
"...การดำเนินการติดตามเรียกเงินคืนจากโรงเรียนที่เบิกจ่ายเงินอุดหนุนไม่ถูกต้องตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจพบ โดย ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์2563 โรงเรียนจำนวน 3 แห่ง ได้ส่งคืนเงินให้กับสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด เรียบร้อยแล้ว รวมจำนวน 1.06 ล้านบาท และโรงเรียนอีก 1 แห่ง ได้ส่งคืนเงินให้กับสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแล้วบางส่วน จำนวน 1.24 ล้านบาท คงเหลือจำนวน0.26 ล้านบาท อยู่ระหว่างการติดตาม..."
...........................
การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเงินช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนเอกชน ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแห่งหนึ่ง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 - 2562 ถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบปัญหาการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนไม่เป็นไปตามระเบียบ ประกาศ และแนวทางการปฏิบัติ พร้อมสั่งเรียกเงินคืนจำนวนล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สืบค้นข้อมูลรายงานผลการตรวจสอบ สตง. พบว่า การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเงินช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนเอกชนของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแห่งหนึ่ง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 - 2562 ถูกสตง. ตรวจสอบพบปัญหาดังต่อไปนี้
ในปีการศึกษา 2561 เกี่ยวกับค่าหนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน กิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ค่าอาหารเสริม (นม) และเงินอุดหนุนรายบุคคล โดยสุ่มตรวจสอบจำนวน 4 โรงเรียน
พบข้อตรวจพบที่สำคัญ ดังนี้
1. การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนไม่เป็นไปตามระเบียบ ประกาศ และแนวทางการปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง
1.1 การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนค่าหนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียนและกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
- โรงเรียนทั้ง 4 แห่ง เบิกจ่ายเงินอุดหนุนค่าหนังสือเรียนตามราคาปกหนังสือซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่ได้หักส่วนลด ทำให้เบิกจ่ายเงินค่าหนังสือเรียนสูงไปเป็นจำนวนเงิน 0.64 ล้านบาท
- โรงเรียน 1 แห่ง เบิกจ่ายเงินอุดหนุนค่าเครื่องแบบนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนเกินจำนวนนักเรียนที่มีอยู่จริง โดยเป็นค่าเครื่องแบบนักเรียน จำนวน 12 ราย และเป็นค่าอุปกรณ์การเรียน จำนวน 7 ราย รวมเป็นเงิน 6,015.00 บาท
- โรงเรียน 2 แห่ง เบิกจ่ายเงินอุดหนุนกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนไม่เป็นไปตามประกาศฯ และแนวทางที่กำหนด โดยพบว่า โรงเรียนหนึ่งแห่ง นำเงินอุดหนุนไปเบิกจ่ายเป็นค่าบริการอินเทอร์เน็ตรายเดือน จำนวน 0.35 ล้านบาท และ โรงเรียนหนึ่งแห่ง เบิกจ่ายเป็นค่าคอมพิวเตอร์จำนวน 7 เครื่อง และเครื่องพิมพ์ จำนวน 2 เครื่อง เป็นเงิน 87,660.00 บาท
- โรงเรียน 1 แห่ง มีเงินเหลือจากการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนระดับก่อนประถมศึกษา ซึ่งต้องส่งคืนสำนักงานศึกษาจังหวัดฯ จำนวน 60,409.00 บาท
- โรงเรียน 1 แห่ง แจ้งจำนวนนักเรียนจริงเกินตามแบบคำขอเบิกจ่ายเงินอุดหนุนจำนวนนักเรียนที่มีอยู่จริง แบบ อร.2 จำนวน 1 ราย และ แบบ อร.3 จำนวน 3 ราย รวมเป็นเงิน1,880.00 บาท
1.2 เงินอุดหนุนค่าอาหารเสริม (นม)
- การยื่นขอรับเงินอุดหนุน พบว่า โรงเรียน 1 แห่ง มีการแจ้งจำนวนนักเรียนเกินจำนวนนักเรียนที่เรียนอยู่จริงตามบัญชีเรียกชื่อ ทำให้มีการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเป็นค่าอาหารเสริม (นม)สูงไป จำนวน 1 ราย คิดเป็นเงิน 1,820.00 บาท ซึ่งต้องส่งคืนสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดฯ
- เงินคงเหลือจากการเบิกจ่าย พบว่า โรงเรียน 2 แห่ง มีเงินเหลือจากการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนค่าอาหารเสริม (นม) โดยพบว่า โรงเรียนหนึ่งแห่ง มีเงินเหลือจากการเบิกจ่ายจำนวน 0.10 ล้านบาทและมีเงินที่ได้รับจัดสรรเพิ่มเติมภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 เกินจำนวนนักเรียนที่เรียนอยู่จริงจำนวน 2 ราย คิดเป็นเงิน 1,820.00 บาท และโรงเรียนหนึ่งแห่ง มีเงินเหลือจากการเบิกจ่ายตั้งแต่ปีการศึกษา 2552 – 2560 ซึ่งต้องคืนเงินสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดฯ จำนวน 1.01 ล้านบาท
- การดำเนินการจัดซื้อและการแจกจ่ายอาหารเสริม (นม)
โรงเรียน 1 แห่ง มีการจัดซื้อนมพาสเจอร์ไรส์เกินกว่าจำนวนนักเรียนที่มีสิทธิ์และเรียนอยู่จริง จำนวน 3,160 ถุง คิดเป็นเงิน 20,766.60 บาท
โรงเรียน 1 แห่ง มีการจัดซื้อและแจกจ่ายอาหารเสริม (นม) ไม่ครบจำนวน 130 วัน ตามเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร โดยในภาคเรียนที่ 1/2561 เด็กนักเรียนได้รับอาหารเสริม (นม) เพียง 124 วัน และภาคเรียนที่ 2/2561 เด็กนักเรียนได้รับอาหารเสริม (นม) เพียง 111 วัน
ดังนั้น โรงเรียนจึงต้องส่งคืนเงินอุดหนุนอาหารเสริม (นม) ที่ไม่ได้ดำเนินการจัดซื้อ รวมกับเงินที่จัดซื้อเกินวงเงินที่ได้รับจัดสรรซึ่งเป็นการนำเงินเหลือจ่ายของปีก่อนมาจ่าย รวมเป็นเงิน 0.27 ล้านบาท
- การจัดส่งใบเสร็จรับเงินและการจัดทำรายงาน พบว่า โรงเรียน 2 แห่ง ไม่ได้ออกใบเสร็จรับเงินและไม่ได้จัดทำหลักฐาน บัญชีการรับ
- จ่ายเงินค่าอาหารเสริม (นม) ตามแบบ นม. 5 รวมถึงไม่ได้จัดทำรายงานผลการดำเนินงานตามแบบ นม. 4
1.3 เงินอุดหนุนรายบุคคล
พบว่า โรงเรียน 2 แห่ง มีการแจ้งจำนวนนักเรียนตามใบสำคัญรับเงินอุดหนุนรายบุคคล(แบบ อน.๔) และบัญชีรายชื่อนักเรียนที่โรงเรียนจำหน่าย/ลาออก/พักการเรียนของเดือนที่ผ่านมา(แบบ อน.6) กับบัญชีเรียกชื่อ มีจำนวนนักเรียนไม่ตรงกัน เนื่องจากโรงเรียนไม่ได้ตัดจำหน่ายนักเรียนตามแบบ อน.6 ในโปรแกรมระบบสารสนเทศสถานศึกษาและการบริหารจัดการเงินอุดหนุน (PSIS) ทำให้ จำนวนนักเรียนในระบบที่เบิกจ่ายสูงกว่าที่มีอยู่จริง จำนวน 11 ราย เป็นเงิน 16,019.59 บาท
2. การดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามระเบียบ และแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง
2.1 การดำเนินการขอรับเงินอุดหนุนและการจัดทำรายงาน
พบว่า โรงเรียน 2 แห่ง มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการรับเงินอุดหนุน และจัดทำแบบสรุปผลการใช้จ่ายเงินอุดหนุน ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายนของทุกปี เพื่อจัดส่งให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดฯ ตามระเบียบกำหนดแต่อย่างใด
2.2 การคัดเลือกและการจัดซื้อหนังสือพบว่า โรงเรียน 2 แห่ง ไม่ได้คัดเลือกหนังสือจากเว็บไซต์ฐานข้อมูลบัญชีกำหนดสื่อการเรียนรู้สำหรับเลือกใช้ในสถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ของกระทรวงศึกษาธิการ อีกทั้งไม่ได้จัดทำทะเบียนคุมการแจกหนังสือเรียนและให้นักเรียนลงลายมือชื่อรับหนังสือเรียนไว้เป็นหลักฐาน
2.3 การติดตามประเมินผลการใช้เงินอุดหนุน
พบว่า สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ไม่มีการติดตามประเมินผลการใช้เงินอุดหนุนเงินช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนเอกชนตามที่ระเบียบ ประกาศ และแนวทางกำหนดสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน พิจารณาแล้วเห็นว่า สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดและโรงเรียนเอกชนที่สุ่มตรวจสอบทั้ง 4 แห่ง ดำเนินการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนไม่เป็นไปตามระเบียบประกาศ และแนวทางการดำเนินงานโครงการ ทำให้มีการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนไม่ถูกต้อง จำนวน 2.56 ล้านบาทซึ่งโรงเรียนต้องนำเงินส่งคืนศึกษาธิการจังหวัดฯ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้แจ้งผลการตรวจสอบและข้อเสนอแนะ ให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด พิจารณาดำเนินการดังนี้
1. จัดการประชุมร่วมกันเพื่อซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานโครงการและหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายที่สำคัญ ๆ เพื่อให้การใช้จ่ายและการบริหารจัดการเงินอุดหนุนที่ได้รับจัดสรรเกิดประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ของการใช้จ่ายเงิน
2. ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบ และปรับปรุงข้อมูลจำนวนนักเรียนในโปรแกรมระบบสารสนเทศสถานศึกษาและการบริหารจัดการเงินอุดหนุน (PSIS) ให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอเพื่อลดความผิดพลาดจากการนำข้อมูลจำนวนนักเรียนที่มีสิทธิ์และเรียนอยู่จริงไปใช้ในการจัดสรรงบประมาณ และการบริหารจัดการของโรงเรียน
3. วางแผนการนิเทศงานโรงเรียนเอกชนที่ได้รับจัดสรรงบประมาณให้ครอบคลุมทั้ง 30 แห่งรวมถึงให้ตรวจสอบตามข้อตรวจพบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อให้เกิดความถูกต้องและเป็นธรรมหากพบกรณีที่มีการเบิกจ่ายเงินไม่ถูกต้อง ให้พิจารณาดำเนินการเช่นเดียวกับโรงเรียนที่สุ่มตรวจสอบทั้ง 4 แห่ง
4. กรณีการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนไม่ถูกต้องตามระเบียบ ประกาศ และแนวทางการดำเนินงานโครงการดังกล่าวข้างต้น ขอให้สั่งการเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบติดตามให้โรงเรียนส่งคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดโดยเร็วต่อไป
ผลการแก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงการปฏิบัติงานของหน่วยรับตรวจ
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดได้มีหนังสือแจ้งผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ดังนี้
1. สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด จัดประชุมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่การเงินโรงเรียนเอกชนจำนวน 30 โรงเรียน เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 เพื่อซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานโครงการ และหลักเกณฑ์การเบิกจ่าย เพื่อให้การใช้จ่ายและการบริหารจัดการเงินอุดหนุนที่ได้รับจัดสรรเกิดประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ของการใช้จ่ายเงิน
2. ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบให้ตรวจสอบข้อมูลนักเรียนในระบบ PSISโดยตรวจสอบข้อมูลนักเรียนซ้ำซ้อนในระบบก่อนทุกสิ้นเดือน หากพบว่าโรงเรียนใดมีนักเรียนซ้ำซ้อน จะต้องแจ้งให้โรงเรียนตรวจสอบความถูกต้องเพื่อยืนยันตัวตน
3. ได้จัดทำแผนการออกตรวจติดตามการใช้จ่ายเงินอุดหนุนของโรงเรียนเอกชนภายในจังหวัด
4. ดำเนินการติดตามเรียกเงินคืนจากโรงเรียนที่เบิกจ่ายเงินอุดหนุนไม่ถูกต้องตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจพบ โดย ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์2563 โรงเรียนจำนวน 3 แห่ง ได้ส่งคืนเงินให้กับสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด เรียบร้อยแล้ว รวมจำนวน 1.06 ล้านบาท และโรงเรียนอีก 1 แห่ง ได้ส่งคืนเงินให้กับสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแล้วบางส่วน จำนวน 1.24 ล้านบาท คงเหลือจำนวน0.26 ล้านบาท อยู่ระหว่างการติดตาม
ผลสัมฤทธิ์จากการตรวจสอบ
จากผลการตรวจสอบและการแจ้งข้อเสนอแนะให้หน่วยรับตรวจดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงการปฏิบัติงานดังกล่าว ส่งผลให้หน่วยรับตรวจมีการปรับปรุงแก้ไขการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเงินช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนเอกชน ให้ถูกต้องตามระเบียบ ประกาศ และแนวทางการดำเนินงานโครงการ เพื่อให้การใช้จ่ายและการบริหารจัดการเงินอุดหนุนที่ได้รับจัดสรรเกิดประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ของการใช้จ่ายเงิน รวมทั้งมีการนำเงินในส่วนที่ทำให้ราชการเสียหายส่งคืนสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด
อย่างไรก็ดี ในรายงานผลการตรวจสอบเรื่องนี้ของ สตง. มิได้ระบุชื่อ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ที่ถูกตรวจสอบพบปัญหากรณีนี้เอาไว้ จึงทำให้ สำนักข่าวอิศรา ไม่สามารถติดต่อไปยังผู้บริหารสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแห่งนี้ เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงอีกด้านได้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา