
ศาลยกฟ้อง 'สนธิ ลิ้มทองกุล' คดีหมิ่นประมาท 'พล.ต.อ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง' 5 ประเด็น ชี้เป็นการติชมโดยสุจริต ยัน 28 มิ.ย.นี้ ขึ้นเวทีปราศัยกดดันนายกแน่นอน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ2708/2566 ที่ พล.ต.อ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผบ.ตร. และอดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยเป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา กรณี การช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ประเด็นเกี่ยวกับสมาคมฟุตบอลไทย และประเด็นการกู้ยืมเงินนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของธุรกิจอาบอบนวด 300 ล้านบาท
ในวันนี้จำเลยอย่างนายสนธิเดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาล ส่วนพล.ต.อ.สมยศ ได้ให้ทนายความส่วนตัวเป็นผู้รับมอบอำนาจเข้าฟังคำพิพากษาแทน โดยศาลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าฟังการพิจารณา
นายสนธิ กล่าวภายหลังจากศาลยกฟ้องว่า ในวันนี้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่ พล.ต.อ.สมยศ ฟ้องตนในข้อหาหมิ่นประมาทจากหลายกรณี ซึ่งตนในฐานะผู้ชนะคดีก็รู้สึกพึงพอใจในคำพิพากษา โดยตนเองสู้ด้วยพยานหลักฐานและความจริง เพราะนี่ไม่ใช่คดีแรกในชีวิตของตน ตลอดการทำงานสื่อมวลชนมากว่า 50 ปี ตนมีคดีความกว่า 240 คดีในชีวิต
ผู้สื่อข่าวถามว่าในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ที่จะมีการจัดชุมนุมใหญ่เพื่อเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และจะร่วมขึ้นไปทีปราศรัยด้วยหรือไม่ นายสนธิ กล่าวว่า ตนขึ้นเวทีแน่นอนและมองว่าพลาดไม่ได้ ขอให้ทุกคนคอยฟัง เพราะตนมีทีเด็ดที่จะพูดอยู่แล้ว
ส่วนทีเด็ดดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลสะเทือนหรือไม่ นายสนธิกล่าวทิ้งท้ายอย่างติดตลกว่า “รัฐบาลชุดนี้พูดอะไรไปก็ไม่สะเทือนหรอก”
ด้าน น.ส.อัจฉรา แสงขาว ทนายความส่วนตัวของ นายสนธิ กล่าวว่า ในประเด็นที่นายสนธิ กล่าวว่า พล.ต.อ.สมยศ เข้าไปช่วยเหลือคดีของนายวรยุทธนั้นศาลได้วินิจฉัยว่า มีการแจ้งคดีของเจ้าตัวที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แม้จะพิพากษายกฟ้องแต่ก็ยังมีการอุทธรณ์ และมีความเห็นแย้งของอธิบดีของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอยู่
ส่วนประเด็นเรื่องตั้งเงินเดือนตัวเองนั้นมีการตีความของกฤษฎีกาแล้วว่าการขึ้นเงินเดือนของ พล.ต.อ.สมยศ ไม่เป็นไปตามข้อบังคับ และผิดพ.ร.บ.การกีฬา แม้เจ้าตัวจะไม่รับเงินเดือนของตนเอง แต่ปรากฎว่าตัวแทนของนายกสมาคมฟุตบอลคนก่อนอย่างนายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยและน.ส.นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน เข้ามาเบิกความว่า การดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลเป็นการทำงานเพื่อชาติ และไม่มีใครขอขึ้นเงินเดือนอยู่แล้ว ส่วนประเด็นเรื่องตำรวจไซด์ไลน์ นั้น พล.ต.อ สมยศ ก็เคยออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับประเด็นนี้ไปแล้ว
น.ส.อัจฉรา กล่าวถึงเรื่องการฮั้วประมูลและเรื่องลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก นั้นปรากฎว่าเกิดขึ้นในยุคของเจ้าตัวจนทำให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยเสียหาย รวมถึงการวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องลำดับขั้นของฟุตบอลไทยลีกที่ในยุคของพล.ต.อ.สมยศ ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฟุตบอลไทยลีกอยู่อันดับที่ 113 ต่อมาจนถึงยุคของน.ส.นวลพรรณ ก็ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 96 ซึ่งก็เป็นข้อเท็จจริงโดยคำวิจารณ์ของนายสนธิกับเรื่องเหล่านี้อาจจะมีคำพูดไม่สุภาพไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท
ส่วนประเด็นยุคที่พล.ต.อ.สมยศ เป็นนายกสมาคมฯ สมาคมฟุตบอลมีหนี้สิน 300 ล้านบาท แล้วต้องไปกู้เงินจากฟีฟ่า 5,000,000 เหรียญ อีกทั้งพล.ต.อ.สมยศเคยกู้ยืมเงินนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ 300 ล้านบาท ซึ่งเจ้าตัวก็เบิกความยอมรับในข้อเท็จจริง ว่าเคยยืมเงินสูงสุดถึง 1 พันล้านบาท โดยไม่มีการทำสัญญา ดังนั้นการที่จำเลยพูดวิพากษ์วิจารณ์ เป็นการติชมโดยสุจริต พูดในข้อเท็จจริง พร้อมย้ำว่าแม้จะมีคำที่ไม่สุภาพไปบ้างแต่ไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท ทำให้ศาลพิพากษายกฟ้อง

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา