"...ภาพรวมสถานการณ์ติดเชื้อโควิดระลอกใหม่ การระบาดครั้งนี้ แม้ว่าจะพบผู้ป่วยและติดเชื้อจำนวนมาก แต่แนวโน้มการพบผู้ติดเชื้อเริ่มคงตัวไม่เพิ่มขึ้น เพราะเราสามารถค้นหาและควบคุมจุดแพร่ระบาดสำคัญได้ แต่ยังต้องตรวจติดตามผู้สัมผัสหรือผู้ที่เข้าไปพื้นที่เสี่ยงต่อไป นพ.ทวีทรัพย์ กล่าว..."
................................................
ในการแถลงผลการติดตามสถานการณ์โควิดประจำวันที่ 12 ม.ค.2564 โดยกระทรวงสาธารณสุข พบว่า การระบาดระลอกใหม่ มีผู้ป่วยสะสม 6,597 ราย โดยกว่าครึ่งหนึ่งตรวจพบในระบบบริการและเฝ้าระวัง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมาจากการค้นหาเชิงรุก โดยขณะนี้มีคนกำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล 2,588 ราย โรงพยาบาลสนาม 870 ราย และมีผู้ป่วยอาการหนัก 28 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 11 ราย
นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค วิเคราะห์สถานการณ์การติดเชื้อในขณะนี้ว่า นับตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. ไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อสูงขึ้นอย่างชัดเจน แต่ในสัปดาห์นี้แนวโน้มผู้ติดเชื้อรายใหม่ ‘มีแนวโน้มชะลอตัวลง’
สมุทรสาคร ที่มีผู้ป่วยสะสม 3,194 ราย ยังมีสถานการณ์ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ทั้งจากระบบบริการและการค้นหาเชิงรุก ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ได้เพิ่มขึ้นแล้ว แต่จำนวนผู้ป่วยไม่ได้ลดลง
นนทบุรี ที่มีการระบาดจากผู้ติดเชื้อโยงจากสมุทรสาคร และเดินทางไปสถานบันเทิง วันนี้ไม่มีรายงานผู้ป่วยใหม่
ระยอง จันทบุรี และชลบุรี ภาพรวมทั้ง 3 พื้นที่ แนวโน้มผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มคงตัวและลดลง โดยเฉพาะระยองและจันทบุรี ส่วนชลบุรียังมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง เพราะมีการเชื่อมโยงทั้งจากบ่อนพนันและต่อเนื่องไปที่สถานบันเทิง อ.ศรีราชา ซึ่งจะต้องดำเนินการค้นหาผู้ป่วยให้กว้างมากขึ้น คาดว่าในเร็ววันจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจังหวัดชลบุรีน้อยลง
"ภาพรวมสถานการณ์ติดเชื้อโควิดระลอกใหม่ การระบาดครั้งนี้ แม้ว่าจะพบผู้ป่วยและติดเชื้อจำนวนมาก แต่แนวโน้มการพบผู้ติดเชื้อเริ่มคงตัวไม่เพิ่มขึ้น เพราะเราสามารถค้นหาและควบคุมจุดแพร่ระบาดสำคัญได้ แต่ยังต้องตรวจติดตามผู้สัมผัสหรือผู้ที่เข้าไปพื้นที่เสี่ยงต่อไป" นพ.ทวีทรัพย์ กล่าว
สำหรับปัจจัยเสี่ยงของการระบาดเป็นวงกว้างระลอกใหม่ สาเหตุสำคัญทำให้เกิดการแพร่เชื้อมี 2 ประเด็น
1.สถานที่มีคนจำนวนมาก มีความแอดอัด และใกล้ชิด เป็นจุดเสี่ยงสำคัญ จุดนี้เราต้องให้ความสำคัญและเข้มงวดสูงสุด
2.แรงงานต่างด้าว ที่อาศัยและทำงานในประเทศไทย มีความเป็นอยู่แออัด จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความรู้และค้นหาผู้ป่วย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไม่ให้ขยายตัว
นอกจากนี้มีคำถามว่าอากาศหนาวเย็น มีผลทำให้เชื้อโควิดอยู่ได้นานกว่าปกติหรือไม่ ?
นพ.ทวีทรัพย์ ตอบว่า ในความเป็นจริงอากาศร้อนจะทำให้เชื้อโควิดตายได้ง่าย เพราะความร้อนเพียง 50 องศาฯ ในระยะเวลา 20 นาที เชื้อก็จะตายได้ง่าย ส่วนอากาศเย็นในทางทฤษฎีจะทำให้เชื้ออยู่ได้นานขึ้น แต่เมื่อถูกทำความสะอาดหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมภายนอกจะเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว ถือว่าไม่เป็น ‘จุดสำคัญของการแพร่ระบาด’
แต่สิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่การแพร่ระบาดในฤดูหนาว เพราะเราอยู่ในห้องที่มีความแออัด อยู่ใกล้คนที่มีโอกาสติดเชื้อโดยที่ไม่รู้ตัว โดยไม่ได้ป้องกันตนเอง จึงเป็นเหตุให้เราพบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจสูงมากขึ้นในฤดูหนาว
"ไม่ว่าจะหนาวหรือร้อน ก็ควรจะล้างมือบ่อยๆ เพื่อให้เสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโควิด และต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างดังเดิม และขอให้สบายใจว่า หากเราปฏิบัติตามนี้ แม้ว่าจะอยู่ในอากาศหนาวก็ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อแต่อย่างใด" นพ.ทวีทรัพย์ กล่าว
@สธ.เชื่อ‘หมอชนะ’ช่วยลดการระบาดของโควิด
นอกเหนือจากการควบคุมแหล่งแพร่โรคแล้ว กระทรวงสาธารณสุขย้ำว่า การติดตั้งแอปพลิเคชัน ‘หมอชนะ’ ยังสามารถช่วยให้การติดตาม-ยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิดเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้น
นายสุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กล่าวว่า แอปพลิเคชัน ‘หมอชนะ’ จะเข้ามาชี่วยติดตามและเฝ้าระวังโควิด ผ่านระบบบันทึกการเดินทางของประชาชน กรณีที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อและใช้แอปพลิเคชันนี้อยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องสอบสวนโรค เพราะประวัติการเดินทางจะถูกบันทึกอยู่ในระบบอยู่แล้ว ทำให้สามารถระบุไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว (วิธีใช้ หมอชนะ https://www.dga.or.th/th/profile/2176/)
"วิธีการนี้ทำให้เราไม่มีความจำเป็นต้องไปสอบสวนโรค และไม่จำเป็นต้องไปประกาศไทม์ไลน์ต่อสาธารณะ เพราะผู้ที่ติดตั้งแอปฯไทยชนะ ก็จะได้รับการแจ้งเตือนทันที หากมีประวัติสัมผัสเสี่ยงกับผู้ติดเชื้อ" นายสุพจน์ กล่าว
นายสุพจน์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน ‘หมอชนะ’ ได้อัพเกรดเวอร์ชันใหม่ ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องกรอกข้อมูลหรือแบบประเมินความเสี่ยง และลดการใช้แบตเตอรี่ด้วย จึงอยากขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าจะไม่มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล และอยากขอเชิญชวนให้ประชาชนหันมาใช้แอปพลิเคชันดังกล่าว เพื่อให้การควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ยืนยันว่า ‘หมอชนะ’ เข้าถึงข้อมูลเพียงไม่มาก ซึ่งไม่ได้กระทบกับเรื่องส่วนบุคคล ประกอบด้วย กล้องถ่ายรูป เพื่อใช้ในการบันทึกภาพผู้ใช้งาน , ตำแหน่งผู้ใช้ เพื่อใช้ติดตามเส้นทางผู้ใช้งาน , คลังรูปภาพ ใช้เก็บรูปถ่ายไว้ที่เครื่องของผู้ใช้ ไม่มีการส่งภาพไปที่ระบบอื่น และพื้นที่เก็บข้อมูล ในกรณีที่โทรศัพท์ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แอปฯจะเก็บข้อมูลเส้นทางการเดินทางไว้ที่โทรศัพท์มือถือก่อน และเมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแล้ว ก็จะส่งข้อมูลไปจัดเก็บในระบบส่วนกลางแทน
@คนเชื่อมั่นรัฐบาลแก้ปัญหาโควิด 7.18 จากคะแนนเต็ม 10
วันเดียวกันนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนตอ่การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตวิถีใหม่ปี 2563 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 6,970 ราย
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การสำรวจด้านการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตเมื่อออกนอกบ้าน พบว่า 96.7% สวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้าน , 94.8% สวมหน้ากากเมื่อต้องพูดคุยกับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง , 91.7% ตรวจวัดไข้ก่อนเข้าไปยังสถานที่ต่างๆ
ขณะที่การใช้เทคโนโลยีทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน 62.2% ใช้แอปฯไทยชนะสแกนเข้าออกสถานที่ต่างๆ , 45.7% ชำระเงินผ่านทางออนไลน์แทนเงินสด และ 44.4% ซื้อสินค้าออนไลน์
เมื่อถามถึงความเห็นว่ามาตรการป้องกันโควิดที่อยากให้ดำเนินการนั้น พบว่า 58.3% เห็นควรให้สนับสนุนคนไทยเที่ยวในประเทศ , 58.3% ปิดประเทศเพื่อไม่ให้ชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวจนกว่าสถานการณ์จะสงบ และ 40.3% ให้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จนกว่าการแพร่ระบาดจะหมดไป
ขณะที่การสำรวจผลกระทบต่อรายได้ในช่วงโควิด 71.2% ยืนยันว่าได้รับผลกระทบทางด้านรายได้ , 76.7% เห็นว่าคน กทม.ได้รับผลกระทบมากที่สุด รองลงมาคือ จังหวัดชายแดนใต้ และ ภาคใต้
ส่วนสิ่งที่อยากให้รัฐบาลช่วยมากที่สุด 67.8% อยากให้ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน , 51.1% การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพสูง และ 33.2% ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ
ด้านความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาโควิด พบว่า ประชาชนให้ 7.18 คะแนนจาก 10 คะแนน เมื่อจำแนกประชาชนรายภูมิภาค พบว่า คนภาคใต้มีความเชื่อมั่นสูงสุด รองลงมาคือ ภาคอีสาน และชายแดนใต้ ตามลำดับ
สำหรับความสุขในการดำรงชีวิต ประชาชนให้ 7.22 คะแนนจาก 10 คะแนน โดยคนภาคใต้ให้คะแนนมากที่สุด รองลงมาคือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ตามลำดับ
นอกจากนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติยังมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ดังนี้ 1.มีมาตรการจุงใจประชาชนให้ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดการสัมผัสเสี่ยง เช่น ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือให้ส่วนลดสำหรับผู้ที่ซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ การประกวดการใช้เทคโนโลยีเพื่อทำกิจกรรมประจำวัน
และควรมีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการจ้างงานหรือสร้างอาชีพเพื่อให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การสร้างความรู้ความเข้าใจผ่านสื่อ และการจัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้สนใจที่จะทำอาชีพเสริม
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage