
"...การดำเนินการในครั้งนี้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด มิได้มีเจตนาเพื่อกลั่นแกล้งผู้หนึ่งผู้ใดตามที่ปรากฏข่าวสารแต่อย่างใด จึงเรียนมาเพื่อให้รับทราบข้อเท็จริงโดยทั่วกัน..."
ชื่อของ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภออำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา กำลังถูกจับตามองจากสาธารณชน
เพราะ
หนึ่ง.
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมการปกครอง ลงนามในคำสั่งกรมการปกครอง ที่ 1033/2568 เรื่องให้ข้าราชการช่วยราชการ โดยในเอกสารระบุว่า เพื่อประโยชน์ของทางราชการ อาศัยอำนาจความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 จึงให้ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ตำแหน่งนายอำเภอ (ผู้อำนวยการสูง) อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ช่วยราชการ วิทยาลัยการปกครอง กรมการปกครอง เป็นการประจำ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.68 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง สั่ง ณ วันที่ 26 พ.ย.68
ข่าวระบุว่า แม้คำสั่งดังกล่าว จะไม่ได้ระบุสาเหตุในการโยกย้ายนายอำเภอหาดใหญ่ แต่หลายฝ่ายคาดว่า น่าจะมีเกี่ยวข้องกับการดำเนินการแก้ปัญหาสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าล่าช้า ไม่ทันท่วงที และก่อความเสียหายอย่างหนักหน่วง


สอง.
หลังจากนั้นไม่นาน กรมการปกครอง ได้เผยแพร่คำสั่งให้ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ออกจากราชการไว้ก่อน เหตุเพราะถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกรณีสั่งการให้อาสารักษาดินแดน (อส.) ใช้รถยนต์ราชการบรรทุกวัสดุอุปกรณ์เพื่อสร้างบ้านส่วนตัว พร้อมทั้งใช้เจ้าหน้าที่ อส.บางส่วนไปทำการก่อสร้างบ้านส่วนตัวโดยมิชอบ
กรมการปกครอง อ้างเหตุในการออกคำสั่งให้ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ออกจากราชการไว้ก่อนครั้งนี้ ว่า
ตามที่กรมการปกครอง ได้มีคำสั่งให้นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ตำแหน่งนายอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ช่วยราชการวิทยาลัยการปกครอง กรมการปกครอง เป็นการประจำ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป นั้น
สืบเนื่องจากขณะนี้เหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสงขลาถือเป็นสาธารณภัยขนาดใหญ่สร้างความเสียหายต่อชีวิตทรัทย์สินและเศรษฐกิจอย่างมหาศาล และตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 10/2568 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ได้ยกระดับการจัดการสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง (ระดับ 4) ในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยที่ตำแหน่งนายอำเภอเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญที่จะต้องอยู่ในพื้นที่เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้แก่ประชาชน
แต่ปรากฏว่า นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ได้อยู่ในพื้นที่ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 และไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้อีกเลย
ประกอบกับผู้บังคับบัญชาในทุกระดับก็ไม่สามารถติดต่อสื่อสารและสั่งการได้เช่นกัน ทำให้ไม่สามารถประสานงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ นายอำเภอหาดใหญ่ ยังไม่เข้าร่วมประชุมประจำวันกับกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 46 เพื่อประสานงานและรับทราบแนวทางในการแก้ไขปัญหา ข้อสั่งการ คำสั่งของผู้บังคับบัญชาในการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งจะต้องเข้าร่วมประชุมเป็นประจำทุกวันทำให้เกิดความเสียหายต่อการปฏิบัติราชการ
ดังนั้น กรมการปกครองพิจารณาแล้ว จึงได้มีคำสั่งให้ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา มาช่วยราชการที่วิทยาลัยการปกครอง และได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ นายดำรงศักดิ์ แก้วดวง ตำแหน่งผู้ตรวจราชการ กรมการปกครอง รักษาการในตำแหน่ง นายอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แทน ซึ่งขณะนี้นายดำรงศักดิ์ แก้วดวง ได้ลงพื้นที่ไปปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดและได้ประสานงานบูรณาการกับหน่วยทหาร ตำรวจ ส่วนราชการ และภาคประชาสังคมในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
ต่อมากรมการปกครอง ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญา กรณีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอหนองจิก จังหวังปัตตานี ได้สั่งใช้สมาชิกกองอาสารักษาตินแดนอำเภอหนองจิกที่ 10 จังหวัดปัดตานี ผู้ใต้บังคับบัญชาใช้รถยนต์ของทางราชการบรรทุกวัสดุอุปกรณ์ เพื่อนำไปใช้ในการสร้างบ้านพักส่วนตัวของตนในเขตพื้นที่อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา และสั่งการให้ไปทำการก่อสร้างบ้านพักส่วนตัวหลังดังกล่าวโดยมิชอบ
ด้วยเหตุดังกล่าวกรมการปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่า ตำแหน่งนายอำเภอเป็นตำแหน่งสำคัญของกรมการปกครองและกระทรวงมหาดไทย บุคคลที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวย่อมต้องดำรงคนเพื่อให้ได้รับความน่าเชื่อถือ ศรัทธา และความไว้วามใจจากประชาชนในพื้นที่
การที่ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ต้องหาว่ากระทำความผิดอาญาตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ป.ช. ดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องกี่ยวกับความประพฤติหรือพฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ ประกอบกับภารกิจของกรมการปกครองและกระทรวงมหาดไทย รวมถึงภารกิจของรัฐบาล มีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องมีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องในพื้นที่
กรมการปกครองจึงมีคำสั่งให้ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ออกจากราชการไว้ก่อน ในฐานความผิดตามมาตรา 152 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2561 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85(1) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
กรมการปกครอง ยังระบุด้วยว่า การดำเนินการในครั้งนี้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด มิได้มีเจตนาเพื่อกลั่นแกล้งผู้หนึ่งผู้ใดตามที่ปรากฏข่าวสารแต่อย่างใด
จึงเรียนมาเพื่อให้รับทราบข้อเท็จริงโดยทั่วกัน

ทั้งนี้ สำหรับกรณีที่ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดจากการสั่งการให้อาสารักษาดินแดน (อส.) ใช้รถยนต์ราชการบรรทุกวัสดุอุปกรณ์เพื่อสร้างบ้านส่วนตัว พร้อมทั้งใช้เจ้าหน้าที่ อส.บางส่วนไปทำการก่อสร้างบ้านส่วนตัวโดยมิชอบ ตามที่กรมการปกครอง ระบุนั้น
เคยปรากฏเป็นข่าวดังในช่วงเดือนตุลาคม 2567 สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 9 เปิดแถลงข่าวเป็นทางการต่อสื่อมวลชนระบุว่า การกระทำของ นายเอก ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172
และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 85 (1)
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ นายเอก นั้น ศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา เคยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกไปแล้วว่า
นายเอก นับเป็นข้าราชการฝ่ายปกครอง สังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่รับราชการและดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด
เป็นอดีตนายอำเภอหนองจิกเมื่อปี 2561 จากนั้นย้ายไปดำรงตำแหน่งนายอำเภอโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
แต่ช่วงเวลาที่ทำให้ชื่อของ นายอำเภอเอก ได้รับความสนใจ และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง คือช่วงปี 2564 ที่ย้ายไปดำรงตำแหน่งนายอำเภอเบตง จ.ยะลาและสร้างผลงานผ่านสื่อ เป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง
ที่สำคัญการดำรงตำแหน่งนายอำเภอเบตง อยู่ยาวถึง 3 ปี เมืองเบตงเป็นเมืองที่มีสีสัน มีกิจกรรมมาก ข่าวสารจึงมากตามไปด้วย และยังเป็นยุคที่เมืองเบตงกำลังก่อสร้างและเปิดสนามบิน คือ ท่าอากาศยานเบตง ถึงขั้นที่นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำประเทศในขณะนั้น เดินทางลงพื้นที่ด้วยเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เมื่อ 14 มี.ค.2565
กระแสการทำงานของนายเอกยิ่งมากขึ้น เมื่อย้ายเข้าดำรงตำแหน่งนายอำเภอหาดใหญ่ เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เริ่มงานวันที่ 27 ม.ค.2567 ก็สร้างผลงานทันที โดยเฉพาะการนำทีมบุกทลายโกดังน้ำกระท่อมรายใหญ่ในพื้นที่รับผิดชอบ
หาดใหญ่ถือเป็นอำเภอใหญ่ และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด ได้รับการยอมรับว่าเป็น “เมืองหลวง” ของภาคใต้ตอนล่างเลยทีเดียว เป็นทั้งเมืองท่องเที่ยว เมืองการศึกษา และจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นชุมทางรถไฟก่อนเข้าสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ขณะที่ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา พยายามติดต่อทางโทรศัพท์ไปหานายเอก เพื่อให้ชี้แจงกรณีที่ป.ป.ช.ภาค 9 มีมติชี้มูลความผิดดังกล่าว
แต่ได้รับเพียงคำตอบว่า “ไม่สะดวก กำลังประชุม” จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย

จนกระทั่งปัจจุบันเกิดปัญหาสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งรัฐบาลกำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าล่าช้า ไม่ทันท่วงที และก่อความเสียหายอย่างหนักหน่วง
หากโฟกัสไปที่เรื่องของเวลา จะพบว่านับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ที่ ป.ป.ช.แถลงข่าวชี้มูลคดีทุจริตนายเอกดังกล่าว ปัจจุบันล่วงเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน 2568
ระยะเวลาห่างกันนานเกือบปีเศษ
กรมการปกครอง เพิ่งมีคำสั่งให้นายเอก ออกจากราชการไว้ก่อน โดยอ้างว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความประพฤติหรือพฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ และการดำเนินการในครั้งนี้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด มิได้มีเจตนาเพื่อกลั่นแกล้งผู้หนึ่งผู้ใด
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนในพื้นที่ดังลอยตามน้ำมาว่า ถูกชี้มูลมาตั้งแต่ตุลาคม 2567 ปล่อยทิ้งมาหนึ่งปีไม่ทำอะไร พอน้ำท่วมมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้น ก็เลยต้องมีใครรับบทบาท "แพะ"?
แบบที่เห็นและเป็นไปอยู่ในขณะนี้

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา