
ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งประธานสภาฯ ตรวจสอบลายมือชื่อผู้ร้อง-จัดส่งเอกสารหลักฐานภายใน 7 วัน ปม พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 144 งบปี 68-69 ส่วนการตีความอำนาจแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ให้รอความเห็นของพยานผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนก่อน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสารข่าวที่ 20/2568 ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่สนใจ กรณีนายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) และ สส. รวม 121 คน ยื่นคำร้องกรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ฝ่าฝืนบทบัญญัติธธรรมนูญ มาตรา 144 ส่วนโดยทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และในกรณีที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีคำขอเสนอโครงการทั้ง 3 โครงการดังกล่าวอีกครั้ง ในงประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 โดยศาลฯ ให้มีหนังสือแจ้งไปให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการตรวจสอบลายมือชื่อของผู้ร้อง และจัดส่งเอกสารหลักฐานตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด โดยยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 7 วัน ส่วนกรณีประธานรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ให้รอความเห็นของพยานผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนก่อน โดยมีรายละเอียดทั้งหมดดังต่อไปนี้
1.สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอความเห็นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงประมาณ พ.ศ. 2569 มีการเสนอการแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง หรือไม่ (เรื่องพิจารณาที่ 17/2568)
นายภัณฑิล น่วมเจิม และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวม 121 คน (ผู้ร้อง) ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม กรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนโดยทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และในกรณีที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีคำขอเสนอโครงการทั้ง 3 โครงการดังกล่าวอีกครั้ง ในงประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 เป็นการเสนอของบประมาณด้วยโครงการที่มีรูปแบบเดียวกันกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใด ๆ ที่มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 อันเป็นเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติธธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง
ผลการพิจารณา
ศาลรัฐธรรมพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบแล้วเป็นว่า เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ในชั้นนี้ ให้มีหนังสือแจ้งไปให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการตรวจสอบลายมือชื่อของผู้ร้อง และจัดส่งเอกสารหลักฐานตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด โดยยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
2.ประธานรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) (เรื่องพิจารณาที่ 9/2568)
ในคราวประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 6 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม 2568 พิจารณาญัตติด่วนกรณีที่นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้เสนอให้รัฐสภาพิจารณามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) โดยผลการลงมติในญัตติดังกล่าวว่าที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นด้วยให้ส่งศาลรัฐธธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามญัตติ
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ประธานรัฐสภา (ผู้ร้อง) ส่งเรื่องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ศาลรัฐธรรมนูญให้พยานผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ผลการพิจารณา
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า พยานผู้เชี่ยวชาญบางท่านจัดส่งความเห็นตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดแล้วจึงรับรวมไว้ในสำนวน และเพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาให้รอความเห็นของพยานผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา