
"...การดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เป็นผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยยังพบความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การทุจริตและปัญหาต่าง ๆ ในหลายประเด็น เช่น อาจก่อให้เกิดการผูกขาดและไม่เกิดการแข่งขันตามกลไกตลาดอย่างเป็นธรรม การดำเนินงานที่ไม่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นตามวัตถุประสงค์ รวมถึงขาดการติดตามและประเมินผลของนโยบาย..."
ในช่วงเวลาการบริหารของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมา
หากสาธารณชนยังจำกันได้ หนึ่งในประเด็นข่าวสำคัญที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง
คือ การจัดซื้อจัดจ้างสินค้าในบัญชีนวัตกรรมไทยที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงบประมาณ อันเป็นมาตรการส่งเสริมและผลักดันงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ตามนโยบายของรัฐบาล ที่หากหน่วยงานของรัฐมีความต้องการจัดซื้อจัดจ้างตรงตามบัญชีสามารถดำเนินการโดยวิธีการเจาะจงได้ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี
โดยสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบข้อมูลสำคัญว่า มีเอกชนกลุ่มหนึ่ง ที่นำสินค้ามาขึ้นทะเบียนในบัญชีนวัตกรรมไทย สำนักงบประมาณ ปรากฏชื่อเข้าเป็นคู่สัญญางานจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจง กับหน่วยงานรัฐในช่วงปี 2563-2564 นับร้อยโครงการ รวมวงเงินมูลค่านับพันล้านบาท และขยายผลการตรวจสอบข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าอีกหลายชนิด
ต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกและสรุปผลนำเสนอปัญหาและข้อเสนอแนะในการป้องกันปัญหาการทุจริตต่อรัฐบาลในเวลาต่อมา อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นต้น

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า ในช่วงเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา สตง.ได้มีการสรุปรายงานผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงาน การจัดหาและการใช้ประโยชน์พัสดุที่เป็นผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทย ประจำปีงบประมาณ 2567 เป็นทางการ
ผลการตรวจสอบพบปัญหาสำคัญดังนี้
1. การจัดหาพัสดุที่มีคุณลักษณะเกินความจำเป็น
2. การใช้ประโยชน์จากพัสดุไม่มีประสิทธิภาพ
3. การดูแลรักษาพัสดุที่เป็น ผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยมีกระบวนการที่ยุ่งยากและหน่วยงานมีภาระงบประมาณในการดูแลรักษามากกว่า พัสดุที่ไม่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย
และ 4. พัสดุที่จัดหาชำรุดบกพร่องหรือคุณภาพไม่เป็นไปตามคุณลักษณะเฉพาะที่ ระบุไว้ตามเอกสารแจ้งของผู้จดทะเบียนนวัตกรรมไทย
สตง.ระบุว่า ข้อตรวจพบดังกล่าว มีสาเหตุมาจากหน่วยงานส่วนใหญ่ ดำเนินการตามนโยบายส่งเสริมผลิตภัณฑ์นวัตกรรมไทย โดยจัดซื้อจัดจ้างพัสดุในบัญชีนวัตกรรมไทยตามกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ. 2563 ที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐ จัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เป็นผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของความต้องการใช้งานทั้งหมดของหน่วยงาน และสามารถใช้วิธีคัดเลือกหรือเฉพาะเจาะจงได้แล้วแต่กรณี ซึ่งวิธีการและกระบวนการดังกล่าวมีความง่ายกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการจัดซื้อพัสดุที่ไม่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย
รวมถึงหน่วยงานมีความเชื่อมั่นในคุณภาพและราคาของ พัสดุที่ผ่านการขึ้นทะเบียนเป็นบัญชีนวัตกรรมไทย จึงมิได้ศึกษาทั้งความจำเป็นหรือความเหมาะสมในการใช้งานและมิได้ เปรียบเทียบคุณภาพและราคากับพัสดุที่ไม่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทยที่สามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ได้เช่นเดียวกัน ก่อนการจัดซื้อ
ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่านโยบายส่งเสริมการใช้พัสดุที่เป็นผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทย โดยใช้กลไกการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีความเสี่ยงที่จะส่งผลต่อพฤติกรรมการจัดหาที่ไม่สอดคล้องกับหลักการจัดซื้อจัดจ้างที่ดี และนำไปสู่ปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
รายงานการตรวจสอบ สตง. ยังระบุด้วยว่า ที่มาการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เป็นผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยเป็นมาตรการส่งเสริมและผลักดันงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และเป็นการกระตุ้นผู้ประกอบการไทยให้หันมาผลิตสินค้าและบริการที่เป็นนวัตกรรมซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้สูงกว่าแบบดั้งเดิม มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมที่อาศัยแรงงานและทรัพยากรเข้มข้นสู่อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางและส่งเสริมให้มีการใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติของสินค้าและบริการนวัตกรรมที่ขอขึ้นทะเบียนเป็นบัญชีนวัตกรรมไทย และสำนักงบประมาณ (สงป.) เป็นหน่วยงานตรวจสอบราคาของสินค้าและบริการนวัตกรรมที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติดังกล่าว
รวมทั้งจัดทำและประกาศบัญชีนวัตกรรมไทยในการสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เป็นผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทย มีกฎหมายระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี ที่มีบทบาทสำคัญ ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 และกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นการให้สิทธิพิเศษแก่สินค้าและบริการที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย
โดยให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เป็นผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของความต้องการใช้งานทั้งหมดของหน่วยงาน ตามความจำเป็นและเหมาะสม และสามารถจัดซื้อจัดจ้างโดยใช้วิธีคัดเลือก หากสินค้าหรือบริการที่จะจัดซื้อจัดจ้างมีผู้ขายหรือผู้ให้บริการตั้งแต่ 2 รายขึ้นไป หรือใช้วิธีเฉพาะเจาะจง หากมีผู้ขายหรือผู้ให้บริการเพียงรายเดียว

อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายดังกล่าวมีข้อสังเกตจากนักวิชาการและหน่วยงานต่าง ๆ ว่า การให้สิทธิพิเศษแก่สินค้าและบริการที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทยอาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ขายรายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ ปัญหาคุณลักษณะของสินค้าไม่ตรงตามที่ระบุไว้ รวมถึงประเด็นเรื่องความไม่คุ้มค่าและไม่เหมาะสมในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เป็นผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยจึงมีความเสี่ยงที่การจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ในรายงานสตง. ได้มีการกล่าวอ้างถึงผลการศึกษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายแห่ง ดังนี้
@ สำนักงาน ป.ป.ช.
จากการศึกษาของ สำนักงาน ป.ป.ช. ตั้งแต่การกำหนดนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อวัตกรรมของบัญชีนวัตกรรมไทย การขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย และการจัดซื้อจัดจ้างผลงานนวัตกรรมไทย พบประเด็นปัญหาและความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การทุจริต ดังนี้
1. กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อสนับสนุนสินค้าที่ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย มีช่องว่างที่อาจทำให้เกิดการผูกขาดและไม่เกิดการแข่งขันตามกลไกตลาดอย่างเป็นธรรมจากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้ผลิตสินค้าหรือบริการนวัตกรรม โดยการออกกฎหมายและหลักเกณฑ์ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับเพื่อเอื้อให้เกิดการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยอย่างเป็นรูปธรรม
อาทิ ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่ผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนดจะได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้านวัตกรรมไทยเป็นเวลาสูงสุด 8 ปี ประกอบกับกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมสนับสนุน พ.ศ. 2563 หมวด 4 ข้อ 13 ให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าหรือบริการตามบัญชีนวัตกรรมไทย โดยให้จัดซื้อจัดจ้างพัสดุดังกล่าวไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย และหากพัสดุที่จะจัดซื้อจัดจ้างมีผู้ขายหรือผู้ให้บริการตั้งแต่สองรายขึ้นไปให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือก โดยแจ้งผู้ขายหรือผู้ให้บริการทุกรายเพื่อเข้าร่วมเสนอราคา แต่หากมีผู้ขายหรือผู้ให้บริการเพียงรายเดียว ให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจงจากผู้ขายหรือผู้ให้บริการโดยตรง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยที่ขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมเป็นอย่างยิ่ง
แต่จากการตรวจสอบ พบว่า การดำเนินนโยบายดังกล่าวอาจทำให้เกิดการผูกขาดและไม่เกิดการแข่งขันตามกลไกตลาดอย่างเป็นธรรม รวมทั้งอาจมีความเสี่ยงต่อการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการเพียงบางรายเท่านั้น
เนื่องจากสินค้านวัตกรรมบางรายการมีผู้ขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทยเพียงรายเดียวหรือสองราย แต่มีการจัดซื้อจัดจ้างจากหน่วยงานของรัฐด้วยงบประมาณจำนวนมาก โดยมีข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าบัญชีนวัตกรรมตั้งแต่ปีงบประมาณพ.ศ. 2562 – 2565 บนเว็บไซต์ “ภาษีไปไหน” สินค้าบัญชีนวัตกรรมที่หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างมากที่สุด ได้แก่
(1) โคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์แบบประกอบในชุดเดียว (All In One Solar Street Light) รหัส 07010014 จำนวน 60 โครงการ ใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 1,400,333,870 บาท
(2) ระบบผลิตน้ำประปา (Water Treatment System) รหัส 01020003 จำนวน 88 โครงการ ใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 426,659,927.35 บาท
และ (3) ระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำ (Water Purifying Unit) รหัส 01020004 จำนวน 255 โครงการ ใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 156,551,000 บาท ซึ่งระบบผลิตน้ำประปาและระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำนั้น มีผู้แทนจำหน่ายเพียงรายเดียว คือ บริษัท วอเทอร์ป๊อก จำกัด
ส่วนโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์แบบประกอบในชุดเดียว มีผู้แทนจำหน่าย 2 ราย ได้แก่ บริษัท โซดิแอคท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท ธรรมศักดิ์ จำกัด ทำให้การจัดซื้อจัดจ้างสินค้าในบัญชีนวัตกรรมไทยของหน่วยงานภาครัฐอาจเกิดการผูกขาดหรือมีประเด็นความเสี่ยงต่อการเอื้อประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของนโยบายที่ต้องการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมเพื่อแข่งขันในตลาดโลกได้
2. การกำหนดหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทยของ “เจ้าของผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่ยื่นคำขอขึ้นทะเบียน” โดยขาดการกำหนดรายละเอียดคุณสมบัติของ “หน่วยงานที่พัฒนา บริษัทผู้รับการถ่ายทอด ผู้จำหน่าย ผู้แทนจำหน่าย หน่วยงาน บริษัท หรือผู้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย” ที่จะเข้าร่วมเสนอราคาเพื่อเป็นคู่ค้าคู่สัญญากับหน่วยงานภาครัฐ สวทช. ได้กำหนดหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ขอขึ้นทะเบียน และเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ยื่นคำขอขึ้นทะเบียน
จากการศึกษาพบว่า สวทช. มีการกำหนดข้อมูลเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ยื่นคำขอขึ้นทะเบียน แต่ไม่มีการกำหนดรายละเอียดคุณสมบัติของ “หน่วยงานที่พัฒนา บริษัทผู้รับการถ่ายทอด ผู้จำหน่าย ผู้แทนจำหน่าย หน่วยงาน บริษัท หรือผู้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย” ที่จะเข้าร่วมเสนอราคา เพื่อเป็นคู่ค้าคู่สัญญากับหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งในการแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายจะเป็นการดำเนินการของผู้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทยโดยตรง ทำให้เกิดปัญหาและความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ปัญหาผู้จำหน่ายและผู้แทนจำหน่ายมีกรรมการบริษัทรายเดียวกัน ซึ่งมีความเสี่ยงที่ไม่เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและการกีดกันการแข่งขันกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ปัญหาผู้แทนจำหน่ายไม่ใช่ผู้ประกอบการโดยตรง ซึ่งมีความเสี่ยงที่ผู้เสนอราคาไม่มีคุณสมบัติที่ดีของคู่ค้าคู่สัญญากับหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น
3. การดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อนวัตกรรมขาดการสำรวจความต้องการของภาครัฐ จากการตรวจสอบ พบว่า แม้ว่าสำนักงบประมาณได้ดำเนินการแจ้งบัญชีนวัตกรรมไทยให้ทุกหน่วยงานทราบและใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมให้ตรงกับความต้องการใช้งานของแต่ละหน่วยงานตามความจำเป็นและเหมาะสมตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีแล้ว
แต่ปัจจุบัน พบว่า หน่วยงานของรัฐมีการจัดซื้อจัดจ้างผลงานในบัญชีนวัตกรรมไทยบางรายการทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก โดยส่วนราชการไม่มีการกำหนดนโยบายหรือข้อสั่งการให้หน่วยงานในกำกับดูแลดำเนินการ บางรายการมีการดำเนินการซ้ำซ้อนกับการดำเนินโครงการเดิม บางรายการขาดการสำรวจความต้องการการใช้งานอันนำไปสู่การปล่อยทิ้งร้าง ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบายและการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า
นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อนวัตกรรมยังไม่มีการมอบหมายหน่วยงานหลักให้มีการสำรวจความต้องการนวัตกรรมที่ภาครัฐต้องการแก้ไขอีกด้วย
4. การดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อนวัตกรรมขาดการติดตามและประเมินผลการจัดซื้อจัดจ้างผลงานนวัตกรรมไทยในบัญชีนวัตกรรมไทยอย่างจริงจัง
จากการตรวจสอบในประเด็นปัญหาคุณภาพ และราคาผลงานนวัตกรรมไทย พบว่า แม้ว่า สงป. และ สวทช. จะเปิดให้มีการรับรายงานปัญหาผลงานนวัตกรรมไทย การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หรือปัญหาการใช้งานที่ไม่สามารถยอมรับได้ หรือมีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่ระบุไว้ในผลิตภัณฑ์หรือบริการผ่านการยื่นหนังสือมายังหน่วยงาน หรือช่องทางร้องเรียนเรื่องทั่วไป
แต่ปัจจุบันประเด็นปัญหาการใช้งานของผลงานนวัตกรรมไทยบางรายการยังไม่ได้สะท้อนกลับมาอย่างชัดเจนและไม่มีการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ
ส่วนประเด็นปัญหาราคาผลงานนวัตกรรมไทยที่อาจสูงเกินจริงนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ข้อมูลที่มาราคาผลงานนวัตกรรมไทยที่ขอขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทยทั้งหมด จะถือเป็นความลับของทางหน่วยงานที่ขอขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย ไม่อนุญาตให้เปิดเผย เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากหน่วยงานที่ขอขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย
ด้วยเหตุนี้ ในทางปฏิบัติจึงทำให้เกิดความเสี่ยงในการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของหน่วยงานของรัฐไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่หน่วยงานของรัฐและไม่สอดคล้องกับหลักความคุ้มค่าตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560

@ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) /ข้อสังเกตของกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ
นอกจากผลการศึกษาของสำนักงาน ป.ป.ช. ที่พบปัญหาความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การทุจริต การใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า และไม่มีการติดตามและประเมินผลในการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าในบัญชีนวัตกรรมข้างต้นแล้ว
ยังมีรายงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และข้อสังเกตของกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณที่พบปัญหาการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่าด้วยเช่นกัน รวมทั้งปัญหาความไม่มีประสิทธิภาพและการดำเนินงานที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
1. การจัดซื้อจัดจ้างระบบผลิตน้ำประปา จากรายงานการประเมินผลโครงการระบบผลิตน้ำประปาตามบัญชีนวัตกรรมไทย โดย สทนช. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 พบว่า ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 – 2565 มีการจัดซื้อจัดจ้างโครงการระบบผลิตน้ำประปา จำนวน 595 โครงการ วงเงิน 1,083.63 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างระบบผลิตน้ำประปา (Water Treatment System) รหัส 01020003 ชื่อทางการค้า POG TANK และโครงการก่อสร้างระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำ (Water Purifying Unit) รหัส 01020004 ชื่อทางการค้า SMART PURE COMPACT ซึ่งจากการติดตามและประเมินผลพบปัญหาต่าง ๆ ในการดำเนินโครงการ เช่น
- ผู้เสนอโครงการไม่เข้าใจคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ตามบัญชีนวัตกรรมไทยและจัดซื้อไม่ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งานหรือความต้องการใช้งาน
- การจัดซื้อระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ เนื่องจากกน้ำที่ผ่านระบบปรับปรุงคุณภาพแล้วถูกนำไปรวมกับน้ำประปาที่ผ่านระบบผลิตประปาหมู่บ้านบนหอถังสูง จึงทำให้คุณภาพน้ำประปาโดยรวมไม่ดีขึ้น
- ระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำตามบัญชีนวัตกรรมไทย ทำให้ท้องถิ่นมีภาระค่าใช้จ่ายในการผลิตน้ำประปาและค่าบำรุงรักษาสูงขึ้น
- ระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำบางแห่งยังไม่มีการใช้ประโยชน์ ซึ่งเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น กระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอ ประชาชนไม่เห็นด้วยกับโครงการเพราะต้องจ่ายค่าน้ำประปาเพิ่ม คณะกรรมการหมู่บ้านไม่เข้าใจวิธีการใช้งานและการบำรุงรักษาระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำ เป็นต้น
2. การจัดซื้อจัดจ้างโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์แบบประกอบในชุดเดียวกัน ในการประชุมกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ วาระพิจารณาศึกษาการใช้จ่ายเงินงบประมาณในโครงการจัดซื้อโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์แบบประกอบในชุดเดียวกัน (All ln One Solar Street Light) ของ องค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 มีข้อสังเกตและความเห็นเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างโคมไฟดังกล่าว เช่น
- การสนับสนุนสินค้าในบัญชีนวัตกรรมโดยสามารถจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจงนั้น จะส่งผลให้เกิดโครงสร้างตลาดที่มีผู้ขายน้อยรายหรืออาจนำไปสู่ภาวะตลาดผูกขาดหรือไม่ ซึ่งในกรณีของเสาไฟพลังงานแสงอาทิตย์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่พบข้อเท็จจริงว่า มีเพียงบริษัทเดียวที่ผลิตและจำหน่ายสินค้า ขณะที่มีตัวแทนจำหน่ายเพียงสองบริษัท
- ควรศึกษาเปรียบเทียบความคุ้มทุนระหว่างโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์ในบัญชีนวัตกรรมไทยกับเสาไฟฟ้าว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
- ปัญหาการติดตั้งโคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์ซ้ำซ้อนกับเสาไฟฟ้าทั่วไปที่มีอยู่เดิม
- ปัญหาด้านการบำรุงรักษาซึ่งเกิดจากข้อจำกัดในการซ่อมแซมที่ต้องเปลี่ยนโคมไฟทั้งชุดแทนการซ่อมแซมเฉพาะส่วน ส่งผลให้มีภาระงบประมาณเพิ่มขึ้น หากบริษัทสามารถจัดจำหน่ายอะไหล่แยกส่วนสำหรับการซ่อมแซมได้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงบประมาณของหน่วยงานที่
เกี่ยวข้อง- ควรมีการกำกับดูแลด้านราคาของสินค้าในบัญชีนวัตกรรมไทย รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์และระยะเวลาการขึ้นทะเบียนในบัญชีนวัตกรรมไทย
สตง. ยังระบุในรายงานด้วยว่า แม้การสนับสนุนนวัตกรรมโดยใช้กลไกการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐจะเป็นเครื่องมือทางนโยบายในการส่งเสริมการวิจัย การพัฒนาต่อยอด และการสร้างนวัตกรรมเพื่อนำไปสู่การผลิตและบริการที่ทันสมัยของประเทศ
แต่จากการทบทวนข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า การดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เป็นผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยยังพบความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การทุจริตและปัญหาต่าง ๆ ในหลายประเด็น เช่น อาจก่อให้เกิดการผูกขาดและไม่เกิดการแข่งขันตามกลไกตลาดอย่างเป็นธรรม การดำเนินงานที่ไม่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นตามวัตถุประสงค์ รวมถึงขาดการติดตามและประเมินผลของนโยบาย
ดังนั้น หากยังให้สิทธิพิเศษแก่สินค้าและบริการที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทยด้วยกลไกของรัฐ ทั้งการขึ้นทะเบียนสินค้านวัตกรรมไทยเป็นเป็นเวลาสูงสุด 8 ปี และการให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เป็นผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยโดยสามารถใช้วิธีคัดเลือกหรือเฉพาะเจาะจงได้แล้วแต่กรณี อาจทำให้ปัญหาต่าง ๆ ข้างต้นเกิดความรุนแรงขึ้น
จึงควรทบทวนแนวทางการให้สิทธิพิเศษแก่สินค้าและบริการที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย รวมถึงกำหนดมาตรการควบคุมและกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การทุจริตและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐให้มีความคุ้มค่า ประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุด
(หมายเหตุ เนื้อหารายงานผลการตรวจสอบของ สตง.ยังไม่จบ ยังมีผลการศึกษาวิเคราะห์ในภาพรวม ข้อตรวจพบที่สำคัญเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เป็นผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยด้วย รายละเอียดเป็นอย่างไร ติดตามตอนหน้า)
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง :
ภาพรวม:
- ป.ป.ช.เห็นชอบมาตรการป้องกันทุจริต นโยบายจัดซื้อจัดจ้าง บัญชีนวัตกรรม
- เปิดข้อเสนอแนะ ป.ป.ช. ชงรัฐล้อมคอกจัดซื้อฯ‘สินค้านวัตกรรม’-ชง 4 แนวทางแก้‘ทุจริต-ผูกขาด’
- ขมวดปมร้อน!จัดซื้อสินค้าบัญชีนวัตกรรม เอกชนกลุ่มเดียวคว้างานพันล.นโยบายรัฐเสี่ยงเอื้อปย.?
- อปท.แห่ซื้อเป็นร้อยโครงการ! ล้วงข้อมูล ป.ป.ช.สอบสินค้านวัตกรรม'ป๊อกแทงค์-Water Purifying'
- หลังบ.กลุ่มเดียวคว้างานพันล.! ป.ป.ช.สั่งศูนย์CDC จับตาซื้อสินค้าบัญชีนวัตกรรมใกล้ชิด
- เฉลิมพล เพ็ญสูตร:ปมขายสินค้านวัตกรรมรายเดียวพันล.รัฐไม่มีเจตนาเอื้อปย.-ทุจริตเชิงนโยบาย
- กมธ.ติดตามการบริหารงบ แนะสวทช.-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาความคุ้มทุนโคมไฟถนนโซลาร์เซลล์
- เปิดละเอียด! ข้อสังเกตกมธ.ติดตามงบฯ ซักประเด็นจัดซื้อโคมไฟนวัตกรรม คุ้มค่าราคาหรือไม่?
- ฉบับเต็ม! รายงานป.ป.ช.ชำแหละปม‘สินค้านวัตกรรม’ พบช่องโหว่จัดซื้อฯ‘ยา’ยัน‘เสาไฟโซลาร์ฯ’
- 1,149 ล.! เจาะรายได้ล่าสุดตัวแทนขาย POG TANKS สินค้านวัตกรรม บ.ฮ่องกง-เซเชลส์ ถือหุ้น
สินค้าเอกชนกลุ่มแรก:
เครื่องแปลงขยะเศษอาหารโดยใช้จุลินทรีย์ (Food Waste Recycling Machine) ตามบัญชีนวัตกรรมไทย
- จี้ผู้ว่าฯทบทวน! สตง.สอบงบเครื่องแปลงเศษอาหารจุลินทรีย์ 15.4 ล. อำนาจเจริญ ส่อเหลว
- ฉบับเต็ม! สตง.ชำแหละโครงการเครื่องแปลงเศษอาหารจุลินทรีย์ 15.4 ล.อำนาจเจริญ ส่อเหลว
- ตัวละ1.4 ล้าน! แกะรอยเครื่องแปลงเศษอาหารจุลินทรีย์ 11 ตัว15.3 ล. อำนาจเจริญ ซื้อจากไหน?
- ไม่มีขายทั่วไป! ผู้ว่าฯอำนาจเจริญ แจงซื้อเครื่องแปลงเศษอาหาร15.4 ล. บ.เดียว-ใช้งบรองนายกฯ
- สินค้าที่ 3 เครื่องแปลงขยะบัญชีนวัตกรรม เจ้าของกลุ่มเดิมอีกแล้ว สตง.เคยสอบที่อำนาจเจริญ
ระบบผลิตน้ำประปา (Water Treatment System) ตามบัญชีนวัตกรรมไทย
- ถึงคิว! สตง.สอบระบบผลิตน้ำประปากระบี่ 145 ล.พบปัญหาซ้ำรอยเครื่องแปลงเศษอาหารจุลินทรีย์
- เจาะจัดซื้อระบบผลิตน้ำประปาบัญชีนวัตกรรมไทย บ.ตัวแทนเจ้าเดียว คว้างาน อปท.ทั่วปท.พันล.
- ไขที่มา POG TANKS สินค้าบัญชีนวัตกรรมไทย บ.ตัวแทนเจ้าเดียวคว้างาน อปท.ทั่วปท.พันล.
- เปิดตัวเจ้าของ 'ป๊อกแทงค์' ไขข้อสงสัยสินค้าบัญชีนวัตกรรมไทย คว้างาน อปท.ทั่วปท.พันล.
ระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำ (Water Purifying Unit) ตามบัญชีนวัตกรรมไทย
- เจาะสินค้าบัญชีนวัตกรรม 'ป๊อกแทงค์-Water Purifying' เจ้าของเดียวกัน-ได้งานรัฐอีก 32 ล.
- เบื้องลึก! 'Water Purifying' ป.ป.ช.บึงกาฬชงสอบอดีตผู้ว่าฯ-8 นอภ.แจ้งถอนชื่อบัญชีนวัตกรรม
ระบบผลิตน้ำประปา (Water Treatment System) ตามบัญชีนวัตกรรมไทย
สินค้าเอกชนกลุ่มสอง:
โคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์แบบประกอบในชุดเดียว (ALL In One Solar Street Light) ตามบัญชีนวัตกรรมไทย
- ถึงคิว! เปิดตัวเอกชนกลุ่ม 2 ขายสินค้านวัตกรรมโคมไฟถนน ได้งานอปท.ทั่วปท. 1,514 ล้าน
- เปิด '6 อบจ.' สนองนโยบายรัฐ ทุ่มซื้อสินค้านวัตกรรมโคมไฟถนน - สระบุรี มากสุด 392 ล.
- ลูกค้ามั่นใจ-ของไม่มีปัญหา! ผู้บริหารบ.โซดิแอคท์ แจงขายสินค้านวัตกรรมโคมไฟถนน 1.4 พันล.
- อบจ.สระบุรี ซื้อโคมไฟถนนนวัตกรรม194 ล. '3 บ.ผู้จำหน่าย-ตัวแทน' รับซอง แต่ไม่ยื่นแข่ง 2
- ปชช.ต้องการ! อบจ.สระบุรีแจงซื้อโคมไฟถนนนวัตกรรม 329 ล.-เอกชนคุณสมบัติครบตัดสิทธิไม่ได้
- ยอดพุ่ง 454 ล.! อบจ.สระบุรีซื้อโคมไฟถนนนวัตกรรม 5 สัญญา บ.กลุ่มเดิมรับซอง-แต่ไม่ยื่นแข่ง
กรณีทำถนนพ่วงซื้อโคมไฟนวัตกรรม
- ข้อมูลใหม่! อปท.แห่ทำถนนพ่วงติดตั้งโคมไฟนวัตกรรม TOR กำหนดรหัสสินค้าชัดเจน
- ส่วนกลางกำหนดมา! นายก อบต.สร้างมิ่ง แจงปมสร้างถนนพ่วงติดตั้งโคมไฟนวัตกรรม 3 สัญญารวด
- ชนะคู่เทียบหลักพัน!ไส้ใน อบต.สร้างมิ่ง ทำถนนพ่วงซื้อโคมไฟนวัตกรรม กำหนดคุณสมบัติเจาะจง
- ไส้ในสัญญาที่ 2! อบต.สร้างมิ่ง ทำถนนพ่วงซื้อโคมไฟนวัตกรรม เจาะจงคุณสมบัติ-ชนะหลักพันอีก
เครื่องสูบไฮดรอลิคนวัตกรรม ตัวละ 10.6 ล้าน
- พบ 'คู่เทียบ' หจก.ลูกพล.อ.ปรีชา ขายเครื่องสูบไฮดรอลิคสินค้านวัตกรรม ได้งาน กรมฯน้ำ 233 ล.
- เผยโฉม! เครื่องสูบไฮดรอลิคนวัตกรรม ตัวละ 10.6 ล้าน กรมฯ น้ำ ทุ่มซื้อ 22 เครื่อง 233 ล.
- ยอดพุ่ง 913 ล้าน! กรมชลฯ เจ้าแรกเจาะจงซื้อเครื่องสูบไฮดรอลิคนวัตกรรม 64 ตัว 679 ล.ปี 65
- ท.บางแก้ว แห่งที่ 3! ซื้อเครื่องสูบนวัตกรรม 5 ตัว 44.6 ล. ยอดขาย บ.นำพลฯ กระฉูด 957 ล.
- เปิดตัวนักวิจัย ม.ศรีปทุม เจ้าของผลงานเครื่องสูบน้ำนวัตกรรม ก่อน บ.คว้าสัญญารัฐ 957 ล.
เสาไฟถนนพับได้ อบจ.ปราจีน
- สินค้าใหม่บัญชีนวัตกรรม! เสาไฟถนนพับได้ อบจ.ปราจีน ทุ่มซื้อ58 ล. บ.ตัวแทนแข่งกันเอง
- 335 ล.! เบ็ดเสร็จ 2 ปี อบจ.ปราจีนทุ่มซื้อเสาไฟถนนพับได้ 17 ส. -บ.ตัวแทน 2 เจ้าคว้างาน
- คุ้ยเจอ! 2 บ.ตัวแทน ขายเสาไฟถนนพับได้ อบจ.ปราจีน 335 ล.ใช้ผู้ลงนามสัญญาคนเดียวกัน
เสาไฟยืดหดได้ อบต.หนองหมู

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา