
ทำความรู้จัก3 รูปแบบวัคซีนจาก samutprakanvacines พร้อมให้บริการและเป็นทางเลือกของทุกคน
เมื่อเชื้อไวรัสโควิด 19 ยังคงวนเวียนอยู่ในการใช้ชีวิตประจำวันของเรา และจะกลายเป็นโรคประจำถิ่นอนาคตข้างหน้าในที่สุด การฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อและช่วยบรรเทาไม่ให้อาการติดเชื้อนั้นรุนแรงจนเกินไป และการฉีดวัคซีนกระตุ้นต่อเนื่องนั้นยังคงมีความจำเป็นอยู่
นับตั้งแต่ปลายปี 2019 จนปัจจุบันนี้จะเข้าสู่ปี 2023 แล้ว การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดยั้งหรือหายไปจากโลกนี้แต่อย่างใด แม้ทางภาครัฐและเอกชนจะจัดหาวัคซีนมาให้ฉีดป้องกันอย่างทั่วถึงแล้ว แต่ก็ยังมีกลุ่มคนบางกลุ่มไม่เข้าถึงการฉีดวัคซีน samutprakanvaccines ได้เท่าที่ควร จนเมื่อเวลาผ่านไปหลายคนกลับไม่ได้ให้ความสนใจและทานยาสมุนไพรที่คิดค้นขึ้นมาเอง แต่ก็ยังมีข่าวออกมาให้เห็นกันบ่อย ๆ ว่าอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด 19 เพิ่มขึ้น โดยเมื่อมีการสำรวจและเช็คประวัติผู้เสียชีวิตแล้ว กลับพบว่าบางรายไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนเลย และอีกกลุ่มหนึ่งคือผู้ที่ฉีดวัคซีนไม่ครบตามโดส คือ 4 เข็ม
ชนิดของวัคซีนในไทยที่ขึ้นทะเบียนและนำมาฉีดป้องกันโควิด 19
สำหรับชนิดวัคซีนที่ผ่านการประเมินคุณภาพและตรวจสอบแล้วว่ามีความปลอดภัยและเปิดให้สถานพยาบาลอย่าง samutprakanvaccines โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนเปิดบริการให้แก่ประชาชนคนไทย โดยวัคซีนชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ หรือหากมีการติดเชื้อแล้ว จะช่วยให้อาการของการติดเชื้อนั้นไม่รุนแรง และไม่เสี่ยงอันตรายจนถึงแก่ชีวิตนั้น มีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด คือ
- วัคซีนชนิดสารพันธุกรรม (mRNA)
เป็นวัคซีนที่ถือว่าใช้เทคโนโลยีไฮเทคที่สุด เพราะเป็นการสังเคราะห์สารพันธุกรรมเอ็มอาร์เอ็นเอ มีกระบวนการการทำงานที่ตรงจุด เน้นเจาะจงทำงานกับเชื้อไวรัสโดยตรง คือจะทำหน้าที่พาสาร mRNA เข้าเซลล์ เพื่อให้ผลิตสารโปรตีนแล้วกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายสร้างแอนติบอดีขึ้นมาเพื่อต้านเชื้อไวรัส สำหรับประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดนี้ จะสามารถป้องกันโรคได้สูงถึง 95% และป้องกันการเจ็บป่วยที่รุนแรงจนลุกลามไปจนถึงการเสียชีวิตได้ 100% ซึ่งวัคซีนชนิดนี้จะมีอยู่ 2 บริษัทคือ Pfizer และ Moderna
- วัคซีนชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะ (Recombinant viral vector vaccine)
วัคซีนชนิดนี้จะมีการตัดแต่ง ดัดแปลงพันธุกรรมไม่ให้สามารถแบ่งตัวได้ คล้าย ๆ กับการใช้หนามยอกเอาหนามบ่ง คือจะมีการผสมสารพันธุกรรมของไวรัสโควิด 19 ลงไปด้วย เพื่อให้เกิดการสร้างแอนติบอดีต่อต้านเชื้อไวรัสโควิด 19 ชนิดเดียวกัน แต่กรณีการดัดแปลงพันธุกรรมแบบนี้ ย่อมมีข้อบกพร่องอยู่ คือ จะไม่แนะนำให้ใช้กับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เพราะอาจจะเกิดเอฟเฟกตามมา ซึ่งบางรายอาจจะแพ้ เป็นไข้ ปวดเนื้อปวดตัวมากจนต้องนอนพักยาว
- วัคซีนที่เพาะจากโปรตีนของเชื้อ (Protein subunit vaccine)
สำหรับวัคซีนชนิดนี้จะใช้เทคโนโลยีที่ค่อนข้างมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ และทั่วโลกมีความคุ้นเคยกันมาอย่างยาวนาน เพราะได้เคยผลิตวัคซีนหลายชนิด อย่างวัคซีนไข้หวัดใหญ่, วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ส่วนประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ในปัจจุบันนี้ จะมีอัตราสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 60-90% และป้องกันการเสียชีวิตได้เต็ม 100%
- วัคซีนชนิดเชื้อตาย (Inactivated vaccine)
กระบวนการสร้างวัคซีนตัวนี้คือ จะมีการเพาะเลี้ยงไวรัสโควิด 19 มาเลี้ยงไว้และทำให้เชื้อตาย ในการฉีดวัคซีนตัวนี้เข้าสู่ร่างกายจะมีผลกระตุ้นทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันทุกส่วนของร่างกาย เป็นแนวความคิดที่ว่าเมื่อได้รับเชื้อตายนี้เข้าสู่ร่างกายแล้ว จะทำให้ไม่เกิดโรคใด ๆ เพราะเชื้อนั้นได้ตายไปแล้ว ซึ่งวัคซีนตัวนี้ได้เป็นตัวแรกที่นำมาฉีดให้กับคนไทย เป็นของบริษัท Sinovac มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโควิดประมาณ 50-70% และป้องกันการเสียชีวิตได้ 100%
3 วัคซีน ที่มีมีกระแสตอบรับดีที่สุด
สำหรับท่านใดที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบโดส หรือกำลังมองหาวัคซีนเข็มที่ 4 และ 5 ทาง samutprakanvaccines ก็มีวัคซีนที่เป็นทางเลือกให้ และเป็นวัคซีนที่ถือว่าได้เสียงตอบรับว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด ป้องกันเชื้อไวรัสได้ดีที่สุด
- จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson)
เป็นวัคซีนที่ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้เทคโนโลยีในการผลิตคือ ไวรัลเวกเตอร์ (Viral vector vaccines) เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีประสิทธิภาพป้องกันโรคสูง 65% ส่วนอาการที่ไม่พึงประสงค์และผลข้างเคียงนั้น อาจจะมีรอยแดงตรงบริเวณที่ฉีด มีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ร่วมกับมีอาการไข้ หนาวสั่น หรือมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งที่ไม่รุนแรงมากนัก
- แอสตราเซเนก้า (AstraZeneca)
เป็นวัคซีนที่ทางบริษัทได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford Unversity) ประเทศอังกฤษ ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เหมาะสำหรับกลุ่ม 608, กลุ่มผู้ป่วยเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง มีประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด 19 สูงถึง 70.4% ส่วนอาการผลข้างเคียงที่พบบ่อยมากที่สุด คือ มีการปวด บวม เจ็บบริเวณที่ฉีด รู้สึกมีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ แต่ไม่ได้มีอาการรุนแรงมากนัก ยกเว้นผู้ที่มีโรคประจำตัวเสี่ยงสูงเกินไป อาจจะต้องมีการเฝ้าระวังอาการแพ้หลังจากที่ฉีดไปแล้ว 30 นาที
- ไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทค (Pfizer/BioNtech)
เป็นวัคซีนที่ผลิตมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา-เยอร์มัน ใช้เทคโนโลยีในการผลิตคือ mRNA vaccines เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป และผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 65 ปีขึ้นไป สำหรับประสิทธิภาพในการป้องกันนั้นสูงถึง 95% นับว่าปลอดภัยและเข้าถึงกลุ่มคนทั่วไปได้ ส่วนอาการหลังจากที่ฉีดไปแล้ว จะมีผลข้างเคียงคือ มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย และปวดศีรษะ ในบางรายอาจจะถึงขั้นปกติ สามารถกลับไปทำงานได้เลย
และนี่คือประเภทของวัคซีน samutprakanvaccines 3 แบรนด์ที่ยังมีผู้คนถามหาและต้องการฉีดมากที่สุดในตอนนี้ หากท่านใดที่กำลังมองหาวัคซีนให้กับผู้สูงอายุในบ้านและบุตรหลานที่ถึงเกณฑ์วัยที่พร้อมจะรับวัคซีนได้แล้ว หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อท่านและเป็นแนวทางในการเลือกวัคซีนป้องกันโควิด 19 ให้กับคนในครอบครัวที่ปลอดภัยที่สุด

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา