“…ขณะที่พรรคประชาชน พรรคการเมืองที่มีเสนอการจัดทำ รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของพรรคประชาชน เป็น นโยบายเรือธง ตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งสมัยที่ยังเป็น พรรคก้าวไกล ตลอดจนอยู่ใน บันทึกความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคการเมือง ในข้อ 1 ก่อนโดนพรรคเพื่อไทย ฉีกเอ็มโอยู และต่อเนื่องมาจนถึง ข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย หรือ เอ็มโอเอ ในข้อ 2 แลกกับการสนับสนุนนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี จนถูกค่อนขอดว่า เป็น พรรคฝ่ายค้ำ...”
การประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สส.และสว.) ระหว่างวันที่ 14-15 ตุลาคม 2568 มีระเบียบวาระการประชุม ‘เรื่องด่วน’ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ 3 พรรคการเมือง ที่สำคัญเป็น ‘วาระเร่งด่วน’ ของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา ก่อนยุบสภาภายใน 4 เดือน-เลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่

พรรคเพื่อไทย (พท.) – พรรคภูมิใจไทย (ภท.) – พรรคประชาชน (ปชน.) 3 พรรคการเมืองใหญ่ ที่ร่วมแรง-ร่วมใจกัน ‘ชิงธงนำ’ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า หัวใจของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 3 ฉบับ 3 พรรคการเมือง คือ อยู่ที่มาตรา 4 คือ การเพิ่ม ‘หมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่’ ตั้งแต่มาตรา 256/1 เป็นต้นไป เพื่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และ คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ
ภายใต้เงื่อนไขของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติ หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐธรรมนูญ (มาตรา 256) ด้วย ซึ่ง รัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ แต่รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง.... !!!
อ่านประกอบ : ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 1 ทำประชามติแก้ไขรธน. 3 ครั้ง

@ ‘เพื่อไทย’ : ชู ‘สภาร่างรัฐธรรมนูญ’ 151 คน
เริ่มต้นที่พรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองที่ ชูธง แก้ไขรัฐธรรมนูญ-ประชามติ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จนกระทั่งรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่มีรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล มีอันเป็นไปทางการเมือง ก็ยังไปไม่ถึงไหน ... ต้องจับตาว่าการกลับมา ถือธงนำ วาระแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกคำรบ จะเรียกกระแสศรัทธาทางการเมืองกลับมาได้มากน้องเพียงใด หลังจากใช้ ต้นทุนประชาธิปไตย กับ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้งสามคนไปหมดหน้าตักแล้ว
ร่างรัฐธรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาตรา 256/1 ถึง มาตรา 256/21 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มีสาระสำคัญ ดังนีั้
1.ให้มี ‘สภาร่างรัฐธรรมนูญ’ จำนวน 151 คน ประกอบด้วย .... (มาตรา 256/2)
สมาชิกรัฐสภาเลือก จำนวน 100 คน โดยต้องมีสมาชิกแต่ละจังหวัด รวมกทม. ‘จังหวัดละไม่น้อยกว่า 1 คน’ ทั้งนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จำนวน 300 คน โดยคัดเลือกของรัฐสภาให้เหลือ 100 คน (มาตรา 256/8) ดังนี้
-
1.สมาชิกรัฐสภาลงคะแนนเลือกโดยวิธีลับทีละจังหวัดและให้ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดลำดับที่หนึ่งในแต่ละจังหวัดและกทม.เป็นผู้ได้รับเลือกของจังหวัดนั้น
-
2.หากจังหวัดหรือกทม.ได้รับสัดส่วนมากกว่าหนึ่งคนให้ผู้ได้คะแนนลำดับถัดไปได้รับการคัดเลือกจนกว่าจะครบ
สมาชิกรัฐสภาแต่งตั้ง จำนวน 51 คน ที่มาจากการเสนอชื่อของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา คณะรัฐมนตรี (ครม.) องค์กร สมาคม หรือกลุ่มบุคคลต่างๆ (ตามมาตรา 256/9) ดังนี้
-
1.สภาผู้แทนราษฎรเสนอรายชื่อ ‘ผู้แทนพรรคการเมือง’ ที่มีสส. โดยบุคคลที่ถูกเสนอชื่อต้อง ‘ไม่เป็นสส.’ ตามสัดส่วนของจำนวน สส.ของแต่ละพรรค จำนวน 50 คน
-
2.วุฒิสภา (สว.) 5 คน (ต้องไม่เป็น สว.)
-
3.คณะรัฐมนตรี (ครม.) 5 คน (ต้องไม่เป็นรัฐมนตรี)
-
4.ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 1 คน (ไม่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา)
-
5.ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด 1 คน (ไม่เป็นผู้พิพากษาศาลปกครองสูงสุด)
-
6.สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกรูปแบบ 3 คน
-
7.ที่ประชุมอธิการบดี สถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคลทุกแห่ง 2 คน
-
8.ที่ประชุมคณบดีคณะนิติศาสตร์และคณะรัฐสาสตร์หรือเทียบเท่าของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐทุกแห่ง 2 คน
-
9.สมาคมวิชาชีพด้านกฎหมาย ด้านรัฐศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์ 3 คน
-
10. สภานักศึกษาสถาบันอุดมศึกษาของรัฐทุกแห่ง 2 คน
-
11. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาเกษตรกรแห่งชาติ สภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาองค์กรของผู้บริโภค และมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย เสนอชื่อองค์กรละหนึ่งคน รวม 7 คน
-
12. สภาและสมาคมวิชาชีพสื่อมวลชนทุกแห่ง 2 คน
-
13. แพทยสภาและสภาวิชาชีพด้านสุขภาพ 2 คน
-
14. องค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนและกฎหมาย 1 คน
@ 27 อรหันต์ ‘คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ’
2.ให้สภาร่างรัฐธรรมมนูญ แต่งตั้ง ‘คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ’ จำนวน 27 คน (มาตรา 256/13) ประกอบด้วย
-
ที่แต่งตั้งมาจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ 14 คน
-
ที่มาจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน 5 คน
-
ผู้เชี่ยวชาญสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ 5 คน
-
ผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดินและการร่างรัฐธรรมนูญ 3 คน
ทั้งนี้ สภาร่างรัฐธรรมนูญต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา 180 วัน นับแต่วันประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรก ซึ่งต้องจัดให้มีขึ้นไม่ช้ากว่า 30 วัน นับแต่วันที่ประธานรัฐสภาประกาศรายชื่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (มาตรา 256/15)

@ ‘ประชาชน’ : ผุด ‘สภาที่ปรึกษายกร่างฯ’
ขณะที่พรรคประชาชน พรรคการเมืองที่มีเสนอการจัดทำ รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของพรรคประชาชน เป็น นโยบายเรือธง ตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งสมัยที่ยังเป็น พรรคก้าวไกล ตลอดจนอยู่ใน บันทึกความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคการเมือง ในข้อ 1 ก่อนโดนพรรคเพื่อไทย ฉีกเอ็มโอยู และต่อเนื่องมาจนถึง ข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย หรือ เอ็มโอเอ ในข้อ 2 แลกกับการสนับสนุนนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี จนถูกค่อนขอดว่า เป็น พรรคฝ่ายค้ำ
ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มาตรา 4 ให้เพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาตรา 256/1 ถึง มาตรา 256/39 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1.การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้มี ‘คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ’ จำนวน 35 คน (มาตรา 256/1 (1)) ซึ่งรัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือกฯ ที่มีจากการเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 70 คน โดยมีวิธีการคัดเลือก ดังนี้
-
ต้องสมัครรับเลือกตั้งรวมกันเป็น ‘กลุ่มบุคคล’ โดยจัดทำเป็น ‘บัญชีรายชื่อ’ หนึ่งบัญชี ประกอบด้วย ‘ผู้สมัครไม่น้อยกว่า17คน’ แต่ ‘ไม่เกิน70คน’
ทั้งนี้ ผู้สมัครรับเลือกตั้งของแต่ละบัญชีต้องไม่ซ้ำกัน และไม่ซ้ำกับรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้ถือเขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง
-
บัญชีใดได้คะแนนเสียง ‘น้อยกว่า1%’ ของจำนวนคะแนนเสียงรวมทั้งประเทศ ให้ถือว่าไม่มีผู้ใดในบัญชีนั้นได้รับเลือกตั้ง
-
ให้ กกต. ประกาศผลและรับรองให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ต้องไม่ช้ากว่า 15 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง
-
กกต.ส่งให้ประธานรัฐสภา ภายใน 3 วัน นัยแต่วันประกาศผลและรับรอง
-
รัฐสภาคัดเลือกกมธฯ ให้ได้ 35 คน ให้เสร็จภายใน 15 วัน (มาตรา 256/5) ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
1.ให้นำจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ หารด้วยจำนวนกมธ.ยกร่างฯ 35 คน
2.ให้ผลการคำนวณในข้อที่ 1 ถือเป็นจำนวนสมาชิกรัฐสภาที่ต้องใช้ในการเข้าชื่อเสนอรายชื่อกมธ.ยกร่างฯ 1 คน ในแต่ละกลุ่ม
3.ให้กลุ่มสมาชิกรัฐสภาที่มีจำนวนตาม ข้อ 2 เข้าชื่อเพื่อเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือกฯ จากบัญชีรายชื่อบุคคลฯ โดยสมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งจะเข้าชื่อเพื่อเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือกฯ มากกว่า 1 รายชื่อไม่ได้
4. กรณีที่กลุ่มสมาชิกรัฐสภาที่มีจำนวนตามข้อ 2 เข้าชื่อเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับคัดเลือกฯ เป็น ‘รายชื่อที่ซ้ำกัน’ ซึ่งกลุ่มอื่นเสนอชื่อต่อประธานรัฐสภาไว้ก่อนแล้ว ให้เสนอรายชื่อใหม่
ทั้งนี้ กรณีเมื่อครับกำหนด 15 วัน ประธานรัฐสภายังรวบรวมรายชื่อไม่ครบ 35 คน ให้จับสลากตามรายชื่อที่เหลืออยู่เพิ่มเติมให้ครบภายใน 3 วัน
-
ให้บุคคลที่ไม่ได้รับเลือกเป็น ‘บัญชีสำรอง’
-
การประชุมคณะกมธ.ยกร่างฯ ครั้งแรกต้องจัดขึ้นภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ประธานรัฐสภาประกาศรายชื่อ
-
จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายใน 270 วัน นบแต่วันประชุมครั้งแรก เพื่อเสนอรัฐสภาเห็นชอบ (มาตรา 256/15 (1))
-
จัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดภายใน 180 วัน นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้รัฐสภาเห็นชอบ (มาตรา 256/15(2))
@ วิธีคำนวณ
วิธีคำนวณสัดส่วนคะแนนเสียงที่บัญชีรายชื่อ (ผู้สมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ) คะแนนเสียงที่บัญชีรายชื่อแต่ละบัญชีจะได้รับ ให้ดำเนินการดังนี้
1. ให้รวมผลคะแนนทั้งหมดที่ทุกบัญชีรายชื่อได้รับจากการเลือกตั้งทั้งประเทศ
2. ให้นำคะแนนรวม หารด้วยจำนวนบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือกเป็นกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 70 คน ผลลัพธ์ที่ได้ให้ถือเป็นคะแนนเฉลี่ยต่อบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือก 1 คน
3. ในการคำนวณหาจำนวนบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือกที่แต่ละบัญชีรายชื่อจะได้รับให้นำคะแนนรวมจากการเลือกตั้งที่แต่ละบัญชีรายชื่อได้รับ หารด้วยคะแนนเฉลี่ย ผลลัพธ์ที่ได้เฉพาะส่วนที่เป็นจำนวนเต็มคือจำนวนบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือก ที่บัญชีรายชื่อนั้นได้รับ
4. ในกรณีทุกบัญชีรายชื่อที่ได้รับคัดเลือกมีจำนวนไม่ครบ 70 คน ให้บัญชีรายชื่อที่มีผลลัพธ์ที่เป็นเศษ โดยไม่มีจำนวนเต็มและที่มีเศษหลังจากการคำนวณ บัญชีรายชื่อใดเป็นหรือมีเศษจำนวนมากที่สุด ให้ได้รับการคัดเลือกอีก 1 คน เรียงตามลำดับ จนกว่าจะครบ
5. ถ้ามีเศษเท่านกันให้จับสลาก
@ ‘สภาที่ปรึกษายกร่างรัฐธรรมนูญ’
2.ให้มี ‘สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ’ จำนวน 100 คน (มาตรา 256/1 (2)) ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง โดยให้แต่ละจังหวัดรวมถึงกทม. อย่างน้อยจังหวัดละ 1 คน โดยถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งตามหลักเกณฑ์ (มาตรา 256/7) ดังต่อไปนี้
-
ให้มีการเลือกตั้งภายใน 60 วัน
-
กำหนดจำนวนที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี ดังนี้
1.ให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง เฉลี่ยด้วยจำนวนสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ 100 คน จำนวนที่ได้รับให้ถือว่าเป็นจำนวนราษฎรต่อสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ 1 คน
2. จังหวัดใดมีราษฎรไม่ถึงเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ 1 คน ตามข้อ 1 ให้มีสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ในจังหวัดนั้นได้ 1 คน
3. จังหวัดใดมีราษฎรเกินจำนวนราษฎรต่อสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ 1 คน ให้สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ในจังหวัดนั้นเพิ่มขึ้นอีก 1 คน ทุกจำนวนราษฎรที่ถึงเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสภาที่ปรึกษาฯ 1 คน แต่จะเพิ่มจนทำให้จังหวัดใดมีสภาที่ปรึกษาฯ เกิน 5 คน ไม่ได้
4. เมื่อได้จำนวนสภาที่ปรึกษาฯแล้ว ถ้าจำนวนไม่ครบ 100 คน จังหวัดใดที่มีเศษที่เหลือจากกาคำนวณตามข้อ 2 และ ข้อ 3 มากที่สุด ให้จังหวัดนั้นมีสภาที่ปรึกษาฯ เพิ่มขึ้นอีก 1 คน และให้เพิ่มตามวิธีดัวกล่าวแก่จังหวัดที่มีเศษเหลือจากการคำนวณนั้นในลำดับรองลงมาตามลำดับจนครบ
5. ถ้าเกิน 100 คน จังหวัดใดที่มีจำนวนสองคนขึ้นไป และมีเศษที่เหลือจากการคำนวณน้อยที่สุด ให้จังหวัดนั้นลดลง 1 คน และลดในลำดับรองลงตามลำดับจนเหลือ 100 คน
-
ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ได้รับคะแนนสูงสุดเรียกตามลำดับจนครบที่พึงมีในแต่ละจังหวัดเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง
-
ให้กกต.ประกาศผลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ต้องไม่ช้ากว่า 15 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง
-
การประชุมสภาที่ปรึกษาฯ ครั้งแรกต้องจัดให้มีขึ้นภายใน 15 วันนับแต่กกค.ประกาศผล (มาตรา 256/17)
ทั้งนี้ การประชุมร่วมกันครั้งแรกระหว่างกมธฯและสภาที่ปรึกษาฯ ต้องจัดขึ้นภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ประธานรัฐสภาประกาศรายชื่อกมธ.ฯ ลงในราชกิจจานุเบิกษา และหลังจากประชุมร่วมกันครั้งแรก จะต้องจัดให้มีการประชุมร่วมกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง (มาตรา 256/25)

@ ‘ภูมิใจไทย’ : เฟ้น ‘ผู้สมัครรับเลือก’ – ‘ผู้เชี่ยวชาญฯ’
ปิดท้ายด้วยพรรคภูมิใจไทย พรรคที่มี พลังแฝง ในการผลักดันให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปถึงฝั่งฝันของพรรคประชาชนมากที่สุด เพราะถูกมองว่า พรรคภูมิใจไทย สามารถโน้มน้าว สมาชิกวุฒิสภา ให้ความเห็นชอบในวาระที่หนึ่งและวาระที่สามได้ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา สว.เสียงส่วนใหญ่ จะไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ตาม
ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มาตรา 4 ให้เพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาตรา 256/1 ถึง มาตรา 256/23 ของรัญธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1.การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้มี ‘สภาร่างรัฐธรรมนูญ’ จำนวน ประกอบด้วย (มาตรา 256/1)
-
รัฐสภาเลือกจาก ‘ผู้สมัครรับเลือก’ จังหวัดละ 1 คน
-
รัฐสภาเลือกจาก ‘ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์’ จำนวน 22 คน ดังต่อไปนี้
1.ผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน 7 คน
2.ผู้เชี่ยวชาญสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตรร์ 7 คน
3.ผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดินหรือการร่างรัฐธรรมนูญ ‘ตามหลักเกณฑ์ที่ประธานรัฐสภากำหนด’ 8 คน
ทั้งนี้ ผู้ประสงค์สมัครรับเลือกให้ยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐานต่อ กกต. และให้จัดทำบัญชีรายชื่อ แยกเป็นรายชื่อของแต่ละจังหวัดและตามกลุ่มผู้เชี่ยวชาญฯ โดยเรียงรายชื่อของผู้สมัครรับเลือกตามลำดับอักษรและส่งบัญชีรายชื่อไปยังประธานรัฐสภา (มาตรา 256/4)
-
ให้มีการประชุมร่วมรัฐสภาภายใน 20 วัน นับแต่วันได้รับรายชื่อ และให้รัฐสภาลงคะแนนเลือกผู้สมัครจาก ‘บัญชีรายชื่อจังหวัด’ ต่างๆ คะแนนสูงสุดจังหวัดละ 1 คน รวมถึงบัญชีสำรอง 3 คน และ เลือกผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดเรียนตามลำดับจาก ‘บัญชีรายชื่อผู้เชี่ยวชาญฯ’ จนครบจำนวน รวมถึงบัญชีสำรอง ประเภทละ 3 คน ทั้งนี้ คะแนนเท่ากันทำให้เกินจำนวนให้จับสลาก
2.ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้ง ‘คณะกรรมาธิการ’ ทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน ‘อย่างน้อย 45 คน’ โดยแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งเป็นสภาร่างฯ จำนวน ‘อย่างน้อยสองในสาม’ ส่วนที่เหลืออาจแต่งตั้งจากบุคคลที่ไม่ได้เป็นสภาร่างฯ โดยพิจารณาถึงความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ในการทำหน้าที่ (มาตรา 256/15)
เพื่อไทย-ภูมิใจไทย-ประชาชน ต่างพรรค-ต่างกำหนดสเปค-ดีไซน์ สถาปนิก เพื่อยกร่าง-ขึ้นโครงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก่อนส่งแบบให้ประชาชนทำประชามติ พร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปตามไทม์ไลน์ของรัฐบาลเฉพาะกิจ-นายกรัฐมนตรีเฉพาะกาล ต้นเดือน-ไม่เกินกลางเดือนมีนาคม 2569

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา