื่อแลกกับการก่อสร้างโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 คร่อมทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) (งามวงศ์วาน-พระราม 9) ตามเหตุผลที่กล่าวมา และขอให้รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมชะลอโครงการดังกล่าวออกไป พร้อมกับได้มีข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจรโดยการก่อสร้างทางพิเศษให้ครอบคลุมโครงข่ายทั้งในเมืองและนอกเมืองด้วยการพัฒนาโครงการทางพิเศษขั้นที่ 3 N1 N2 N3 ทดแทนการสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck)

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา