
กสม.แพร่แถลงการณ์เนื่องในวันผู้อพยพย้ายถิ่นสากล เรียกร้องรัฐบาลไทยแก้ปัญหาแรงงานข้ามชาติถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน-ค้ามนุษย์-ถูกละเมิดสิทธิแรงงานโดยไม่ได้รับความคุ้มครอง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2568 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เผยแพร่แถลงการณ์เนื่องในวันผู้อพยพย้ายถิ่นสากล 18 ธันวาคม ประจำปี 2568
สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้รับรองอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานและสมาชิกในครอบครัว (International Convention on the Protection of the Rights of All Migrant Workers and Members of Their Families: CMW) เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 1990 และประกาศให้วันที่ 18 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันผู้อพยพย้ายถิ่นสากล (International Migrants Day) เพื่อให้ประชาคมโลกตระหนักถึงสถานการณ์ปัญหาเกี่ยวกับผู้อพยพและรณรงค์ให้แรงงานข้ามชาติในประเทศต่าง ๆ ได้รับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและได้รับการปฏิบัติที่ดีจากรัฐบาลและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศต้นทางและประเทศปลายทางโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ
ปัจจุบัน แรงงานทั่วโลกมีการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานอยู่ตลอดเวลาทั้งภายในและภายนอกประเทศ ประเทศไทยมีสถานะเป็นทั้งประเทศต้นทาง ทางผ่าน และปลายทางของแรงงานข้ามชาติ แรงงานจำนวนไม่น้อยที่เดินทางมาทำงานในประเทศไทยต้องเผชิญความเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนและการค้ามนุษย์ ในกระบวนการเคลื่อนย้ายแรงงานและลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เนื่องจากนโยบาย และกระบวนการขอใบอนุญาตทำงานมีความซับซ้อน ค่าใช้จ่ายสูง และเสมือนถูกบังคับให้ต้องไปใช้บริการนายหน้า ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นไปอีก และแม้จะเป็นกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่มีใบอนุญาตทำงานก็ยังประสบปัญหาขาดหลักประกันทางสังคม ไม่มีหลักประกันสุขภาพ หรือไม่ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด
ขณะที่แรงงานไทยซึ่งเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เช่น แรงงานเก็บเบอร์รี่ป่าในประเทศสวีเดนและประเทศฟินแลนด์ ต้องเผชิญกับการถูกหลอกลวงเอารัดเอาเปรียบ ได้รับค่าจ้างไม่เป็นไปตามที่ตกลง มีสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่เหมาะสม และมีความเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิแรงงานโดยไม่ได้รับความคุ้มครอง
เนื่องในวันผู้อพยพย้ายถิ่นสากล ประจำปี 2568 นี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ขอให้รัฐบาลไทยให้ความสำคัญและแก้ไขปัญหาของแรงงานข้ามชาติหรือแรงงานอพยพซึ่งมีส่วนสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยจัดทำแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติระยะยาวภายใต้หลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (UNGPs) รวมทั้งประสานงานกับประเทศปลายทางเพื่อให้ความคุ้มครองแรงงานไทยในต่างแดน
นอกจากนี้ ขอเน้นย้ำให้รัฐบาลไทยเตรียมความพร้อมในการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานและสมาชิกในครอบครัว (CMW) เพื่อให้แรงงานข้ามชาติและครอบครัวทุกกลุ่ม ทุกเชื้อชาติ รวมทั้งแรงงานไทย ได้รับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงานในทุกหนแห่งโดยไม่ถูกแบ่งแยกและเลือกปฏิบัติ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา