
“...แม้ในหน้าสื่อจะมุ่งเป้าไปที่การตั้งข้อสังเกตถึงข้อเสนอการรัฐประหารเป็นหลัก แต่จากสำรวจการปราศรัยของแกนนำแต่ละคนพบว่า แต่ละมีเป้าหมายและจุดร่วมที่ทั้งคล้ายกันและต่างกัน…”
“เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความมั่นคงและอำนาจอธิปไตยแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม ให้แพทองธาร ชินวัตร ลาออกทันที และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที เพราะหมดความชอบธรรมแล้ว”
ข้างต้นคือ แถลงการณ์ส่วนหนึ่งของกลุ่มเคลื่อนไหวในนาม ‘รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ ที่เกิดจากการรวมตัวของคนหลากหลายกลุ่มจำนวน 40 คน มีที่มาทั้งจากอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.), กลุ่มกปปส., กลุ่มนปช., กลุ่มคปท. รวมถึงนักวิชาการ, อดีตข้าราชการ, สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ,ศิลปิน และนักแสดง โดยมีการรวมตัวกันครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2568
คำประกาศปักหมุดชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา ฉากหน้าคือ ให้นางสาวแพทองธาร ลาออกทันที กับเรียกร้องให้ 5 พรรค รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ประชาชาติ ชาติพัฒนา ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล
จุดเกิดเหตุของการนัดชุมนุมใหญ่มาจากกรณีคลิปเสียงที่สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและประธานวุฒิสภาของกัมพูชา เป็นผู้ปล่อยออกมาสู่โลกเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2568 โดยเนื้อหาเป็นการพูดคุยระหว่างตัวของสมเด็จฮุนเซนกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
สำหรับบรรยากาศของการชุมนุม ‘จุดติด’ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับทัศนคติและประสบการณ์ของผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง
ทว่าหลักฐานเชิงประจักษ์ คือ ในช่วงเช้าจนถึงบ่ายโพล้เพล้จะมีคนมาจับจองพื้นบ้าง แถมด้วยฝนที่กระหน่ำตกลงมา แต่พอในช่วงไฮไลท์ตั้งแต่เวลา 18.00 น.ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการและอดีตแกนนำพธม.ขึ้นปราศรัย คนก็แน่นขนัดทุกพื้นที่
แม้ในหน้าสื่อจะมุ่งเป้าไปที่การตั้งข้อสังเกตถึงข้อเสนอการรัฐประหารเป็นหลัก แต่จากสำรวจการปราศรัยของแกนนำแต่ละคนพบว่า แต่ละคนมีเป้าหมายและจุดร่วมที่ทั้งคล้ายกันและต่างกัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รวบรวมจุดร่วมและเป้าหมายระหว่างบรรทัดของผู้ขึ้นเวทีปราศรัยมานำเสนอ ดังนี้
@’ทหารปฏิวัติ (ถ้ามี) - ความฝันมาตรา 5 ประเพณีการปกครอง’
เริ่มกันที่ดาวดัง ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ ผู้ก่อตังสื่อในเครือผู้จัดการและอดีตแกนนำกลุ่มพธม.วัย 77 ย่าง 78 ปี ขึ้นปราศรัยเมื่อเวลาประมาณ 18.20 น. ของวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา นอกจากการปราศรัยโจมตีสมเด็จฮุนเซนอย่างเผ็ดร้อนแล้ว ประเด็นสำคัญที่สื่อทุกสำนักจับตามอง คือ การรอเวลาสำหรับการออกมาชุมนุมขับไล่นายกฯแพทองธารอีกครั้ง หลังจากเมื่อ 20 ปีที่แล้วออกมาไล่นายกฯผู้พ่ออย่าง ‘ทักษิณ ชินวัตร’
ก่อนจะปิดท้ายถึงการ ‘ปฏิวัติ-รัฐประหาร’ ซึ่งตัวสนธิบอกไว้ว่า “ไม่ได้ยุให้ทหารมาปฏิวัติ ทหารจะปฏิวัติเขาไม่บอก จะทำเมื่อไหร่ก็ทำไป ถ้าเห็นว่าวิกฤติมันเกิดขึ้น และการเมืองนั้นแก้ไม่ได้ ถ้าจะทำการแบบนั้น อย่าเอาพลเอกมาบริหารชาติบ้านเมือง ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนแก้ไขปัญหาประเทศชาติ ผมไม่ได้ยุให้ทหารปฏิวัติ”
อีกคนที่ไม่ได้พูดถึงการรัฐประหาร แต่ไปพูดถึงการใช้ช่องทางประเพณีการปกครองในการจัดการปัญหาคือ ‘เจษฎ์ โทณะวณิก’ นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวตอนหนึ่งว่า หากนางสาวแพทองธาร ถูกศาลรัฐธรรมนูญเอาออกจากการเป็นนายกฯ เราก็ต้องกดดันให้พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนโหวตเลือกนายกฯ เพื่อไม่ให้มีการยุบสภา ซึ่งทั้งสองพรรคก็คงไม่ทำก็ต้องกดดันไปเรื่อยๆ
แต่มีอีกเครื่องมือหนึ่งคือ กรณีที่ ป.ป.ช.กำลังพิจารณาคำร้องกรณีการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 หากศาลรัฐธรรมนูญรับไปจากป.ป.ช. ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยภายใน 15 วัน จะมีผลทำให้กรรมาธิการงบประมาณหายไปทั้งหมด คณะรัฐมนตรีหายไปทั้งหมด สส.รัฐบาลหายไป สว. 100 คนหายไป มันจะเหลือแต่เพียงแค่พรรคประชาชนพรรคเดียว แต่ถ้าพรรคประชาชนลาออกอีกพรรคนึงก็จะทำให้สถานการณ์เข้าสู่มาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นการใช้ประเพณีการปกครอง
“ไม่ได้เรียกร้องรัฐประหาร ไม่ได้เรียกร้องการมีนายกรัฐมนตรีในลักษณะอื่น แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเราเปลี่ยนผ่านด้วยการเลือกตั้ง แต่ในการเลือกตั้งถ้ายังเลือกแบบที่ผ่านมาก็จะเป็นการประเคนอำนาจอธิปไตยกลับไปสู่ตัวแทนที่เป็นตัวแทนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โฉดเขลาเบาปัญญา พวกท่านก็ต้องกลับมาชุมนุมอีก เพราะฉะนั้นท่านต้องทำอธิปไตยให้ชัด” นายเจษฎ์กล่าว

สนธิ ลิ้มทองกุล

เจษฎ์ โทณะวณิก
@หวังศาลรธน.-องค์กรอิสระฟัน ‘ทักษิณ-แพทองธาร’
เป้าหมายถัดมาที่แกนนำปราศรัยพูดถึงอย่างต่อเนื่องคือ การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุมตุลาการในวันที่1 ก.ค.นี้ วาระสำคัญที่หลายฝ่ายจับตามองคือ จะมีการพิจารณาถึงวาระคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 36 คน ที่ขอให้วินิจฉัยกรณีความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ และที่มองกันไกลไปกว่านั้นคือ จะมีการรับคำร้องและจะมีการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
โดยแกนนำที่ปราศรัยถึงประเด็นดังกล่าว อาทิ นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 3 สมัย (2551,2554 และ 2562) อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 2 สมัย (2549 และ 2557) ที่กล่าวตอนหนึ่งว่า “หากอุ๊งอิ๊งยังดื้อไม่ยอมลาออก เราต้องมาชุมนุมเพื่อปกป้องอธิปไตย เอาตัวภัยความมั่นคงออกไป แล้วเรากับเขมรค่อยรบและเจรจากัน พร้อมส่งกำลังใจให้ศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาคดีที่ สว.ร้องนายกฯ ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ อย่าปล่อยให้นายกฯ อยู่ในความสุ่มเสี่ยงถูกแบล็คเมล ฝากความหวังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง และสั่งให้นายกฯ หยุดปฎิบัติหน้าที่”
ขณะที่นายถาวร เสนเนียม อดีตรมช.คมนาคมและอดีตแกนนำกปปส.กล่าวช่วงหนึ่งว่า การชุมนุมครั้งนี้นอกจากการมาฟังการปราศรัยแสดงออกแล้ว อีกอย่างหนึ่งเราต้องการส่งสัญญาณบอกกล่าวองค์กรอิสระ ทั้งป.ป.ช วันที่ 1 ก.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาประเด็นจริยธรรมของนายกรัฐมนตรี และวันที่ 4 ก.ค. นี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะพิจารณาคดีชั้น 14 กราบขอร้อง กราบวิงวอน โปรดให้องค์กรอิสระเหล่านั้น ศาลยุติธรรมเหล่านั้น โปรดทำหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพ นั่นคือต้องถูกต้องและรวดเร็ว เพราะถ้าขืนไว้ต่อไปประเทศชาติจะเสียหายมากกว่านี้แน่นอน
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ตั้งขึ้นโดย คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อปี 2549 ขึ้นเวทีปราศรัยตอนหนึ่งว่า ฝากถึงเพื่อนพี่น้องลูกศิษย์ทั้งที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา ป.ป.ช. และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พยานหลักฐานชัดเจนหมดแล้วเรื่องชั้น 14 ปล่อยให้คดีชั้น 14 อยู่เป็นปี ไม่ทำอะไร การกระทำของ นายทักษิณ เข้าข่ายครอบงำพรรคชัดๆ กกต. ไม่ทำอะไร จึงขอเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมาย อย่าคิดว่าเมื่อตัดสินไปแล้วจะถูกหาว่าอยู่ข้างนั้นข้างนี้ ถ้าคิดแบบนั้นแล้วจะมีศาลไว้ทำไม บ้านเมืองจะปล่อยให้มีการฟัดกันไปกันมา ชุมนุมกันเหน็ดเหนื่อยแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ใครถูกใครผิดไม่มีคนตัดสิน เลิกคิดแบบนี้ ขอให้รักในความเป็นธรรมแล้วยืนขึ้นมา เอาพ่อติดคุกแล้วเอาลูกออกไป
“เดือนกรกฎาคมนี้มีหลายคดีมาก ทั้งคดีแรกที่สว.ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญว่ามีความผิดต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการไม่รักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติ ขอให้ศาลถอดถอนไป วันที่ 1 นี้ศาลรับแน่นอนเหลือ แต่ว่าศาลจะสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ความเสียหายเกิดอยู่แล้ว” นายแก้วสรรกล่าว

แก้วสรร อติโพธิ
@เซเลป-อดีตสว. ตบเท้าร่วมงานเพียบ
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ บรรดาผู้ที่มาร่วมชุมนุมซึ่งมีหลากหลายบุคคลเข้ามาร่วม โดยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ ‘อัญชะลี ไพรีรักษ์’ ผู้สื่อข่าวประจำแนวหน้าออนไลน์ในฐานะโฆษกประจำเวทีแนะนำเซเลป-คนดังที่มาร่วม ได้แก่ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐและนักวิชาการอิสระด้านพลังงาน, จันทร์จิรา จูแจ้ง นักแสดงชื่อดัง, คำรณ ปราโมช ณ อยุธยา อดีตบรรณาธิการนิตยสารอิมเมจ, พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, กนก รัตน์วงศ์สกุล สื่อมวลชนชื่อดัง, ผาณิต พูนศิริวงศ์ ผู้บริหารสื่อในเครือแนวหน้า, อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ อดีตสส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์, พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตแกนนำกปปส.และอดีตผู้อำนวยการการเลือกตั้งกรุงเทพฯ พรรคภูมิใจไทย
ขณะที่ ‘ประพันธ์ คูณมี’ อดีตสว.ปี 2562 ก็ได้แนะนำบุคคลทางการเมืองที่มาร่วมงานชุมนุม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอดีตสว.แทบทั้งนั้น ได้แก่ พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ประธานเตรียมทหารรุ่น 12 รุ่นเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, จเด็จ อินสว่าง อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ, จัตุรงค์ เสริมสุข, ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม, พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม, ตวง อันทะไชย เป็นต้น
@เปิดแบ๊กกราวน์ผู้ปราศรัย
เมื่อนำรายชื่อผู้ปราศรัยในการชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่มีประวัติรับราชการในตำแหน่งสำคัญช่วงรัฐบาลหลังการรัฐประหารทั้งปี 2549 และ 2557 ทั้งสิ้น โดยไล่เรียงได้ ดังนี้
1.ประพันธ์ คูณมี เคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปี 2549 และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 2562
2. ถาวร เสนเนียม เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาปี 2562
3. สมชาย แสวงการ เคยเป็นสนช. 2 สมัย (2549/2557) และ สว. 3 สมัย (2551/2557/2562)
4.แก้วสรร อติโพธิ เคยเป็นเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่จัดตั้งโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เมื่อปี 2549
5.เจษฎ์ โทณะวณิก เคยเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) หลังการรัฐประหาร 2557
6. พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอสและโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
7. ประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสว.ปี 2551 และ 2554
ขณะที่กลุ่มแกนนำมวลชนที่มาร่วมชุมนุม ก็ประกอบด้วยคนคุ้นเคยและคนหน้าใหม่ที่มาร่วม ประกอบด้วย
1.จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเป็นอดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
2.สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพธม.และผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ
3.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตแกนนำพธม.รุ่น 2 และโฆษกพธม.
4.นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำคนเสื้อหลากสี
5.นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี
6.รสนา โตสิตระกูล อดีตสว.ปี 2551
7.สมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตแกนนำพธม.
8.วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชานต้านคอร์รัปชั่น (คปต.)
9.ถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และอดีตสว.ปี 2562
แม้ว่าจะมีการจับจ้องจากหลายภาคส่วนว่า การชุมนุมครั้งนี้ล้วนเป็นคน ‘หน้าเดิม’ ที่มีอดีตในการออกมาชุมนุม จนนำมาซึ่งการ ‘รัฐประหาร’ ตั้งแต่ปี 2549 และปี 2557
แต่ถึงที่สุดแล้ว การชุมนุม ‘นัดอุ่นเครื่อง’ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.68 ที่สามารถจุดกระแสรวมคน-รวมพลได้เรือนหมื่น จนอาจกลายเป็น ‘เชื้อไฟ’ ปลุก ‘อำนาจนอกระบบ’ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากรัฐบาลไม่พลาด ‘สะดุดขาตัวเอง’ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ประเมินความรู้สึกคนในสังคมต่ำ เหมือนเมื่อครั้งรัฐบาลทักษิณ-รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่รู้สึกตัวอีกที คือ โดนยึดทรัพย์หมื่นล้าน-ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ขณะเดียวกันประเทศต้องถูกแช่แข็ง-ถอยหลังไปเกือบ 20 ปี
ทั้งหมดคือ ฉากหน้าเวทีการชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย สะท้อนฉากหลังผ่านคำปราศรัย ต้องจับตากันต่อไปว่า จุดจบของนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 อย่าง ‘แพทองธาร ชินวัตร’ จะซ้ำรอยเดิมนายกรัฐมนตรีพะยี่ห้อ ‘ชินวัตร’ 5 คนที่ผ่านมา และเกิดการรัฐประหารครั้งที่สาม ในรอบ 19 ปีหรือไม่?

ที่มาภาพ : มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน
อ่านประกอบ
- 'สนธิ' พร้อมลงถนนไล่ ‘แพทองธาร’ หลังเคยไล่ ‘ทักษิณ’
- รสนา ซัด รัฐบาลไส้ศึก ยก 3 เหตุผล ไม่สมควรบริหารประเทศอีกต่อไป
- ผ่าโครงสร้าง 'รวมพลังแผ่นดินฯ' คู่แค้น-เคยมิตร 'ทักษิณ' เลี้ยงกระแสรอ'แพทองธาร' เพลี่ยงพล้ำ
- ‘รวมพลังแผ่นดินฯ’ แถลงการณ์ เรียกร้อง พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว - แพทองธารลาออกทันที

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา