"...การที่ผู้บริหารระดับสูงของไทยพีบีเอส และ กนย. พบว่าการกระทำของพนักงาน เสี่ยงต่อการฝ่าฝืนระเบียบหรือกฎหมายในการใช้รถยนต์ของราชการ แต่กลับไม่ดำเนินการลงโทษใดๆ และสรุปว่าไม่มีความผิด โดยใช้แต่เพียงสามัญสำนึกอ้างว่าไม่ได้ทุจริต คำถามง่ายๆ ที่เกิดขึ้น คือ คดีการใช้รถหลวงหรือรถราชการในระบบราชการไทยมีอยู่เป็นร้อย ๆ คดี ผู้บริหารบางแห่งถูกศาลพิพากษาจำคุกนับ 100 ปี ถ้ามีข่าวเกี่ยวกับการทุจริตการใช้รถหลวงหรือรถยนต์ของราชการ ไทยพีบีเอส ในฐานะที่เป็นสื่อสาธารณะ จะนำเสนอข่าวประเภทนี้ในรูปแบบใด..."
ประเด็นตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก!
กรณีปรากฏข่าวพนักงานองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือ Thai Public Broadcasting Service (ไทยพีบีเอส) องค์กรสื่อสาธารณะได้ทําหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย(กนย.) โดยกล่าวอ้างว่า ผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ตําแหน่ง ผู้อํานวยการสํานักข่าว นายเทพชัย หย่อง ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ และ นางสาวจิตติมา บ้านสร้าง รองผู้อํานวยการสํานักข่าว ด้านบริหาร เบิกรถยานพาหนะขององค์กร หรือรถหลวง ไปใช้ภารกิจส่วนตัวตลอดระยะเวลาหลายปีที่ดํารงตําแหน่ง นั้น

- คนใกล้ชิด'ก่อเขต'ผอ.ข่าวไทยพีบีเอส ยันเบิกใช้รถหลวงตามภารกิจงาน-ไม่มีเรื่องส่วนตัว
- 'วันชัย' ผอ.ไทยพีบีเอส ตอบปมร้อน (1) 'ก่อเขต-จิตติมา' เบิกใช้รถหลวงผิดหรือไม่?
- 'วันชัย' ผอ.ไทยพีบีเอสตอบปมร้อน (2) กรณีเทพชัย ขอใช้รถส่งแขก-ค่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ 2.7 แสน
- 'วันชัย' ผอ.ไทยพีบีเอสตอบปมร้อน (จบ) ความขัดแย้งใน กนย. ผลสอบคดีรถหลวง-รับน้องแรง
หากโฟกัสข้อมูลที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับทราบจากคำชี้แจงของ นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ผอ.ไทยพีบีเอส ซึ่งมีการนำเสนอต่อสาธารณชนไปแล้ว เกี่ยวกับประเด็นเรื่องการเบิกใช้รถยนต์ส่วนกลาง (อ่านข่าว-รายงานด้านบน)
จะพบข้อเท็จจริงว่า
หนึ่ง.
กรณี นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ นางสาวจิตติมา บ้านสร้าง ที่ได้รับค่าตอบแทนรถยนต์จากไทยพีบีเอสเป็นรายเดือน มีการยอมรับว่าเบิกใช้รถยนต์ส่วนกลางจริง แต่การใช้รถทั้งหมดไปในงานของสำนักงาน ไม่ได้เอาไปใช้ส่วนตัว และไม่ได้ใช้แบบพร่ำเพรื่อ ใช้เท่าที่จำเป็น ลักษณะการใช้รถฯ ได้แก่ ไปงานข่าว ไปพบแหล่งข่าว ไปงานศพบิดามารดา ของคนในสำนักข่าว
สอง.
กรณี นายเทพชัย หย่อง ไม่มีค่าตอบแทนรถยนต์ จึงไม่มีปัญหาเรื่องการเบิกใช้รถยนต์ส่วนกลาง
ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมนำรถขององค์กรไปรับส่งแขกในรายการของตัวเองทั้งๆ ที่มีค่าตอบแทนให้กับแขกของรายการอยู่แล้ว
นายเทพชัย โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวล่าสุด ว่า "ผมไม่เคยมีสิ่งที่เรียกว่า “รายการของตัวเอง” ตามที่ถูกกล่าวหา ทุกรายการที่ผมเป็นคนสัมภาษณ์หรือดำเนินรายการเป็นรายการขององค์กรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมรายการจึงไม่ใช่ “แขกของคุณเทพชัย” ตามที่กล่าวหาในรายงานข่าว แต่เป็นแขกของรายการขององค์กรทุกคน"

สาม.
ปัจจุบันเรื่องการเบิกใช้รถยนต์ส่วนกลาง อยู่ระหว่างการสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยฝ่ายบริหาร ( นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ผอ.ไทยพีบีเอส ทำการสอบสวนเอง โดยเรียกตัว นายก่อเขต และนางสาวจิตติมา มาชี้แจงข้อเท็จจริง) เพื่อเสนอต่อ กนย. ให้พิจารณา ขณะที่ไทยพีบีเอส ไม่ได้มีระเบียบกำหนดไว้ชัดเจนว่าถ้าเลือกค่าตอบแทนแล้วห้ามใช้เด็ดขาด ซึ่งปัจจุบันนายวันชัย ได้มีการมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมาย เรื่องระเบียบใหม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม นายวันชัยให้ความเห็นในการสัมภาษณ์ว่า พฤติกรรมหรือการกระทำของผู้ใต้เป็นบัญชาไม่ผิด
จากข้อมูลที่ได้รับข้างต้น สำนักข่าวอิศรา พบว่า ยังมีประเด็นที่อาจเป็นข้อสังเกตสำคัญ 2 ประการสำหรับเรื่องนี้ คือ
@ ประการแรก
กรณีการเบิกใช้รถยนต์ส่วนกลาง ทั้งที่ได้รับค่าตอบแทนจากใช้ยานพาหนะไปแล้ว ของ นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ที่มีคำยืนยันจากคนใกล้ชิด นายก่อเขตและ นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ผอ.ไทยพีบีเอส ไปแล้วว่า "การใช้รถทั้งหมดไปในงานของสำนักงาน ไม่ได้เอาไปใช้ส่วนตัว และไม่ได้ใช้แบบพร่ำเพรื่อ ใช้เท่าที่จำเป็น"
แต่มีข้อมูลปรากฏในคำร้องเรียนของพนักงานไทยพีบีเอส กล่าวอ้างหลักฐานสำคัญ 2 ชิ้น คือ
1. หลักฐานการขอใช้รถ ลงวันที่หมายงาน 02/10/2568 เวลา 11:52 น.เพื่อไปรับส่งสนามบินในการไป “อบรม” เลขที่หมายงาน N-68-10-0052 “อบรม บยสส.จ.เชียงใหม่(ขอรถส่งคุณก่อเขต)” (อบรม บยสส. อยู่ในความรับผิดชอบของ สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศ ไม่ใช่สำนักข่าวอิศรา)
2. หลักฐานการขอใช้รถ ลงวันที่หมายงาน08/11/2560 เวลา 13:39 น. เลขที่หมายงาน N-60-11-0252 “คุณก่อเขตไปงานศพแหล่งข่าว” (ดูหลักฐานประกอบ)


คำถาม คือ การขอใช้รถสำนักงานไปรับส่งสนามบินในการไปอบรมฯ และ ไปงานศพแหล่งข่าว ซึ่งไม่ใช่ ไปงานข่าว ไปงานศพบิดามารดา ของคนในสำนักข่าว ตามที่มีคำชี้แจง
นายก่อเขต ไปในงาน 2 ส่วนนี้ ในนามส่วนตัว หรือในนามสำนักงาน กันแน่?
ซึ่งประเด็นนี้นับเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก และเชื่อมโยงไปยังประการสองที่จะกล่าวถึงต่อไป
เพราะประการสอง
กรณีที่มีการกล่าวอ้างว่า ปัจจุบันไทยพีบีเอส ไม่ได้มีระเบียบกำหนดไว้ชัดเจนว่าถ้าเลือกค่าตอบแทนแล้วห้ามใช้เด็ดขาด ซึ่งปัจจุบันได้มีการมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมาย เรื่องระเบียบใหม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้แล้วนั้น
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ไทยพีบีเอส มีสถานะทางกฎหมายเป็น หน่วยงานของรัฐ ที่มีความพิเศษเฉพาะตัว เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่ส่วนราชการและไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ แม้จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักนายกรัฐมนตรี แต่มีการบริหารงานที่เป็นอิสระ
พิจารณาในแง่มุมเรื่องของข้อกฏหมาย การที่ไทยพีบีเอส อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักนายกรัฐมนตรี ในเมื่อไม่มีระเบียบการใช้รถยนต์ส่วนกลางชัดเจน ก็จะต้องยึดถือระเบียบที่หน่วยงานราชการใช้บังคับกันอยู่หรือไม่?
ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ
1. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ.2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 13 วรรคสาม ที่มีการระบุว่า ห้ามผู้มีสิทธิได้รับรถประจำตำแหน่ง ซึ่งได้รถประจำตำแหน่งแล้วนำรถส่วนกลางไปใช้อีก เว้น แต่มีเหตุผลความจำเป็นเฉพาะคราว ทั้งนี้ ให้ระบุเหตุผลความจำเป็นที่ต้องใช้รถส่วนกลางไว้ด้วย (ระเบียบฯ ตัวนี้ ป.ป.ช.นำไปใช้ประกอบการชี้มูลความผิด นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) กับพวก ใช้รถยนต์ส่วนกลางเป็นรถประจำตำแหน่งของตน ทั้งที่ ได้รับค่าตอบแทนอัตราเงินเดือนประจำ เดือนละ 150,000 บาท และผลประโยชน์ตอบแทนอื่น รวมถึงค่าพาหนะหรือรถยนต์ประจำตำแหน่งในอัตราร้อยละ 25 ของเงินเดือนประจำ จำนวน 37,500 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 187,500 บาท)
แต่เมื่อไทยพีบีเอสไม่มีระเบียบว่าด้วยการใช้รถยนต์ ก็ไม่อาจนำมาอ้างถึงเหตุผลความจำเป็นในการใช้รถยนต์ส่วนกลางได้ เพราะบุคคลดังกล่าวได้รับค่ารถประจำตำแหน่งอยู่แล้ว
2. มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าด้วยเรื่องการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับข้าราชการผู้มีสิทธิได้รถประจำตำแหน่ง มีการระบุไว้ชัดเจนว่า "เมื่อข้าราชการผู้มีสิทธิฯ ได้เลือกรับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายฯ แล้ว ให้จัดหารถยนต์ส่วนตัวมาใช้ในการปฏิบัติราชการในตำแหน่งหน้าที่หรือที่ได้รับมอบหมายโดยชอบหรืองานที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับงานในตำแหน่งหน้าที่ หรือฐานะที่ดำรงตำแหน่งนั้น รวมตลอดถึงการใช้เพื่อเดินทางไป - กลับระหว่างที่พักและสำนักงาน และเพื่อการอื่นที่จำเป็นและเหมาะสมแก่การดำรงตำแหน่งหน้าที่ในหมู่ข้าราชการและสังคม โดยให้หัวหน้าส่วนราชการควบคุมกำกับดูแลมิให้มีการประพฤติมิชอบโดยการนำรถส่วนกลาง รถรับรอง หรือรถประจำตำแหน่งไปใช้อีก หากผู้ใดฝ่าฝืนถือเป็นความผิดวินัย" (ดูลิงก์ประกอบ https://www.soc.go.th/wp-content/uploads/2020/01/v141_49.pdf)

นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผู้อํานวยการสํานักข่าว/ ภาพจาก https://tijrold.org/person/62/
จากข้อมูลตามมติ ครม.ข้างต้น จึงต้องย้อนกลับไปดูข้อมูลประการแรก ที่ว่า การขอใช้รถไปรับส่งสนามบินในการไปอบรม และ ไปงานศพแหล่งข่าว ซึ่งไม่ใช่ ไปงานข่าว ไปงานศพบิดามารดา ของคนในสำนักข่าว ตามที่มีคำชี้แจงไปแล้ว
นายก่อเขต ไปในงาน 2 ส่วนนี้ ในนามส่วนตัว หรือในนามสำนักงาน
เพราะถ้าไม่ได้ไปในนามสำนักงาน แต่ไปในนามส่วนตัว
พฤติการณ์ก็อาจสุ่มเสี่ยงเข้าข่ายฝ่าฝืนมติครม.ดังกล่าวได้ และอาจเป็นความผิดวินัย ที่สำคัญในการสอบสวนของฝ่ายบริหาร มีการพิจารณาเรื่องระเบียบและมติครม. ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่
ทั้งนี้ การที่ผู้บริหารระดับสูงของไทยพีบีเอส และ กนย. พบว่าการกระทำของพนักงาน เสี่ยงต่อการฝ่าฝืนระเบียบหรือกฎหมายในการใช้รถยนต์ของราชการ แต่กลับไม่ดำเนินการลงโทษใดๆ และสรุปว่าไม่มีความผิด โดยใช้แต่เพียงสามัญสำนึกอ้างว่าไม่ได้ทุจริตถือเป็นการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่
คำถามง่ายๆ ที่เกิดขึ้น คือ คดีการใช้รถหลวงหรือรถราชการในระบบราชการไทยมีอยู่เป็นร้อย ๆ คดี ผู้บริหารบางแห่งถูกศาลพิพากษาจำคุกนับ 100 ปี (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องด้านล่าง)
ถ้ามีข่าวเกี่ยวกับการทุจริตการใช้รถหลวงหรือรถยนต์ของราชการ ไทยพีบีเอส ในฐานะที่เป็นสื่อสาธารณะ จะนำเสนอข่าวประเภทนี้ในรูปแบบใด
ข้อสังเกตสำคัญข้างต้นเป็นสิ่งที่นายก่อเขตและนายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ผอ.ไทยพีบีเอส ในฐานะสื่อสาธารณะ ที่เป็นสื่อต้นแบบของสื่อทั่วประเทศ เป็นแหล่ง References (แหล่งอ้างอิง) ของสื่อในระดับสากล ควรต้องเร่งชี้แจงเพื่อทำความจริงให้ปรากฏชัดเจนต่อสาธารณชนโดยเร็วต่อไป
อย่างไรก็ดี กรณีการใช้รถหลวงของ ไทยพีบีเอส ปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการสอบสวนยังไม่ได้มีชี้มูลความผิด นายก่อเขต และผู้เกี่ยวข้อง ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
อ่านข่าวหมวดเดียวกัน
- คดีรถหลวงอีกแล้ว! ป.ป.ช.ชี้มูลอาญา-วินัย ปลัดทต.โคกหล่อ ตรัง ใช้เหมือนของตัวเอง
- ยืนโทษ! คุก105 ปี ติดจริง 50 อดีตผอ.การศึกษา อบจ.ยโสธร ใช้รถหลวงไปตีกอล์ฟ
- มหากาพย์รถหลวง! 10 ปี ป.ป.ช. ชี้มูลเพียบ 70 คดี ผู้ถูกกล่าวหากว่า 200 ราย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา