
‘กกพ.’เคาะเสนอ 2 ทางเลือกค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย.69 ต่ำสุด 4.58 บาท/หน่วย สูงสุดไม่เกิน 3.94 บาท/หน่วย หลังต้นทุน ‘ค่าเชื้อเพลิง’ คลายตัว พร้อมทยอยคืน 'หนี้คงค้าง' สร้างเสถียรภาพ-ความมั่นคงให้ระบบ
................................................
เมื่อวันที่ 10 พ.ย. นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ในการประชุม กกพ. ครั้งที่ 42/2568 เมื่อวันพุธที่ 5 พ.ย.2568 ที่ประชุมมีมติให้เปิดรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าสำหรับงวด ม.ค.-เม.ย. 2569 เป็น 2 กรณี โดยเรียกเก็บที่ 4.58 บาทต่อหน่วย และ 3.94 บาทต่อหน่วย
“ต้นทุนหลัก ทั้งราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาทเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลดีเชิงบวกต่อค่าไฟ แนวโน้มค่าไฟจึงเข้าสู่ภาวะขาลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ กกพ. มีช่องว่าง โอกาส และทางเลือกในการบริหารความสมดุลระหว่างการลดลงของต้นทุนค่าไฟกับการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของระบบพลังงานได้พร้อมกัน
การทบทวนค่าไฟในงวดต้นปีหน้า จึงยังสามารถตรึงค่าไฟให้อยู่ในระดับเดิมได้ อีกทั้งยังมีช่องทางในการเร่งลดภาระทางการเงินด้านเชื้อเพลิงล่วงหน้าให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้เพิ่มเติมด้วย” นายพูลพัฒน์ กล่าว
นายพูลพัฒน์ ระบุว่า ที่ผ่านมา กกพ. ได้ทยอยชำระคืนภาระหนี้ค่าเชื้อเพลิงจากต้นทุนคงค้าง (AF) ให้แก่ กฟผ. และ ปตท. อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค.2568 กกพ. ได้มีมติให้นำเงินเรียกคืนส่วนเกินรายได้ของการไฟฟ้ามาช่วยลดค่าไฟฟ้าจำนวน 12,200 ล้านบาท และเห็นชอบให้ทยอยคืนค่า AFGas รวม 6 งวด โดยเริ่มคืนงวดแรกในช่วงเดือน พ.ค.–ส.ค.2568
ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2568 ยอดคงค้างของค่า AF ลดลงเหลือ 47,058 ล้านบาท และต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติคงค้างของรัฐวิสาหกิจลดลงเหลือประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งแม้จะลดลงมาก แต่ยังเป็นปัจจัยลบที่กดดันค่าเอฟทีต่อไปจนกว่าจะชำระภาระค่าเชื้อเพลิงคงค้างทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ กกพ. ยังไม่สามารถประกาศปรับลดค่าเอฟทีและค่าไฟให้สอดคล้องกับต้นทุนที่ลดลงได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากยังจำเป็นต้องทยอยชำระคืนค่า AF ที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. และ ปตท. เพื่อให้ทั้งสองหน่วยงานสามารถฟื้นเสถียรภาพทางการเงินและรักษาความมั่นคงของระบบพลังงานโดยรวมได้ต่อเนื่อง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุม กกพ. ครั้งที่ 42/2568 กกพ. ได้พิจารณาตามหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าบริการในมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 และมาตรา 67 ที่กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาต คือ กฟผ. เป็นผู้เสนออัตราค่าบริการให้ กกพ. พิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยกระบวนการดังกล่าวมีขั้นตอนที่ชัดเจน โปร่งใส และเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียตามที่กฎหมายกำหนด
จึงมีมติให้สำนักงาน กกพ. ดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในงวดเดือน ม.ค. - เม.ย. 2569 แบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 ผลการคำนวณตามสูตรการปรับค่า Ft (จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้าง กฟผ. ทั้งหมด) ค่า Ft ขายปลีกเท่ากับ 79.75 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะเป็นการเรียกเก็บตามผลการคำนวณตามสูตรการปรับค่า Ft ที่สะท้อนแนวโน้ม (1) ต้นทุนเดือนมกราคม - เมษายน 2569 จำนวน 6.11 สตางค์ต่อหน่วย และ (2) เงินเรียกเก็บเพื่อชดเชยต้นทุนคงค้าง (AF) ที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2568 จำนวน 47,058 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73.64 สตางค์ต่อหน่วย
โดย กฟผ. จะได้รับเงินที่รับภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าแทนประชาชนตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 – เมษายน 2568 ในช่วงสภาวะวิกฤตของราคาพลังงานที่ผ่านมา คืนทั้งหมดภายในเดือน เมษายน 2569 เพื่อนำไปชำระหนี้เงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องให้มีสถานะทางการเงินคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งเมื่อรวมค่า Ft ขายปลีกที่คำนวณได้กับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.58 บาทต่อหน่วย โดยค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากระดับ 3.94 บาทต่อหน่วย ในงวดปัจจุบัน
กรณีที่ 2 กรณีตรึงค่า Ft เท่ากับงวดปัจจุบัน (ข้อเสนอ กฟผ.) ค่า Ft ขายปลีก เท่ากับ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะสะท้อนแนวโน้มต้นทุนเดือนมกราคม - เมษายน 2569 จำนวน 6.11 สตางค์ต่อหน่วย และทยอยชำระคืนภาระต้นทุน AF คงค้างสะสมได้จำนวน 6,141 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.61 สตางค์ต่อหน่วย เพื่อนำไปพิจารณาทยอยคืนภาระค่า AF บางส่วนให้แก่ กฟผ. ซึ่งเมื่อรวมค่า Ft ขายปลีกกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) คงที่เท่ากับ 3.94 บาทต่อหน่วย เช่นเดียวกับปัจจุบัน
ทั้งนี้ กกพ. เปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 10-23 พ.ย.2568 ก่อนที่จะมีการสรุปและประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป
อ่านประกอบ :
'กกพ.'เคาะค่าไฟฟ้างวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.68 ที่อัตรา 3.94 บาท/หน่วย หลังถกข้อเสนอใหม่'กฟผ.'
กกพ.เคาะ 3 ทางเลือก‘ค่าไฟฟ้า’งวด ก.ย.-ธ.ค.68 ที่ 3.98-5.10 บาท/หน่วย
ตรึงค่าไฟฟ้า 4.15 บาท! 'กกพ.'เคาะคง Ft งวดเดือน พ.ค.-ส.ค.68 ที่ 36.72 สตางค์/หน่วย
ครม.เคาะลดภาระค่าไฟฟ้า 16.05 สตางค์ ช่วยเหลือกลุ่ม‘เปราะบาง’ นาน 4 เดือน
‘กกพ.’ตรึง‘เอฟที’ 39.72 สต./หน่วย กดค่าไฟฟ้างวด ก.ย.-ธ.ค.67 เหลือ 4.18 บาทเท่าเดิม
ครม.ไฟเขียวตรึง‘ค่าไฟฟ้า’ 4.18 บาท/หน่วย อีก 4 เดือน-คงเพดานราคา‘ดีเซล’ถึงสิ้น ต.ค.67
‘กกพ.’เคาะเอฟทีงวด ก.ย.-ธ.ค.67 ดันค่าไฟฟ้าพุ่ง 4.65-6.01 บาท/หน่วย เพิ่มขึ้น 11-44%
อุดหนุน 8.3 พันล.! ครม.ไฟเขียวมาตรการตรึง‘ดีเซล-ก๊าซหุงต้ม’ ลดค่าไฟฟ้า 19.05 สต./หน่วย
‘บอร์ด กกพ.’ เคาะค่าไฟฟ้าเดือน พ.ค.-ส.ค.2567 เฉลี่ย 4.18 บาท/หน่วย เท่างวดก่อน
‘สภาผู้บริโภค’จี้‘กกพ.’ทบทวน FT งวดใหม่ คาดกดค่าไฟฟ้าเฉลี่ยต่ำกว่า 4 บาท/หน่วยได้
กกพ. ชี้ค่าไฟงวด พ.ค. - ส.ค. 67 ที่ 4.18 ต่อหน่วยตอบโจทย์ทุกฝ่าย
ต่ำสุด 4.18 บ./หน่วย! 'กกพ.'เคาะ 3 ทางเลือก คิดค่าไฟฟ้างวด พ.ค.-ส.ค.67-ทยอยคืนหนี้'กฟผ.'
‘หม่อมอุ๋ย’นำทีมยื่น‘จม.เปิดผนึก’ร้อง‘นายกฯ’ทบทวนอุดหนุนพลังงาน หลังรัฐแบกหนี้ 2.2 แสนล.
กกพ.เคาะค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย. 4.18 บาท-'ครัวเรือน'ใช้ไม่เกิน 300 หน่วย/ด. เหลือ 3.99 บ.

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา