
“...การขยับของผู้มีบารมีในพรรคเพื่อไทย การเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองใหญ่-พรรคน้องใหม่ ทะลุไปถึงพรรคตัวแปร-กึ่งตัวแปร ถนนทุกสายมุ่งตรงไปสู่การยุบสภา หลังผ่านช่วงหัวโค้งหักศอกที่จะมีคิวคดีชี้ขาด ชีเป็น-ชี้ตาย อนาคตทางการเมืองของแพทองธารและนายทักษิณในเดือนสิงหาคม...อีกไม่กี่อึดใจ...”
ขั้วฝ่ายค้าน-ข้างรัฐบาล เคลื่อนทั้งคน-ทั้งพรรค ในทางลับและที่แจ้ง สะสมกระแส-สำรองกระสุน ระดมสรรพกำลัง เตรียมพร้อมรับ ‘อุบัติเหตุทางการเมือง’ ทันทีที่มีการยุบสภา ทั้งการต่อรอง-วางมัดจำกันล่วงหน้า มาทั้งตัว-สัญญาทางใจกันไว้ก่อนแยกย้าย-ร่วมทัพ
มนุษย์การเมือง-นักเลือกตั้ง โบกมือลา-ตีจาก สังกัดเก่า ขยับเข้าพรรคขั้วตรงข้าม-ขยายตั้งพรรคใหม่ แทงหวยไว้ล่วงหน้า นับถอยหลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ในช่วงปลายปี 68 หรือ ต้นปี 69
@ หวังผล สส.เขต 60 ที่นั่ง
พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทหารเก่า-หัวหน้าพรรค แสดงอิทธิฤทธิ์ ‘พลังดูด’ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ไปแล้วสองลอต ส่วนใหญ่เป็นอดีตสส.-อดีตผู้สมัครสส.ของพรรคขั้วตรงข้าม
ลอตแรก เมื่อวันที่ 8 ก.ค.68 จำนวน 21 คน อาทิ นางยรรยงรนัตน์ ไชยศิวามงคล อดีตผูัสมัคร สส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย นางพรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุล อดีต สส.เขต 5 ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย นายนุกูล แสงศิริ อดีต สส.นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทย นายมานะศักดิ์ จันทร์ประสงค์ อดีต สส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย นายไตรรงค์ ติธรรม อดีต สส.บึงกาฬ พรรคเพื่อไทย นายสมนึก เฮงวานิชย์ อดีตผู้สมัคร สส.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อไทย นายศักดิ์ดา คงเพชร อดีต สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย
ลอตสอง เมื่อวันที่ 15 ก.ค.68 จำนวน 32 คน อาทิ นายถาวร เกียรติไชยากร เชียงใหม่ อดีต สว. เชียงใหม่ นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีต สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย นายไกร ดาบธรรม อดีตผู้สมัคร สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต สส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ อดีต สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย

‘ไพบูลย์ นิติตะวัน’ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ อัพเดทกระบวนการคัดสรรว่าที่ผู้สมัครฯ ภายหลังเปิดตัวไปแล้ว ‘บิ๊กลอต’ ว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า หัวหน้าพรรคจะส่ง สส.ไม่ครบทุกเขต 400 คน แต่มีเป้าหมายเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครฯ ประมาณ 100 คน ไม่เกิน 200 คน โดยตั้งเป้าว่าจะได้รับการเลือกตั้ง สส.เขต จำนวน 60 คน แบ่งเป็น สส.ใหม่ 40 คน กับ สส.เก่า หรือ สส.ปัจจุบัน 20 คน คาดหวังว่าจะปักธงได้ทุกภาค ขึ้นอยู่กับความเป็นไปได้ของผู้สมัครฯแต่ละคน ปีนี้เอาชัวร์ๆ ส่วนสส.บัญชีรายชื่อ ยังไม่ได้กำหนดเป้าหมายว่าจะได้กี่คน (การเลือกตั้งปี 66 พปชร. ได้สส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 ที่นั่ง)
“ครั้งนี้ส่งผู้สมัครฯ แบบหวังผล ว่าได้ สส.เขต 60 คน ส่งเฉพาะเขตที่มั่นใจว่า โอกาสชนะสูง ไม่ส่งแบบหว่านแห การเลือกตั้งปี 62 และปี 66 ที่ส่งทุกเขต เพื่อเอาคะแนนเขต เพราะเข้าใจว่า เขตจะมีผลกับปาร์ตี้ลิสต์ แต่ปรากฏว่า ไม่เกี่ยวกับเลย บัตรคนละใบ หาเสียงแต่เขต ปาร์ตี้ลิสต์เลยได้น้อย”
@ เคล็ด (ไม่) ลับ เฟ้นผู้สมัครฯ
พ่อบ้านพรรคพลังประชารัฐ เผยเคล็ด (ไม่) ลับ ในการเฟ้นหาผู้สมัครฯ สองลอตที่คว้าตัวอดีตสส.- สส.สอบตก ก่อนหน้าที่ รวมถึง ‘ลอตสาม’ ที่จะตามมาหลังจากนี้ โดยเฉพาะ ‘สส.ปัจจุบัน’ ที่สังกัด ‘พรรคคู่แข่ง-ขั้วตรงข้าม’ ในปัจจุบัน จะย้ายชายคามาร่วมสำมะโนครัว ‘บ้านป่ารอยต่อ’ ซบตัก หัวหน้าพรรค เพราะ “เชื่อถือหัวหน้าพรรค เชื่อถือพล.อ.ประวิตร ผู้ใหญ่ใจดี พรรคพลังประชารัฐตอนนี้ เป็นพรรคที่หัวหน้าดูแลอย่างสมบูรณ์ ไม่มีกลุ่มก๊วน มีเอกภาพ”
นอกจากนีัพรรคพลังประชารัฐ ยังมีทีมวิเคราะห์ ทีมประเมิน โดยมีศูนย์ข้อมูลผู้สมัครครบทั้ง 77 จังหวัด เพื่อสแกนใบหน้า-ประวัติ-ประสบการณ์ ตลอดจนฐานเสียง โปรไฟล์ทางการเมืองในอดีต-คะแนนดิบติดตัว เครือข่ายหัวคะแนน ไม่เอาพวกมาตัวคนเดียว
“พรรคพลังประชารัฐมีประสบการณ์ ครั้งที่แล้วส่งผู้สมัครฯเยอะ หว่านแห ครั้งนี้มุ่งเป้า มีโฟกัส มีขั้นตอน ครั้งนี้แล้วใครมาก็จับไปลงสมัครเลย แต่ครั้งนี้มีการตรวจสอบ มีการรีเช็ก ดับเบิลเช็ก ครั้งนี้เอาจริง ครั้งที่แล้วก็เอาจริง แต่ประสบการณ์ไม่เพียงพอ แต่ครั้งนี้มีประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว มีการวางแผน รัดกุม”
@ คดีคลิปเสียงฮุนเซน-แจกเงินหมื่น เร่งวันเลือกตั้ง
‘ไพบูลย์’ ประเมินว่า เนื่องจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐบาลมีคำร้องอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ 2 เรื่องหลัก ดังนั้นจึงโอกาสที่จะมีการยุบสภา-มีการเลือกตั้งในเร็ววัน
-
1.ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องประธานวุฒิสภาที่ขอให้วินิจฉัยคุณสมบัติความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ของนายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา ซึ่งคาคว่าศาลรัฐธรรมนูญจะคำวินิจฉัยประมาณเดือนสิงหาคม 2568
-
2.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่่เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 รับคำร้องกล่าวหานางสาวแพทองธาร นายเศรษฐา ทวีสิน ขณะดำรงตำแหน่งนายกฯ สส. สว. กรณีการร่วมกันเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยปรับลดรายจ่ายงบประมาณสำหรับใช้หนี้รัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง 3.5 หมื่นล้านบาท แล้วนำไปเพิ่มเป็นงบประมาณรายจ่ายตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 รายจ่ายงบกลาง เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ (Digital Wallet) หรือ แจกเงินหมื่น ซึ่งอาจเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ด้วยว่าจะชี้มูลความผิดหรือไม่ และจะใช้เวลาเท่าไหร่ก่อนจะส่งไปศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน
“เราพร้อม เพราะโอกาสที่จะไปสู่เลือกตั้งก็มี ขึ้นอยู่กับว่าจะออกสูตรไหน ถ้าคำร้องกรณีโยกเงินไปใช้ในนโยบายแจกเงินหมื่นบาท ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ครม.จะพ้นทั้งคณะ ปลัดกระทรวงต้องมาทำหน้าที่รักษาการก็จะเร็ว เพราะคิดว่าปลัดกระทรวงก็คงจะเสนอให้มีการยุบสภา ขณะนี้ ป.ป.ช.พิจารณามาแล้ว 2 เดือน ถ้ามีมติชี้มูลและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะใช้เวลาพิจารณาเพียง 15 วัน ส่วนสูตรนางสาวแพทองธารพ้นนายกฯ เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แล้วนายภูมิธรรมเสนอยุบสภาคิดว่าไม่น่าจะเกิด”
อ่านประกอบ : ฉากทัศน์การเมืองไทยหลังสิงหา 'แพทองธาร' รอดยาก - ชัยเกษม VS อนุทิน นายกฯ คนใหม่
@ เพื่อไทยเสี่ยงต่ำร้อย
ขณะที่คีย์แมนพรรคการเมืองที่ไม่ประสงค์ออกนาม แต่อยู่ได้ทั้งสมรภูมินิติสงคราม-แนบแน่นกับกระดานอำนาจทางการเมือง อ่านหมากของพรรคการเมืองใหญ่ อย่างพรรคเพื่อไทย ว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ ‘สส.ต่ำร้อย’ หลังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญและป.ป.ช. หากมี ‘ผลเป็นลบ’ ลูกพรรคจะมีการลาออกครั้งใหญ่-ไปหาความท้าทายกับพรรคใหม่ โดยมี ‘ผู้ใหญ่ใจดี’ กับ ‘ผู้รับเหมา-ทุนใหญ่’ อ้าแขนรับ
ส่วนพรรคประชาชน ที่เดินเกมคู่ขนาน โชว์ฝีมือ-ผลงาน ทั้งในสภาและนอกสภา ชูธงนำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ่วงไปกับการหย่อนบัตรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า จึงตั้งเป้าสูง เลือกตั้งครั้งหน้า ‘ส้มทั้งแผ่นดิน’ ทะลุเพดาน 250 ที่นั่ง
แกนนำพรรคการเมืองเดิม ฟันธงว่า เป็นไปไม่ได้ ถ้าคิดว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า เมื่อพรรคเพื่อไทย ‘ขาลง’ แล้วคะแนนจะเทมาอยู่ที่ ‘พรรคส้ม’ ไม่ใช่ อย่างมากก็ ‘ได้เท่าเดิม’ เพราะคะแนนจะติดตามมาอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทย
ก่อนจับขั้ว-พันธมิตรทางการเมืองหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า-ล่วงหน้าว่า จะประกอบไปด้วย 2 พรรคหลัก คือ พรรคเพื่อไทยกับพรรคกล้าธรรม โดยมีพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ เป็น ‘พรรคขั้วตรงข้าม’
ขณะที่ ‘พรรคน้องใหม่’ อย่าง ‘พรรคโอกาสใหม่’ ที่มีอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด-บิ๊กมหาดไทย ปลุกปั้น ผนึกกำลังกับ 18 สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ-ทุนพลังงาน ที่มี โควต้ากลาง-เก้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อยู่ใน ‘คณะรัฐบาล’ เป็นสปริงบอร์ดในการเลือกตั้งครั้งหน้า
@ ทักษิณ เข้ามุมอับคดีความ-หนีตายรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย ภายหลังแคมเปญ ‘ซักฟอก’ เป็นหมัน ‘พลิกตัว’ กลับมาขอเปิดญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เปิดปม การเจรจา ‘ภาษีทรัมป์’ เปิดแผลฝีมือการบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว คู่คี่ไปกับการตะลุยเดินหน้าเลือกตำแหน่งในองค์กรอิสระของวุฒิสภา
ฝั่งแดง พรรคเพื่อไทย แม้ซีกฝ่ายนิติบัญญัติจะสั่นคลอน-เสียงปริ่มน้ำ ไม่สามารถคุมเกม-กุมเสียงในสภาได้ จนทำให้องค์ประชุมล่มซ้ำซาก แต่ ‘ปีกฝ่ายบริหาร’ ภายใต้การกุมบังเหียนของ ‘นายกฯชั่วคราว’ อย่าง ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่พร้อมงัดทั้ง ‘กำปั้นเหล็ก’ กับ ‘ถุงมือกำมะหยี่’ พร่องถ่ายเลือด (น้ำเงิน) เก่า เร่งเครื่องจัดทัพผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศก่อนถึงวันเลือกตั้ง
แม้ ‘ทักษิณ’ จะกล่าวในงาน ‘ดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล’ 11 พรรค อาทิ 8 พรรคหลัก ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคกล้าธรรม พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคชาติพัฒนา พรรคไทรวมพลัง จับขั้ว-จัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งกลายๆ ถือว่าอ่านเกมขาด เพราะสะท้อนสิ่งที่อยู่ในใจลึกๆ ถึงความ ‘เปราะบาง’ ของ ‘ทักษิณกับพวกเพื่อไทย’ ต่างจากบุคลิกทั้งในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์-ไทยรักไทย ที่ไม่ได้แสดงความมั่นอก-มั่นใจ ประกาศกร้าวหลังศึกเลือกตั้งจะเป็น ‘รัฐบาลพรรคเดียว’ ชนะถล่มทลาย-แลนด์สไลด์เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

“วันนี้พรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นปึกแผ่น จากการที่ได้พบกับทุกๆคน หัวหน้าพรรคทุกๆคน ทุกคนก็ยังยืนยันว่าจะไปด้วยกัน และส่วนตัวได้บอกกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า ทีมนี้แหละที่เมื่อเลือกตั้งแล้วก็จะเป็นพันธมิตรกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไม่ทิ้งกันขนาดนี้ ก็ต้องไม่ทิ้งกันตลอดไป จริงไหมครับ”นายทักษิณกล่าวต่อหน้าหัวหน้าพรรคร่วม-สส.รัฐบาลกว่า 100 ชีวิต ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท เมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 22 ก.ค. 68
การขยับของผู้มีบารมีในพรรคเพื่อไทย การเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองใหญ่-พรรคน้องใหม่ ทะลุไปถึงพรรคตัวแปร-กึ่งตัวแปร ถนนทุกสายมุ่งตรงไปสู่การยุบสภา หลังผ่านช่วงหัวโค้งหักศอกที่จะมีคิวคดีชี้ขาด ชี้เป็น-ชี้ตาย อนาคตทางการเมืองของแพทองธารและนายทักษิณในเดือนสิงหาคม...อีกไม่กี่อึดใจ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา