
'กมธ.เสียงข้างมาก' ลงมติแพ้ 'กมธ.เสียงข้างน้อย' ที่ต้องการให้คงอำนาจเสียง สว. 1 ใน 3 ในกาเห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ - 'ณัฐพงษ์' เรียกร้อง 'อนุทิน' ยุบสภา ก่อนพลิกเกมขอนับคะแนนใหม่ แต่ทำได้เพียงยื้อเวลา ก่อนแพ้นับคะแนนซ้ำสองด้วยคะแนน 329 ต่อ 302 เสียง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 11 ธันวาคม 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หรือ แก้ไขมาตรา 256 เพิ่มหมวด 15/1 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว โดยเป็นการพิจารณาเรียงลำดับไปตามมาตราจนจบร่าง ตามข้อบังคับที่ 127 ตั้งแต่มาตราแรก และลงมติทั้งร่างในวาระที่สอง ระหว่างวันที่ 10-11 ธ.ค.68 โดยวันนี้เป็นการพิจารณาต่อเป็นวันที่สอง เริ่มตั้งแต่มาตรา 256/21 โดยมีการอภิปรายในมาตราที่สำคัญและน่าสนใจ ดังนี้
ทั้งนี้ การประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.68 ที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบมาตราที่เป็นสาระสำคัญเกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือ มาตรา 256/1 ให้มีการตั้งกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และกมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ คณะละ 35 คน โดยมาจากการรับสมัครเข้ารับตำแหน่งและให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาคัดเลือก โดยให้ สส. สว. หรือ สส.กับ สว. รวมกลุ่มกัน กลุ่มละ 20 คน เสนอชื่อ 1 ชื่อ โดยแต่ละกลุ่มต้องเสนอชื่อไม่ซ้ำกัน
อ่านข่าวประกอบ : รัฐสภา ลงมติ 328 ต่อ 266 เสียง เห็นชอบ ตั้ง 'กมธ.ร่างรธน.-รับฟังความเห็นฯ' - สูตร '20หยิบ1'
ผู้สื่อข่าวรายงาน การพิจารณาของที่ประชุมร่วมรัฐสภาได้พิจารณามาถึงมาตรา 256/28 ที่กำหนดจำนวนการลงมติต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ว่าจะเห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญที่กมธ.ยกร่างรัฐธรรมพิจารณาเสร็จและส่งคืนกลับมาแล้ว โดยมีสมาชิกรัฐสภาอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง
ทั้งนี้ กมธ.เสียงข้างมาก อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง กมธ.จากพรรคเพื่อไทย และ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กมธ.จากพรรคประชาชน ได้พยายามอภิปรายโน้มน้าวให้เพื่อให้ สส.และสว. เห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมาก และเหตุผลที่ไม่ต้องมีเสียงของ สว.1 ใน 3 เห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
โดยเฉพาะนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่ลุกขึ้นอภิปรายถึงขั้นให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย "ยุบสภา"
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า การลงมติมาตรา 268/28 เป็นจุดตัดสำคัญ ว่า ตกลงแล้ว คำว่า พูดแล้วทำ ในการทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นจริงนั้น เชื่อได้หรือไม่ เพื่อนสมาชิกบอกว่า วันนี้ถ้าร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านเสียงส่วนมาก คือ ตัดเสียง สว. 1 ใน 3 ออก อาจจะทำให้การโหวตวาระสามไม่เป็นจริง ก็จะเห็นเหตุผลที่สมาชิกรัฐสภาบางส่วน คือ พรรคภูมิใจไทย ที่จะออกมาลงมติสนับสนุนให้คงเสียงของ สว. 1 ใน 3 โดยให้เหตุผลว่า ไม่เช่นนั้นการร่างรัฐธรรมนูญจะเดินไปไม่ได้
"ถ้าวันนี้พรรคประชาชน และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทย พรรคฝ่ายค้าน จะเห็นด้วยว่า พวกเราไม่สามารถยอมรับได้ ถ้าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังคงเสียงของ สว. 1 ใน 3 ไว้ ดังนั้น ถ้าวันนี้เสียงโหวตส่วนใหญ่ในรัฐสภาไม่เห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมาก พวกผมไม่สามารถยอมรับให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เดินเข้าสู่การพิจารณาวาระที่สามได้จริง ในฐานะพรรคฝ่ายค้านเสียงข้างมากขอให้นายกรัฐมนตรียุบสภา"นายณัฐพงษ์กล่าว
หลังจากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทะ ประธานรัฐสภา และประธานในที่ประชุมร่วมรัฐสภาให้ลงมติว่าจะเห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมากหรือไม่ ผลปรากฎว่า ที่ประชุมมีมติไม่เห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมากด้วยคะแนน 312 ต่อ 290 เสียง
อย่างไรก็ตามนายณัฐพงษ์เสนอญัตติให้นับคะแนนใหม่ เนื่องจากคะแนนแพ้ชนะห่างกันไม่ถึง 30 คะแนน ส่งผลให้ต้องนับคะแนนใหม่โดยการขานชื่อทีละคน ขณะนี้นับคะแนนไปแล้วเกือบจะครบ 600 คน ซึ่ง สว.ส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยที่จะให้ตัดเสียง สว. 1 ใน 3 รวมถึงสส.ของพรรคภฺูมิใจไทยที่ไม่เห็นด้วยและส่วนหนึ่งลงคะแนนแบบไม่ขานชื่อ เช่นเดียวกับนายอนุทินที่ไม่ลงคะแนนแบบขานชื่อ ตลอดจนสส.พรรคอื่นที่ไปเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทย
ภายหลังใช้เวลาขานชื่อนับคะแนนใหม่กว่า 2 ชั่วโมง ที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติเห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างน้อยที่สงวนความเห็น 329 ต่อ 302 เสียง
ต่อมานายณัฐวุฒิ บัวประทุม ในฐานะประธานกมธ.ฯ ขอถอนร่างรัฐธรรมนูญออกไปทบทวนเพื่อปรับปรุง

ก่อนหน้านี้ นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะ กมธ.สงวนความเห็น ไม่ให้ตัด มาตรา 256/22 ออกทั้งมาตรา อภิปรายว่า ก่อนหน้านี้ที่ประชุมรัฐสภาลงมติเห็นชอบเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้รับสมัครเป็นกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญในมาตรา 256/3 และ 256/4 และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นฯ ในมาตรา 256/9 (12) (13) เพื่อเปิดช่องให้อาจารย์มหาวิทยาลัย นักวิชาการ นักวิจัย หรือ พนักงานของรัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ
“มาตรา 256/22 จะช่วยปกป้องคนที่มาทำงานเพื่อชาติ แสดงความเห็น มีส่วนร่วมร่างรัฐธรรมนูญ เป็นมาตราที่จะปกป้องการตีความว่าคนกลุ่มนี้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ เพื่อไม่ให้หลังจากนี้ถูกกฎหมายต้นสังกัดเอาผิด เรียกร้อง รวมถึงป้องกันการกลั่นแกล้งกันในอนาคต เพราะอาจถูกฟ้องร้องได้ เพื่อไม่ให้กลไกการร่างรัฐธรรมนูญไม่สะดุดและราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อปกป้องบรรดาอาจารย์ หรือ ข้าราชการที่อาจเข้ามามีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงเป็นมาตราที่ไม่ควรตัดออก”นายสหัสวัตกล่าว

นายภาคภูมิ รุจิขจรเดช ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะกมธ. ลุกขึ้นชี้แจงว่า ความในมาตรา 256/22 นั้น เขียนในลักษณะเดียวกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการกำหนดเงื่อนไขการดำรงตำแหน่งต่างๆ ในคสช. รวมถึงบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 57 มาตรา 41 ซึ่งมีลักษณะเป็นการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการเข้ามาดำรงตำแหน่ง
“หากกำหนดไว้เช่นที่ว่ามานี้ ผลที่เกิดขึ้นในทางหนึ่ง เป็นการยกเว้นคุณสมบัติที่ว่าก็จริง แต่อีกทางหนึ่งจะทำให้บุคคลเหล่านั้นรับเงินค่าตอบแทนสองทางในเวลาเดียวกันได้ ซึ่งจะเป็นผลกระทบอย่างยิ่งต่อการบริหารงานบุคคล ต่อภาระงบประมาณ ตลอดจนภาวะการงานปกติของภาครัฐ ดังนั้น กมธ.เสียงข้างมากจึงเห็นควรให้ตัดมาตรา 256/22 ออก”นายภาคภูมิกล่าว
นายภาคภูมิกล่าวว่า ทั้งนี้ ไม่มีผลกระทบต่อการแก้ไขมาตรา 256/4 และ มาตรา 256/9 ที่เปิดช่องให้ข้าราชการ หรือ เจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นผู้สอน ผู้วิจัยในสถาบันอุดมศึกษาสามารถเข้ามาดำรงตำแหน่งกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญและกมธ.รับฟังความคิดเห็นฯ
รายงานข่าวระบุว่า ภายหลัง กมธ.ฯ เสียงข้างน้อยผู้สงวนความเห็น และกมธ.ฯ เสียงข้างมาก อภิปรายเสร็จแล้ว ที่ประชุมร่วมรัฐสภาลงมติเห็นด้วยกับ กมธ.ผู้สงวนความเห็นไม่ให้ตัดออกทั้งมาตรา ด้วยคะแนน 345 ต่อ 109 เสียง งดออกเสียง 25 ไม่ลงคะแนนเสียง 2
ทั้งนี้ มาตรา 256/22 ของนายสหัสวัต กมธ.ผู้ขอสงวนความเห็น แก้ไขไว้ว่า ในกรณีที่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดกำหนดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ของเจ้าพนักงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้าราชการ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐหรือในรัฐวิสาหกิจ เจ้าพนักงานอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ กรรมการ อนุกรรมการ ลูกจ้างของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ และบุคคลหรือคณะบุคคลบรรดาซึ่งมีกฎหมายกำหนดให้ใช้อำนาจทางปกครองที่จัดตั้งขึ้นในระบบราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ กิจการอื่นของรัฐ มิให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นมาใช้บังคับแก่กรรมาธิการยกร่าง อนุกรรมาธิการซึ่งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้ง สมาชิกสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการซึ่งสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้ง
ความในวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญด้วย
@ 'พิสิษฐ์' ขอถอน คงอำนาจสว. หวั่น ครหา ยื้ออำนาจ
นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ในฐานะ กมธ.ผู้ขอสงวนความเห็น อภิปรายมาตรา 256/26 ซึ่งกำหนดให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญจัดทำและรัฐสภาให้ความเห็นชอบจะต้องมีเนื้อหาที่สำคัญตามที่กำหนด ว่า หลังจากสงวนความเห็น 3 เรื่อง 1. การเปิดโอกาสให้ สว.ที่พ้นวาระแล้ว ลงสมัครเป็น สส.ได้ โดยไม่มีข้อจำกัดระยะเวลา ภายหลังจากสมาชิกภาพการเป็น สว.สิ้นสุดลง แต่ลงสมัคร ส.ว.ไม่ได้ 2. มีบทเฉพาะกาลรับรองสมาชิกภาพ สว.ให้ดำรงตำแหน่งจนครบวาระ 5 ปี และ 3.ให้มีการรับรองวาระดำรงตำแหน่งกรรมการองค์กรอิสระให้ดำรงตำแหน่งจนครบวาระ
“แต่ปรากฏว่า สว.ส่วนใหญ่ทักท้วง เพราะเกรงว่า อาจถูกครหาว่า ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ยื้ออำนาจ สว.ไว้ ดังนั้น เพื่อความสง่างาม ถอนข้อสงสัยออกจากวาระซ่อนเร้นการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ให้การจัดทำรัฐธรรมนูญปราศจากข้อครหาผลประโยชน์ทับซ้อน จึงขอถอนโดยไม่มีเงื่อนไข”นายพิสิษฐ์กล่าว
นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายว่า ตนเองเป็นผู้ใช้รัฐธรรมนูญมากกว่าทุกคน เพราะเป็น สส. 17 สมัย 56 ปี ได้เห็นหลายเหตุการณ์ด้วยสายตาตัวเอง จึงเป็นประจักษ์พยาน ไม่ใช่พยานบอกเล่า รัฐธรรมนูญเป็นหน้าตาของประเทศ เป็นความภาคภูมิใจ เพราะเป็นสิ่งบอกให้รู้ว่า เราปกครองด้วยระบอบอะไร หลักอะไร แต่ในทางปฏิบัติ รัฐธรรมนูญจะดีอย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ใช้มีปัญหา ผู้ใช้ไม่ดีก็เกิดวิกฤตในบ้านเมือง เช่น รัฐธรรมนูญ 40 ที่คิดว่าดี แต่ก็เกิดวิกฤต ซึ่งเกิดจากผู้ใช้
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.อ่างทอง ปชน. ในฐานะประธานกมธ. ลุกขึ้นชี้แจงว่า กรณีการคงองค์กรอิสระไว้ กมธ.ไม่กล้าตัดสินใจแทนผู้ร่างรัฐธรรมนูญในอนาคตว่า ยังจะมีองค์กรอิสระอยู่หรือไม่ ดังนั้น กมธ.จึงไม่อาจใส่ตามที่มีกมธ.บางคนอยากให้ใส่ แต่ก็ไม่อาจตัดตามที่บางคนอยากให้ตัดได้ หรือเรื่องจริยธรรมควรใส่หรือไม่ ซึ่งไม่ได้เห็นแตกต่างกัน เพราะได้ใช้คำไว้ในมาตรา 256/26 เบื้องต้นว่า ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องมีเนื้อหาสำคัญ ดังต่อไปนี้ ซึ่งเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่สุดที่ต้องมี
“มาตรา 256/26 ณ ขณะนี้ เป็นขั้นต่ำของหลักการขั้นพื้นฐานที่สุดที่จะควรมีอยู่ในรัฐธรรมนูญหน้า หากจะมีมากกว่านั้นขอให้เป็นเรื่องของหน่วยงานที่จะเกิดขึ้นภายใต้กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญเป็นผู้ผลักดันในอนาคตต่อไป”นายณัฐวุฒิกล่าว
นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กมธ. ลุกขึ้นชี้แจงเพิ่มเติมว่า การกำหนดเนื้อหาที่สำคัญในมาตรา 256/26 เป็นเรื่องจำเป็นพื้นที่ในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในการถามคำถามประชามติว่าเห็นชอบในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และวิธีการการร่างรัฐธรรมนูญ เนื้อหารัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นายจาตุรนต์กล่าวว่า สว. มีความห่วงใยที่สำคัญประการหนึ่ง ซึ่งสอดคล้องกับคำสงวนความเห็นของกมธ.บางคน บางคนถอนไปแล้ว บางคนยังคงไว้ เช่น มีการเสนอว่า ให้เขียนเนื้อหาไว้ในมาตรา 256/26 ว่า ให้คงไว้ซึ่งที่มาของสว. คงไว้ซึ่งคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ คงไว้ซึ่งคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่ง คงไว้ซึ่งองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งหน้าที่และอำนาจขององค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญและศาล ตามรัฐธรรมนูญ
“บางท่านบอกว่า ถ้ารัฐธรรมนูญนี่ผ่านไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผ่านรัฐสภา ผ่านประชามติไปแล้ว อาจจะมีผลทำให้ สว.ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันต้องพ้นตำแหน่งโดยทันที องค์กรอิสระ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต้องพ้นไปในทันที จึงมีความพยายามที่จะเขียนเป็นข้อสงวนความเห็นไว้”นายจาตุรนต์กล่าว
นายจาตุรนต์กล่าวว่า เรื่องการคงไว้ซึ่งองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ หน้าที่และอำนาจ เราไม่สามารถเขียนบัญญัติไว้ว่า ให้คงไว้ทั้งตัวองค์กรและที่มา หน้าที่และอำนาจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเขียนว่า จะแก้ จะลด จะเปลี่ยนแปลงอำนาจองค์กรอิสระ หรือ ศาลรัฐธรรมนูญให้ทำได้ แต่ทำแล้ว ต้องไปถามประชามติ
“ดังนั้น ถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพื่อไปจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่กลับไปลดอำนาจของผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ทำน้อยกว่าที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้อำนาจไว้ แทนที่จะเป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่แก้ปัญหาได้กว้างขวางขึ้น กลับถูกจำกัดอยู่ในเรื่องที่น้อยลง ส่วนการจะไปเขียนรัฐธรรมนูญในอนาคตและให้มีองค์กรอิสระพ้นไปเลยทำไม่ได้”นายจาตุรนต์กล่าว
@ ห้ามแก้ไข หมวด 1-หมวด 2'
รายงานข่าวระบุว่า ภายหลังกมธ.ผู้ขอสงวนความเห็นอภิปรายเสร็จสิ้นครบ 13 คน และกมธ.เสียงข้างมากตอบชี้แจงแล้ว ที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติเห็นชอบ 547 ต่อ 18 เสียง เห็นด้วยกับการแก้ไขของกมธ.เสียงข้างมาก
ขณะเดียวกันที่ประชุมร่วมรัฐสภา ลงมติเห็นด้วย 440 ต่อ 5 เสียง เห็นชอบให้กมธ.เสียงข้างมากเพิ่มมาตรา 256/6/1 ขึ้นใหม่
ทั้งนี้ มาตรา 256/26 ตามที่ กมธ.เสียงข้างมากแก้ไข กำหนดว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญจัดทำและรัฐสภาให้ความเห็นชอบจะต้องมีเนื้อหาที่สำคัญดังต่อไปนี้ด้วย
(1) การรับรองความเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้
(2) การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(3) การคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสวัสดิการขั้นพื้นฐานของประชาชน
(4) การกำหนดสถาบันทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันทางการเมืองให้ยึดโยงกับประชาชน ประชาชนตรวจสอบถ่วงดุลได้ และมีความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มากขึ้น
(5) การวางกลไกที่มีประสิทธิภาพ การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ในการป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ การใช้อำนาจโดยมิชอบ และผลประโยชน์ทับซ้อน
(6) การจำกัดขอบเขตการใช้อำนาจรัฐและการใช้ดุลพินิจขององค์กรของรัฐ
(7) การสร้างเสริมความเข้มแข็งของหลักนิติธรรมและหลักธรรมาภิบาล รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค
(8) การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนนโยบายรัฐที่ยืดหยุ่น คล่องตัว และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงและความต้องการของประชาชน
(8/1) การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(9) การวางหลักเกณฑ์การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
ในกรณีที่มีปัญหาว่า เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญเสนอต่อรัฐสภาตามมาตรา 256/27 มีเนื้อหาสำคัญตามวรรคหนึ่งหรือไม่ ให้รัฐสภาเป็นผู้วินิจฉัย และให้คำวินิจฉัยของรัฐสภาเป็นที่สุด
มาตรา 256/26/1 ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้นำบทบัญญัติในหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาบัญญัติไว้โดยมิให้มีการแก้ไข
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องประกอบ : เปิดคุณสมบัติ 'กมธ.ร่างรธน.' อดีตขรก.-ห้ามคนเคยพิพากษาถึงที่สุด 'คดีร่ำรวย-ทุจริตเลือกตั้ง'

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา