
‘พล.ต.ต.จรูญเกียรติ’ เผย ‘ภูมิธรรม’ รับปากให้ความเป็นธรรม ปมแต่งตั้งโยกย้าย บอกเคยเกือบถูกย้ายไป ‘หน่วยงานอื่น’ ปีที่แล้ว เหตุเป็นก้างขวางคอ พร้อมถามกลางวงประชุม ‘บช.ก.’ จะอยู่กันแบบนี้หรือ ลั่นถ้าไม่หยุดพฤติกรรม จะสู้แบบไม่ไว้หน้า
.......................................
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กล่าวถึงการเข้าพบนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานความคืบหน้าคดีอดีตพระอลงกต และหมอบี เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (26 ส.ค.) ว่า มีการพูดคุยเรื่องการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจปี 68 หรือไม่ ว่า นายภูมิธรรม ก็รับปากว่า จะให้ความเป็นธรรมในเรื่องนี้ ถ้ามีเหตุมีผลก็จะดำเนินการให้
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าตัวของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ก็มีการเลื่อนขั้นอย่างเร็วผิดปกติด้วย นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตนก็พร้อมให้ตรวจสอบเรื่องนี้ และยืนยันว่า ตนเองไม่ได้เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็ว พร้อมเล่าว่า เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา มีคนโทรศัพท์มาหาว่าจะให้ไปเป็นลำดับผู้บังคับการ โดยที่ตนเองไม่ต้องวิ่งเต้น ซึ่งในยุคทหารก็มีเรื่องตั๋ว ทำให้เลื่อนขั้นได้เร็วขึ้น 2 ปี
“ตนมาตามขั้นตอน ไม่ได้วิ่งเต้นตำแหน่งแต่อย่างใด และไม่ได้กังวลใจที่จะต้องถูกกลับมาตรวจสอบแทน เพราะในยุคนั้น ทุกคนที่เป็นใหญ่เป็นโต ก็ใช้ระบบฟาสแทร็คขึ้นมาทุกคน แต่ไม่มีใครพูด และตนก็พร้อมระเบิดพลีชีพอยู่แล้ว จึงไม่กลัวอะไร พร้อมรับทุกสภาพ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับเพื่อนข้าราชการทุกคน จึงเป็นการร้องในภาพรวมให้ได้รับการพิจารณา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้พี่ให้เพื่อนให้น้อง และไม่มีใครกล้าทำ เพราะเราอยู่ในหน่วยงานปราบทุจริต ถ้าเราไม่กล้าทำ เราก็อยู่กับระบบนี้อีกอย่างนาน ขวัญและกำลังใจก็จะถูกบั่นทอน นำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธาของประชาชน" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวด้วยว่า พร้อมน้อมรับผลการร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ถ้าไม่ได้ก็จะไม่งอแง แต่ขอให้พิจารณาคนที่มีความรู้ความสามารถมากกว่าตน และเรียกร้องให้ผู้บังคับบัญชาให้ความเป็นธรรมกับลูกน้องทุกคนเสมือนเท่าเทียมกัน
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว ตำรวจมาทำเรื่องพระ พระก็เริ่มเปลี่ยน แต่เมื่อเราหันกลับไปมองหน่วยงานของเรา ยังไม่เปลี่ยนเลย ยังเป็นระบบอุปถัมภ์ และยังไม่ให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการ ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ หากผมจะถูกตั้งคณะกรรมการก็รับได้หมด ทำด้วยรอยยิ้มเหมือนอลงกตด้วย” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแต่งตั้งโยกย้ายในปีนี้ จะซ้ำรอยแบบปีที่แล้ว ที่เกือบจะถูกย้ายไปอยู่หน่วยอื่น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ตนต้องพูดเรื่องจริงว่า เมื่อปีที่แล้วตนถูกเสนอให้ย้ายไปอยู่กองบัญชาการตำรวจนครบาลโดยไม่มีเหตุผล ซึ่งก็รู้สึกงงกับตัวเองเหมือนกันว่าทำผิดอะไรหรือไปเหยียบตาปลาใครหรือไม่ จนคำสั่งออกมาให้ไปอยู่ บช.น. จึงได้ถามกับผู้บังคับบัญชาว่าเป็นเพราะเหตุใด ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นคำสั่งนโยบาย
ตนจึงเริ่มย้อนดูว่าเกิดจากปัญหาอะไร จนได้รับคำตอบจาก ผู้การฯ ปปป. ว่า มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้เรียกให้เข้าไปพบเกี่ยวกับเรื่องไร่ภูนับดาว จ.สระบุรี เพื่อให้อธิบายเกี่ยวกับคดี ซึ่งตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้าใจดี ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ติดที่ว่าคนที่เรียกผู้การฯ ปปป. ไป เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในครั้งนี้ และเป็นคนที่มีความใกล้ชิดกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเขาก็กำชับผู้การฯ ปปป. ว่า อย่าเอาเรื่องนี้มาบอกตนเอง ทำให้ตนเข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสาเหตุในการถูกย้าย
แต่ต่อมา ที่ ก.ตร.ก็ได้พิจารณาไม่ให้ตนเองย้าย เพราะทำงานที่นี่ดีอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลให้ย้าย ตนก็ได้กลับมาประชุม ศปก. และพูดกับตำรวจทั้งหมด โดยมีผู้บัญชาการอยู่ด้วย ว่า “บช.ก. จะอยู่กันอย่างนี้หรือ จะเอาเรื่องเท็จมาคุยกันหรือ จะทำงาน และเอามีดพกมาแทงกันหรือ” ตนตอนนี้เลือดสาดแล้ว แต่ตนก็เตือนไว้ว่า ขอให้หยุดพฤติกรรมนี้ ถ้าท่านไม่หยุด ตนก็จะสู้แบบไม่ไว้หน้า
“ผมเชื่อว่า ผม คือ ก้างขวางคอของคนบางคนที่จะขึ้นตำแหน่ง เพราะคนๆ นี้ ถือบัญชีการแต่งตั้งที่มีการประเมินคะแนนที่จะใช้เกณฑ์วัดในการขึ้นตำแหน่ง การที่จะเอาผมให้ได้ เพราะเป็นการตัดปัญหาก่อนที่จะมีการแต่งตั้งในปีหน้า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ปีนี้มีการพิจารณาในบอร์ดกลั่นกลองชุดเล็ก ตนก็ถามแล้วทราบว่า ลำดับผู้บังคับการ 4 ปี จะไม่พิจารณา แต่จะพิจารณาที่เกณฑ์ที่ 5 ปี ซึ่งสาเหตุที่ตนคิดว่าทำไมเรื่องปีที่แล้วมาสอดคล้องกับปีนี้ ก็เพราะคนที่ทำบัญชีการแต่งตั้ง คือ กุนซือของผู้ใหญ่ในการทำงานในการวางแผน ส่วนจะใช่หรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในหลักการ
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการข้าราชการตำรวจและกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมกับการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2568
โดยหนังสือระบุตอนหนึ่งว่า การแต่งตั้งครั้งนี้คณะกรรมการฯ ละเลยถึงคุณสมบัติความรู้ความสามารถ ตำรวจบางนายที่ได้เลื่อนตำแหน่งกลับไม่เคยมีผลงานเป็นประจักษ์ ทั้งที่หลักเกณฑ์นี้มุ่งหวังให้เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้สามารถพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่มีความมุ่งมั่น ทุ่มเท และเสียสละ ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และการบริหารราชการขององค์กร ตลอดจนประชาชนและสังคมต่อไปเป็นไปตามเจตนารมณ์เหตุผลในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ที่วางหลักประกันไว้

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา