
ปปง.ออกประกาศให้ผู้เสียหายยื่นขอชดใช้คืนคดีกลุ่มเครือข่ายธนาคารหมู่บ้าน จ.พิษณุโลก 7 สาขาฉ้อโกง 8,302 คน 276.4 ล. หลัง ตามยึดทรัพย์ ที่ดิน 3 แปลง เงินสด 5 รายการ 7.2 แสน
สำนักข่าวอิศรา (www.israenws.org) รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 19 กันยายน 2568 เผยแพร่ ประกาศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เรื่อง ให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือชดใช้ ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน รายคดี กลุ่มเครือข่ายธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ ในพื้นที่อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก กับพวก ในความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กรณี จัดตั้งธนาคารหมู่บ้านฯ และโฆษณาชวนเชื่อด้วยข้อความอันเป็นเท็จว่าสามารถจ่ายดอกเบี้ยและเงินปันผลให้สมาชิกในอัตราสูงถึงร้อยละ 10-14 ต่อปี ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 276,471,011 บาท และปรากฎผู้เสียหายรวมจำนวน 8,302 ราย หลังคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 ให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
มีรายละเอียดดังนี้
ด้วยคณะกรรมการธุรกรรม ได้มีคำสั่งที่ ย.231/2568 ลงวันที่ 11 กันยายน 2568 ให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ ในความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ราย กลุ่มเครือข่ายธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ ในพื้นที่อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก กับพวก
โดยมีนายสมศักดิ์ จันทร์ดี ร่วมกันกับพวกจัดตั้งธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขาบ้านน้ำทวน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และร่วมเป็นกรรมการของธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขาบ้านนาบัว และสาขาบ้านโนนบึงด้วย ซึ่งพฤติการณ์การกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ได้ทำการประกาศโฆษณา และเชิญชวนประชาชนโดยทั่วไปด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ว่าสามารถจ่ายดอกเบี้ย และเงินปันผลให้กับสมาชิกที่ทำการฝากเงิน และซื้อหุ้นของธนาคาร ในอัตราร้อยละ 10 - 14 ต่อปี
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ จันทร์ดี กับพวก ยังได้ร่วมกับกรรมการธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ ในพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขาบ้านน้ำลอม ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขาบ้านนาคล้อ ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขาบ้านโคกเนินทอง และธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขาบ้านไร่พัฒนา ในการประกาศโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนโดยทั่วไป ในพื้นที่ต่าง ๆ สมัครเป็นสมาชิกของธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขานั้น ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ในการเพิ่มกระแสเงินสดให้กับกลุ่มเครือข่ายธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ เพื่อนำมาหมุนเวียนจ่ายให้กับสมาชิกรายใหม่ ๆ อันเข้าลักษณะร่วมกันเป็นตัวการในการหลอกลวงประชาชนโดยทั่วไป ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินของสมาชิกที่หลงเชื่อและนำเงินมาฝากหรือซื้อหุ้นไว้กับธนาคาร
ต่อมา เมื่อสมาชิกของธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ ได้ทราบว่าธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขาต่าง ๆ ไม่มีสภาพคล่องทางการเงิน ประกอบกับไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย หรือผลประโยชน์ตอบแทนเหมือนที่ผ่านมา และธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ ไม่ได้นำเงินฝากหรือหุ้นของสมาชิกดังกล่าวไปประกอบธุรกิจที่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใดที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนที่เพียงพอจะนำมาจ่ายดอกเบี้ยหรือปันผลตามอัตราที่กล่าวอ้างได้ บรรดาสมาชิกจึงได้ไปทำการถอนเงินฝากกับธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ แต่ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ แจ้งว่าไม่สามารถถอนเงินฝากได้ เนื่องจากธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ ไม่มีเงินเพียงพอที่จะให้ถอนเงิน อันเนื่องมาจากธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ นำเงินที่รับฝากไว้ไปให้สมาชิกของธนาคารกู้ยืม และสมาชิกที่กู้ยืมเงินดังกล่าวไปไม่นำเงินมาใช้คืนให้กับธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ
ทำให้สมาชิกของธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริได้รับความเสียหาย ซึ่งประกอบด้วยธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ ในพื้นที่อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก รวมจำนวน 7 สาขา ดังนี้ (1) ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขาบ้านน้ำทวน (2) ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขาบ้านนาบัว (3) ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขาบ้านโนนบึง (4) ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขาบ้านน้ำลอม (5) ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขาบ้านนาคล้อ (6) ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขาบ้านโคกเนินทอง (7) ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ สาขาบ้านไร่พัฒนา
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 49/1 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2565 และข้อ 3 แห่งกฎกระทรวงการคืนหรือการชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน พ.ศ. 2567 จึงขอให้บุคคลผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำความผิดมูลฐานในรายคดีดังกล่าวและไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น ยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ภายใน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ รายละเอียดการยื่นคำร้องปรากฏตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้
ดูประกาศในลิงก์: https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/86207.pdf
ผู้ชื่อข่าวรายงานว่าคดีนี้ ปปง.มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย 231/2568 วันที่ 11 ก.ย.2568 ยึดทรัพย์สินของบุคคลต่าง ๆ จำนวน 8 รายการ ประกอบด้วย ที่ดิน 3 แปลง และเงินสด 5 รายการ รวม 720,961 บาท (ดูเอกสาร)




Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา