
ครม.อนุมัติมาตรการภาษีสนับสนุน ‘การแปลงเป็นดิจิทัล’ ให้ SMEs นำค่าใช้จ่าย'บริการด้านดิจิทัล'-ค่าใช้บริการ'โปรแกรมคอมพิวเตอร์’ หักเป็นค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า แต่ไม่เกิน 3 แสนบาท
.............................
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หรือมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการแปลงเป็นดิจิทัล (Digital Transformation) ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ
สำหรับร่าง พ.ร.ฎ.ฉบับนี้ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล โดยให้หักเป็นค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า (ไม่เกิน 3 แสนบาท) สำหรับค่าซื้อหรือค่าจ้างทำหรือค่าใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ และอุปกรณ์อัจฉริยะ หรือบริการด้านดิจิทัล ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล แต่ไม่รวมถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติอนุมัติหลักการถึงวันที่ 31 ธ.ค.2570
นอกจากนี้ ครม.ได้มอบหมายกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) ร่วมขับคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการแปลงเป็นดิจิทัลของ SMEs รวมทั้งติดตามและประเมินประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการนี้ และนำส่งข้อมูลดังกล่าวให้แก่กระทรวงการคลังเป็นรายปีจนสิ้นสุดมาตรการ เพื่อประกอบการจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริง ตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐฯ
ด้าน นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากร มีนโยบายส่งเสริมให้ SMEs ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการดำเนินงานและการบริหารจัดการธุรกิจ จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการแปลงเป็นดิจิทัล (Digital Transformation) ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ต่อ ครม.
โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการชายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท สามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่า สำหรับค่าซื้อหรือค่าจ้างทำหรือค่าใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์อัจฉริยะ หรือบริการด้านดิจิทัลที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีบริการดิจิทัลของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล แต่ไม่รวมถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งจ่ายไปตั้งแต่วันที่ ครม.มีมติอนุมัติหลักการมาตรการภาษีนี้ (วันที่ 24 มิ.ย.2568) ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2570
“มาตรการภาษีนี้จะทำให้ SMEs มีศักยภาพในการดำเนินกิจการและขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น รวมทั้งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดิจิทัลของไทยมีการพัฒนาสินค้าและบริการด้านดิจิทัลที่มีคุณภาพ อันจะส่งผลให้ตลาดสินค้าและบริการดิจิทัลของไทยเติบโตเพิ่มขึ้นตามมา” นายปิ่นสาย กล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา