ศาลอุทธรณ์ แก้โทษเหลือคุก 8 ด. อดีตหน.สนง.พิษณุโลก-พวก ซื้ออัลฟ่า 6 แพง-ไร้ประสิทธิภาพ

เขียนวันที่

วันศุกร์ ที่ 06 พฤศจิกายน 2563 เวลา 07:17 น.

เขียนโดย

isranews

Hits

5047 views

picalopyh6 11 63

ป.ป.ช. เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา ว่าที่ ร.ต.สุรศักดิ์ วงศาโรจน์ อดีตหน.สนง.จังหวัดพิษณุโลก จัดซื้อเครื่องตรวจค้นยาเสพติดอัลฟ่า 6 ในราคาแพง-ไร้ประสิทธิภาพใช้งานจริง ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้โทษให้เหลือจำคุก 8 เดือน พร้อมพวก 1 ราย จากเดิมโดนหนัก 4 ปี แต่ยืนไม่ให้รอการลงโทษ เหตุพฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง

...........

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา ว่าที่ ร.ต.สุรศักดิ์ วงศาโรจน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานจังหวัดพิษณุโลก กับพวก 2 ราย คือ นายวีระหรือวีระกิตต์ อินทรประสิทธิ์ นายทรงศักดิ์ ภูมิผล จัดซื้อเครื่องตรวจค้นยาเสพติดอัลฟ่า 6 ในราคาแพง และไม่มีประสิทธิภาพในการใช้งาน

ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123 , ป.อ.มาตรา 157 มาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 84 , มาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561

ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้โทษ ให้ลงโทษจำคุก ว่าที่ ร.ต.สุรศักดิ์ วงศาโรจน์ จำเลยที่ 1 และ นายวีระหรือวีระกิตต์ อินทรประสิทธิ์ จำเลยที่ 2 เหลือคนละ 1 ปี ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 8 เดือน

จากเดิมที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 มีคำพิพากษาว่า ว่าที่ ร.ต.สุรศักดิ์ วงศาโรจน์ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 , 157 ลงโทษตามมาตรา 157 จำคุก 4 ปี

นายวีระหรือวีระกิตติ์ อินทรประสิทธิ์ จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 162 (1)(4) , 157 ลงโทษตามมาตรา 157 จำคุก 3 ปี

นายทรงศักดิ์ ภูมิผล จำเลยที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 162 (1) (4) จำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท

ขณะที่ จำเลยที่ 1 และที่ 2 พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสอง

ส่วนจำเลยที่ 3 พฤติการณ์ไม่ร้ายแรงนัก สมควรให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี

อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้

เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 162 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการดังต่อไปนี้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่

(1) รับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ

(2) รับรองเป็นหลักฐานว่า ได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง

(3) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้น หรือ

(4) รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ

ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท

picsssasasas6 11 63