
ราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศกรมการแพทย์แผนไทยฯ ‘ใบสั่งจ่ายสมุนไพร กัญชา’ ภ.ท.33 ตัด 15 อาการออก เหตุคาบเกี่ยวหลายวิชาชีพ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ภายหลังจากราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2568 ซึ่งกำหนดควบคุมการใช้ประโยชน์จาก 'ช่อดอกกัญชา' ให้เป็นสมุนไพรควบคุม ที่เน้นเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น และการจำหน่ายต้องได้รับอนุญาต ที่สำคัญการจำหน่ายให้ผู้ที่ใช้ต้องเป็นไปตามข้อกำหนด มีใบสั่งจ่ายสมุนไพรจากวิชาชีพที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2568 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เรื่อง กำหนดแบบตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 แล้ว โดยมีผลบังคับใช้ในวันถัดไปจากประกาศในราชกิจจาฯ คือ วันที่ 1 ก.ค.2568 เป็นต้นไป
อ่านประกาศ: https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/76682.pdf


นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงกรณีใบสั่งจ่ายสมุนไพรควบคุม(กัญชา) สำหรับ 7 วิชาชีพว่า ขณะนี้มีการปรับแก้ตามแนวทางของวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง โดยรูปแบบของใบสั่งแพทย์ จะเป็นไปตามประกาศกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เรื่อง กำหนดแบบตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 ซึ่งตนในฐานะอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ลงนามแล้ว เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2568
โดยประกาศดังกล่าวมีรูปแบบใบสั่งจ่ายสมุนไพรควบคุม(กัญชา) ที่เรียกว่า แบบ ภ.ท.33 ซึ่งจะกำหนดชัดเจนถึงชื่อสกุลของผู้รับรอง ที่ต้องเป็นวิชาชีพตามที่กำหนด 7 วิชาชีพ คือ เวชกรรม แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ ทันตกรรม เภสัชกรรม ผู้ประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีน และหมอพื้นบ้าน โดยต้องกรอกเลขที่ใบอนุญาตทุกครั้ง ซึ่งการตรวจรักษา ต้องระบุรายละเอียดของคนไข้ที่เข้ารับการตรวจ ชื่อสกุล อายุ สัญชาติ เลขที่บัตรประชาชน และโรคหรืออาการต้องเป็นไปตามวิชาชีพวินิจฉัย และจำนวนโดสใช้กัญชาต้องไม่เกิน 30 วัน
“สำหรับโรคหรือกลุ่มอาการ เดิมระบุไว้ 15 อาการ แต่ขณะนี้ได้ตัดออกไป เนื่องจากอาจคาบเกี่ยวแต่ละวิชาชีพ โดยเว้นไว้ให้แต่ละกลุ่มวิชาชีพระบุอาการ ซึ่งต้องเป็นไปตามไกด์ไลน์ของวิชาชีพของตน ขณะนี้มีอยู่ 2 วิชาชีพ ที่มีไกด์ไลน์อยู่ คือ แพทยสภา มีตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมา และวิชาชีพแพทย์แผนไทย ส่วนอีก 5 วิชาชีพ อยู่ระหว่างจัดทำไกด์ไลน์ หากยังไม่แล้วเสร็จก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้” นพ.สมฤกษ์ กล่าว
นพ.สมฤกษ์ กล่าว กล่าวอีกว่า ขณะนี้การดำเนินการของร้านค้าสามารถทำได้ในกลุ่ม 2 วิชาชีพ คือ จะจำหน่ายได้ต้องมีใบสั่งจ่ายจาก 2 วิชาชีพ ซึ่งถือเป็นกลุ่มใหญ่ ทำได้เลย เพราะครอบคลุมทั้งแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ 5 วิชาชีพยังทำไม่ได้ จนกว่าจะมีไกด์ไลน์ออกมา
ส่วนกรณีกัญชาทางการแพทย์ในแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทยมีอาการอะไรบ้างที่ได้รับการยอมรับ นพ.สมฤกษ์ กล่าวว่า หากแพทย์แผนปัจจุบันที่ได้รับการรับรองมี 4 โรค คือ โรคลมชัก อาการคลื่นไส้อาเจียนจากการรักษาโรคมะเร็ง การปวดเส้นประสาท และอาการกล้ามเนื้อเกร็ง ส่วนของแพทย์แผนไทย จะมี 8 กลุ่มอาการ เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร อาการปวดจากโรคมะเร็ง เป็นต้น
“หลักๆ ร้านค้ากัญชาต้องได้รับอนุญาตการเปิดร้าน ซึ่งต้องเป็นไปตามทางการแพทย์ ห้ามสูบเด็ดขาด และการจะจำหน่ายให้ประชาชน หรือคนไข้จะต้องมีใบสั่งจ่ายตามวิชาชีพที่กำหนดเท่านั้น หากไม่มีก็ห้ามจำหน่ายเด็ดขาด และร้านต้องเก็บใบสั่งจ่ายไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้กรมตรวจทุกเดือน ส่วนผู้ป่วยควรสำเนาไว้เผื่อเป็นหลักฐานหากพบมีกัญชาเยอะ แต่ในระยะกลางเดือนนี้จนถึงปลายเดือน ทางกรมฯจะเปิดอบรมแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทยให้ความรู้เรื่องนี้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 9 พันคนที่อบรมมาตั้งแต่แรกๆ แต่ครั้งนี้จะอัปเดตอีกครั้ง” นพ.สมฤกษ์ กล่าว
ในอนาคตร้านค้าจะต้องมีวิชาชีพประจำร้าน หรือต้องปรับเป็นคลินิก เป็นสถานพยาบาลในอนาคตหรือไม่นั้น นพ.สมฤกษ์ กล่าวว่า ใช่ ในอนาคตจะต้องเป็นคลินิกหรือสถานพยาบาล โดยร้านค้าที่ต้องขึ้นทะเบียนใหม่ หรือต่อทะเบียน ซึ่งปลายปีนี้ จะมีร้านค้า 1.2 หมื่นแห่ง จาก 1.8 หมื่นแห่ง หมดอายุ และต้องต่อใบอนุญาต โดยจะเพิ่มกฎกระทรวงใหม่ ซึ่งต้องมีวิชาชีพอยู่ เรียกง่ายๆว่า ร้านค้าจะต้องปรับเป็นคลินิกหรือสถานพยาบาลในอนาคต
“ดังนั้น ภายในปีนี้ร้านค้าจะทยอยปรับรูปแบบ จนไม่เหลือร้านค้ากัญชาที่ไม่มีผู้ประกอบวิชาชีพอีกต่อไป ก็จะเป็นการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างสมบูรณ์ ซึ่งตรงนี้ต้องมีการร่างกฎกระทรวงฯ เกี่ยวกับการขออนุญาต กำลังดำเนินการอยู่ โดยกฎกระทรวงนี้ จะอยู่ภายใต้พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ขณะนี้กำลังทำประชาพิจารณ์อยู่ ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 12 ก.ค.นี้ จากนั้นก็จะประชุมคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย และเสนอรัฐมนตรีว่าการสธ. และเข้าครม.ต่อไป" นพ.สมฤกษ์ ระบุ
นพ.สมฤกษ์ กล่าวถึงเรื่องการซื้อขายใบสั่งจ่ายว่า จริงๆควรไม่มีค่าใช้จ่าย แต่เบื้องต้นมีการหารือกันว่า หากมีการคิดเงินในระหว่างช่วงนี้ไม่ควรเกิน 50-100 บาท เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า จะคิดราคาถึง 500 บาท ซึ่งแพงเกินไป ก็จะผิดหลักจริยธรรมวิชาชีพด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีการออก (ร่าง) ประกาศแบบสั่งจ่ายยาออกมาแล้ว 1 ฉบับ โดยมีแนวทางการใช้ช่อดอกกัญชาใน 15 กลุ่มโรค แต่มีคำสั่งชะลอการออกประกาศโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการ สธ. ซึ่งให้ความเห็นว่า ควรจะมีการรับฟังเสียงจากแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ก่อน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา