‘ธปท.’ เผยสินเชื่อ ‘ระบบธนาคารพาณิชย์’ ไตรมาส 3/68 ติดลบ 1% หดตัวต่อเนื่อง 5 ไตรมาส ขณะที่ ‘หนี้เสีย’ ขยับเป็น 2.94% จากฐานสินเชื่อหดตัว
.......................................
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. นายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงสรุปภาพรวมธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 3/2568 ว่า ในช่วงไตรมาส 3/2568 ระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง
สำหรับสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมเครือ) ไตรมาส 3/2568 โดยรวมยังหดตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อนอยู่ที่ -1.0% จากระยะเดียวกันปีก่อน และเป็นการหดตัวต่อเนื่อง 5 ไตรมาสติดต่อกัน จากสินเชื่อที่ยังหดตัว ทั้งสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่ออุปโภคบริโภค โดยสินเชื่อธุรกิจหดตัว -0.6% จากไตรมาสก่อนที่หดตัว -0.3 ส่วนสินเชื่ออุปโภคบริโภคหดตัว -1.7% จากไตรมาสก่อนที่หดตัว -2.1% ตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่ยังอยู่ในระดับสูง
“ถ้าดูการหดตัว อันนี้เป็นหดตัวต่อเนื่อง 5 ไตรมาสติดต่อกัน แต่อัตราการลง ไม่ได้ลึกเท่า cycle ที่แล้ว ในช่วงวิกฤตการเงินโลก หรือแฮมเบอร์เกอร์ไครซิสในช่วงปี 2552 ซึ่งคราวนั้น มันลึกไปถึง 3% การหดตัวแรงกว่านี้ แต่คราวโน้นมีการฟื้นตัวกลับมาเร็ว ประมาณ 2 ไตรมาสก็กลับมาแล้ว ส่วนคราวนี้อาจไม่ลงลึก แต่ยังลากยาวอยู่”นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย ระบุว่า เมื่อพิจารณาสินเชื่อแยกเป็นธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจ SMEs พบว่า สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ขยายตัวเล็กน้อยที่ระดับ 0.7% จากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 0.5% ในขณะที่สินเชื่อธุรกิจ SMEs ยังหดตัวต่อเนื่อง โดยหดตัว -4% จากไตรมาสก่อนที่หดตัว -3.3% จากสภาพตลาดสินเชื่อธุรกิจ SMEs ที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตที่ยังอยู่ในระดับสูง และมีประเด็นเรื่องปัญหาเชิงโครงสร้างที่มีต้องมีการปรับเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
ส่วนสินเชื่ออุปโภคบริโภค พบว่า สินเชื่อที่อยู่อาศัยหดตัว -0.1% จากไตรมาสก่อนที่หดตัว -0.4% โดยมีสินเชื่อปล่อยใหม่เพิ่มขึ้นในส่วนของบ้านแนวราบและแนวสูง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการผ่อนคลาย LTV และการลดอัตราค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง ตลอดจนมีการแข่งขันค่อนข้างสูงในตลาดอสังหาริมทรัพย์
สำหรับสินเชื่อเช่าซื้อเริ่มเห็นการหดตัวน้อยลง โดยสินเชื่อเช่าซื้อหดตัว 9.8% จากไตรมาสก่อนที่หดตัว -10.3% ขณะที่สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
นายสมชาย กล่าวถึงแนวโน้มสินเชื่อระยะข้างหน้า ว่า จะขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลทำมาตรการหลายอย่างและที่เด่นชัด คือ โครงการคนละครึ่งพลัส ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือนในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าสินเชื่อในระยะข้างหน้าจะเป็นอย่างไร และต้องประเมินต่อไปว่าการส่งผ่านของนโยบายรัฐ จะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีหรือทั่วถึงแค่ไหน


นายสมชาย กล่าวว่า ในด้านคุณภาพสินเชื่อ NPL (Stage 3) ในภาพรวมค่อนข้างทรงตัว จาก New NPL ที่ชะลอลงเป็นสำคัญ ส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อ Stage 3 ไตรมาส 3/2568 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 544.0 พันล้านบาท ทั้งนี้ สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวม ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.94% จากไตรมาสก่อนที่สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.89% ส่วนหนึ่งจากผลของฐานสินเชื่อที่หดตัว
ทั้งนี้ NPL ของสินเชื่อธุรกิจอยู่ที่ 2.78% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 2.71% และ NPL ของสินเชื่ออุปโภคบริโภคอยู่ที่ 3.28% ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 3.29%
เมื่อพิจารณา NPL ของสินเชื่อธุรกิจแยกเป็นธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจ SMEs พบว่า NPL ของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่อยู่ที่ 1.34% จากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 1.35% ส่วนNPL ของสินเชื่อธุรกิจ SMEs อยู่ที่ 9.13% จากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 8.92%
ส่วน NPL สินเชื่ออุปโภคบริโภคแยกตามพอร์ตสินเชื่อ พบว่า NPL สินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 3.83% จากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 3.86% และ NPL สินเชื่อเช่าซื้ออยู่ที่ 2.17% จากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 2.22% ซึ่ง NPL ของสินเชื่อทั้ง 2 ประเภท ที่ลดลงดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการ ‘คุณสู้ เราช่วย’ ขณะที่ NPL ของสินเชื่อบัตรเครดิตอยู่ที่ 3.07% จากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 3.01% และ NPL ของสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 3.11% จากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 3.10%
“แม้ว่าสัดส่วน NPL ไตรมาส 3 จะเพิ่มขึ้น แต่เมื่อไปดูการไหลเข้ามาของ NPL พบว่า ในภาพรวมลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆที่ผ่านมา โดยไตรมาสก่อนหน้า NPL ไหลเข้ามา 1.1 แสนล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 3/2568 อัตราการไหลของ NPL คือ NPL ที่เข้ามาใหม่ อยู่ที่ 9.9 หมื่นล้าน
ส่วนอีกข้างหนึ่ง การลด NPL โดยการบริหารของสถาบันการเงินค่อนข้างทรงตัว จากที่เคยบริหารจัดการได้ใกล้ๆ 1 แสนล้านบาท/ไตรมาส ก็ยังเห็นการจัดการหนี้ในระดับทรงตัวอยู่ ดังนั้น ในภาพรวมจึงยังเห็นความสมดุลในการบริหารจัดการทั้งขาเข้าและขาออกของ NPL แต่ต้องติดตามในส่วน SMEs ต่อไป เพราะมีสัดส่วน NPL สูง” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย ระบุว่า “การลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งลดดอกเบี้ยไปแล้ว 4 ครั้ง คือ 2 ครั้งในปีที่แล้ว และ 2 ครั้งในปีนี้ ในเชิงคุณภาพนั้นคงช่วยได้บ้าง แต่ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุด ปัจจัยสำคัญที่สุดของการฟื้นตัวของคุณภาพสินเชื่อ น่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัวดี ตัวคุณภาพจะวกกลับมา ในขณะที่การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นประโยชน์ในเรื่องการลดต้นทุนทางการเงินมากกว่า” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า สำหรับสินเชื่อ Stage 2 ปรับเพิ่มขึ้น ตามการจัดชั้นเชิงคุณภาพจากปัจจัยเฉพาะรายของลูกหนี้ธุรกิจขนาดใหญ่ และส่วนหนึ่งจากการปรับชั้นดีขึ้นของ NPL ส่งผลให้สัดส่วน stage 2 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.24% จากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 6.88% โดย stage 2 ของสินเชื่อธุรกิจอยู่ที่ 6.95% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 6.41% และ stage 2 ของสินเชื่ออุปโภคบริโภคอยู่ที่ 7.87% ลดลงจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 7.90%
เมื่อพิจารณา Stage 2 ของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อธุรกิจ SMEs พบว่า Stage 2 ของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ อยู่ที่ 5.17% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 4.66% และ Stage 2 ของสินเชื่อธุรกิจ SMEs อยู่ที่ 14.90% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 14.45%
ขณะที่ Stage 2 ของสินเชื่ออุปโภคบริโภคแยกตามพอร์ตสินเชื่อ พบว่า Stage 2 ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 5.92% ลดลงจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 5.96% และ Stage 2 ของสินเชื่อเช่าซื้ออยู่ที่ 14.13% ลดลงจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 14.38% ส่วน Stage 2 ของสินเชื่อบัตรเครดิตอยู่ที่ 8.15% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 7.99% และ Stage 2 ของสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 4.99% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 4.86%
อย่างไรก็ดี ธนาคารพาณิชย์ยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริหารจัดการคุณภาพหนี้

นายสมชาย กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานปรับลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง ตามการหดตัวของสินเชื่อ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้ ทั้งจากการปรับลดโดยธนาคารและตามมาตรการคุณสู้ เราช่วย
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามภาวะการเงินที่ยังตึงตัวและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ SMEs และครัวเรือนท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังชะลอลงจากผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐฯ และรายได้ที่ฟื้นตัวช้า ทั้งนี้ ความช่วยเหลือภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” มีส่วนช่วยบรรเทาภาระหนี้ของ SMEs และครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง
โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ไตรมาส 2/2568 ปรับลดลงจากไตรมาสก่อน จากสินเชื่อภาคครัวเรือนที่ขยายตัวชะลอลงเป็นสำคัญ ขณะที่ภาคธุรกิจมีสัดส่วนหนี้สินต่อ GDP ลดลงตามการก่อหนี้ที่ลดลงเป็นสำคัญ ด้านความสามารถในการทำกำไรลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนเกือบทุกประเภทธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามภาวะตลาดที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัว



นายสมชาย กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 การปรับโครงสร้างหนี้สะสมของระบบสถาบันการเงิน เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ Responsible Lending มีจำนวนบัญชีที่ได้รับการช่วยเหลือสะสม 3.53 ล้านบัญชี และยอดภาระหนี้ที่ได้รับการช่วยเหลือสะสมอยู่ที่ 2.06 ล้านล้านบาท
ส่วนความคืบหน้า โครงการ ‘คุณสู้เราช่วย’ มีลูกหนี้ลงทะเบียนที่มีคุณสมบัติได้รับความช่วยเหลือ 9.4 แสนราย ยอดหนี้รวม 6.2 แสนล้านบาท โดย ณ วันที่ 30 ก.ย.2568 มีการปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว 6.2 แสนราย หรือคิดเป็น 66% ของลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติ 9.4 แสนราย ส่วนยอดหนี้ที่มีการปรับโครงสร้างหนี้อยู่ที่ 4.4 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 71% ของยอดหนี้ 6.2 แสนล้านบาท

อ่านประกอบ :
‘ธปท.’เผยสินเชื่อ‘ระบบแบงก์’ไตรมาส 2/68 หด 0.9%-‘หนี้เสีย’ทรงตัว 2.91% แนวโน้มเพิ่มขึ้น
ติดลบต่อเนื่อง 3 ไตรมาส! ‘ธปท.’เผยสินเชื่อระบบแบงก์ Q1/68 หดตัว 1.3%-‘หนี้เสีย’แตะ 2.9%
‘ธปท.’เผยสินเชื่อ‘ระบบแบงก์พาณิชย์’ไตรมาส 4/67 หดตัว 0.4%-‘หนี้เสีย’ลดเหลือ 2.78%
‘สินเชื่อแบงก์-รวมเครือ’ไตรมาส 3/67 ลบ 2% หดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 53-‘หนี้เสีย’ 2.97%
สินเชื่อ‘แบงก์พาณิชย์’ไตรมาส 2/67 โต 0.3%'หนี้เสีย'ขยับ 2.84%-NIM แตะ 3.04%
‘ธปท.’เผยสินเชื่อ‘แบงก์พาณิชย์’ปี 66 หด 0.3%-สศช.แนะหั่นดอกเบี้ยอุ้ม‘ภาคครัวเรือน-SMEs’
แบงก์ระวังปล่อยกู้ SMEs! ‘ธปท.’เผยสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3/66 หดตัว 0.9%
คืนเงินกู้-ออกตราสารหนี้! ‘ธปท.’เผยสินเชื่อ‘แบงก์พาณิชย์’ไตรมาส 2/66 หด 0.4%-NPL 2.67%
'ธปท.' เผยไตรมาส 1/65 สินเชื่อ'แบงก์พาณิชย์' เติบโต 6.9%- 'หนี้เสีย'ทรงตัวที่ 2.93%
ไตรมาสแรก '6 แบงก์ใหญ่' กำไรเพิ่มทั่วหน้า ตั้งสำรองฯลดลง-คุณภาพสินเชื่อดีขึ้น
‘ธปท.’ เผยปี 64 ระบบแบงก์พาณิชย์ มีกำไรสุทธิ 1.81 แสนล้าน เพิ่มขึ้น 23.6%-NPL 2.98%
ธปท.ประกาศให้ 'แบงก์พาณิชย์' จ่ายเงินปันผล ไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิ ปี 64

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา