
ตำรวจ ปอศ. ร่วม กรมสรรพากร เปิดปฏิบัติการ Anti Tax Fraud Operation Phase 2 ทลายเครือข่ายโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม รวบลูกสาวตัวการใหญ่เข้าคุกตามรอยพ่อ พบทำรัฐเสียหายกว่า 2 พันล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ. น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร นางเอื้อมเดือน สุขะวัลลิ ผู้อำนวยการกองตรวจสอบภาษีกลาง ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ จบเกมส์กลโกงภาษี - Anti Tax Fraud Operation Phase 2 ชัดดาวน์เครือข่ายฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่มสร้างความเสียหายต่อรัฐกว่า 2,100 ล้านบาท หลังสนธิกำลังร่วมกันกว่า 80 นาย เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 11 จุด ในพื้นที่ จ.ตาก , จ.เชียงใหม่ , จ.ลำปาง และ กรุงเทพมหานคร ก่อนสามารถจับกุม น.ส.พิมพิลาส นวรัตน์ อายุ 38 ปี พร้อมพวกรวม 9 ราย ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา ร่วมกันออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิจะออกฯ,ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มโดยใช้กลวิธีฉ้อโกง และ เจตนานำใบกำกับภาษีปลอมไปใช้ในการเครดิตภาษี พร้อมตรวจยึดของกลาง เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการยื่นภาษี จำนวน 30,000 ฉบับ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 7 เครื่อง
พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายสำราญ และพวก ขบวนการฉ้อโกงภาษีของ ที่ใช้กลุ่มเครือญาติ และ พนักงาน จัดตั้งร้านค้าและบริษัทขึ้นมาแล้วแสร้งทำการซื้อขายสินค้าระหว่างกันเป็นทอดๆ โดยไม่มีการซื้อขายกันจริง เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าในแต่ละทอดให้สูงขึ้น ส่งผลให้ภาษีมูลค่าเพิ่มมีจำนวนที่สูงขึ้นตามมูลค่าสินค้า จากนั้นก็จะให้บริษัทที่จดทะเบียนส่งออกที่เป็นเครือข่ายตนเอง ทำการซื้อสินค้าทอดสุดท้ายที่ราคาสูงเกินจริง แล้วส่งออกสินค้าไปยังประเทศพม่า เพื่อสร้างภาพของการส่งออกสินค้าโดยใช้สิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มจากการส่งออกสินค้า (VAT 0%) ก่อนนำข้อมูลธุรกรรมดังกล่าวมายื่นขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม จนสร้างความเสียหายต่อรัฐเป็นเงินกว่า 1,100 ล้านบาท หลังการจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังคงสืบสวนขยายผลต่อเนื่องเรื่อยมา จนกระทั่งพบว่านอกเหนือจากนายสำราญและผู้ต้องหากลุ่มแรกที่จับกุมไปแล้วนั้นยังมีผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆเพิ่มเติมอีก โดยเฉพาะ น.ส.พิมพิลาส บุตรสาวของนายสำราญ

พ.ต.ท.วันเผด็จ กล่าวว่า จากแนวทางสืบสวนพบว่า น.ส.พิมพิลาส ได้ร่วมกับร้านค้าและบริษัทของกลุ่มเครือข่าย อีก 7 แห่ง ฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่มจากรัฐ โดยใช้แผนประทุษกรรมในลักษณะเช่นเดียวกันกับนายสำราญ ผู้เป็นพ่อ แต่แตกออกไปจากผู้ต้องหากลุ่มแรก คือ พบว่า มีการนำบริษัทส่งออก ที่เป็นบริษัทนอกเครือข่ายที่มีการประกอบกิจการจริง มีหน้าร้าน มีสินค้าจริงเข้ามาร่วมอยู่ในขบวนการ 2 บริษัท เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น รวมถึงยังพบว่า มีการออกใบกำกับภาษีให้กันโดยที่ไม่มีการซื้อขายกันจริงๆ ซึ่งจากการตรวจสอบทั้ง 2 บริษัท พบว่ามีการจดจัดตั้งขึ้นเมื่อต้นปี 2565 แต่กลับมียอดการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากร เป็นจำนวนเงินกว่า 60 ล้านบาท ในห้วงะยะเวลาเพียงแค่ 6 เดือน จากการประเมินภาษีของทั้งเครือข่ายที่ได้ตรวจพบจากการขยายผลเพิ่มเติมในครั้งนี้ พบว่า สร้างความเสียหาย ให้กับรัฐเป็นเงินกว่า 1,000 ล้านบาท
พ.ต.ท.วันเผด็จ กล่าวอีกว่า ภายหลังพบหลักฐานการกระทำผิดแน่ชัด จึงเร่งรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาบออกหมายจับผผุ้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 9 ราย ก่อนนำมาสู่การนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมตัวทั้งหมดได้ดังกล่าว ทั้งนี้จากการสอบสวน ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ให้การรับสารภาพ มีเพียงบางส่วนที่ยังให้การปฏิเสธ เบื้องต้นจึงนำตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา