
'กองปราบ' ปูพรมลุยค้น 9 จังหวัด เปิดปฏิบัติ CIB จับผู้ต้องหา 13 ราย ขบวนการ Romance Scam ข้ามชาติ หลอกให้รักตุ๋นลงทุน เสียหายกว่า 50 ล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 25 ธันวาคม 2568 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ ผบก.ป. พ.ต.อ.พีร ปยุทธนันท์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์ รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.กรพงศ์ วงษาลังกา สว.กก.2 บก.ป. ร่วมกันแถลงผล ปฏิบัติการ CIB ผ่าขบวนการ Romance Scam ข้ามชาติ ความเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท หลังนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายหลายจุดในพื้นที่ 9 จังหวัด ก่อนสามารถจับกุมผู้ต้องหา ขบวนการดังกล่าว ได้จำนวน 13 ราย โดยทั้งหมดถูกจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดระยอง ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันทุจริต หรือหลอกลวง โดยนำเข้าสู่ระบบระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ และ ความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน
พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ หรือ ACSC โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวน Case ID ที่มีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบ thaipoliceonline ว่า ถูกแก๊งโรแมนสแกม ทำทีตีสนิทจนไว้ใจ ก่อนหลอกยืมเงินและชักชวนร่วมลงทุนจนสูญเงินรวมกว่า 21,901,110 บาท
ผบช.ก. อธิบายถึงแผนประทุษคดีดังกล่าวว่า เคสนี้เป็นคดีของ Romance Scam โดยอาศัยเหยื่อเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คนร้ายได้เข้ามาตีสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ โดยใช้เวลาถึง 2 ปี ก่อนจะหลอกให้ร่วมลงทุน โอนเงินไป 42 ครั้ง รวมจำนวน 21 ล้านบาท หลังรับเรื่องตำรวจได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานสามารถออกหมายจับผู้ต้องหา 17 คน จับกุมผู้ต้องหาได้ 13 คน ส่วนผู้ต้องหาอยู่ในเรือนจำ 2 คน และเป็นผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติที่อยู่ระหว่างหลบหนีอีก 2 ราย
คดีนี้พิสูจน์แล้วว่าการติดต่อทางโซเชียลระยะเวลาอาจจะไม่ใช่ตัวแปรสำคัญในการไว้เนื้อเชื่อใจกับความสัมพันธ์ทางโซเชียล เคสนี้ใช้ระยะเวลาเป็นปีในการติดต่อทางโซเชียลโดยไม่ได้พบหน้ากันเลยก่อนจะมีการหลอกให้เริ่มลงทุน ฝากเตือนประชาชนว่าการติดต่อกับคนที่อยู่ในโซเชียลมีความน่ากลัวและอันตรายแฝงอยู่
ด้าน พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ กล่าวว่า พฤติการณ์ในคดีนี้เริ่มขึ้นเมื่อปี 2566 ผู้เสียหายรู้จักกับชายชาวต่างชาติผ่านเว็บไซต์เว็บหนึ่งชื่อว่าThaiCupid โดยมีชายต่างชาติอ้างว่าเป็นชายชาวจอร์แดนเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวได้รับความเดือดร้อนจากการทำธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จทำให้มีความเป็นอยู่ลำบาก ตลอดระยะเวลาคนร้ายได้สร้างความไว้วางใจให้กับผู้เสียหายโดยพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ มีการพูดคุยกันต่อเนื่องจนผู้เสียหายไว้เนื้อเชื่อใจก่อนจะหลอกลวงให้ทำธุรกิจในต่างประเทศด้วยกัน หากธุรกิจประสบความสำเร็จจะกลับมาใช้ชีวิตที่ประเทศไทย
เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจะลงทุนทำธุรกิจร่วมกันจึงโอนเงินไป 42 ครั้ง รวมเป็นเงิน 21 ล้านบาท ตั้งแต่มกราคม 2567 ถึงกรกฎาคม 2568 หลังจากโอนไปแล้วพบพิรุธว่าติดต่อผู้ต้องหาไม่ได้ การพูดคุยเริ่มน้อยลง จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ผ่านเว็บไซต์ Thaipoliceonline เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่าผู้เกี่ยวข้องมีทั้งหมด 17 ราย แบ่งเป็นคนไทย 14 ราย ชาวแคนาดา 1 ราย คือ MR. YAT TUNG LAU อายุ 46 ปี อาชีพนักเทนนิส รวมถึงชาวสวิตเซอร์แลนด์อีก 1 ราย คือ MR. ROGER RITTER อายุ 63 ปี และ ชาวกัมพูชา 1 ราย คือ MR. KIM UY HOR จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวนสภ.บ้านฉาง ออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด

ก่อนนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหา ในพื้นที่ 9 จังหวัด เบื้องต้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 13 ราย และอีก 2 ราย ถูกคุมขังในข้อหายาเสพติด ส่วนชาวต่างชาติ 2 รายคือนายยาต (Mr.yat) นักเทนนิสชาวแคนาดา และนายคิม (Mr.Kim) ชาวกัมพูชา อยู่ระหว่างหลบหนี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำความผิดแต่อย่างใด ผู้ต้องหาบางรายให้การว่าเป็นบุคคลที่รับซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิตอล บางรายให้การว่ามีผู้อื่นมาติดต่อจ้างให้เปิดบัญชีธนาคารและได้นำบัญชีของตนเองติดตั้งแอพพลิเคชั่นธนาคารด้วย
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า บัญชีม้าในเครือข่ายนี้มีความเชื่อมโยงกับคดีคอลเซ็นเตอร์อื่นๆอีก 19 คดี ซึ่งสร้างความเสียหายเพิ่มเติมอีกกว่า 36 ล้านบาท เมื่อรวมกับคดีล่าสุดทำให้มีความเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท
พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ ยังเตือนว่า อย่างลงชื่อผ่านสื่อออนไลน์ หากมีการมาชักชวนให้ร่วมลงทุน ขอให้ปฏิเสธการโอนเงินในทุกกรณี หากไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผู้โอนเงินอย่าพึ่งรีบโอนเงิน ควรตรวจสอบที่มาให้ชัดเจนก่อนการทำธุรกรรมใดๆ รวมถึงการซื้อขายบัญชีหรือซิมที่ลงทะเบียนแล้ว หากมีการซื้อขายเอกสารเหล่านี้จะมีความผิดในฐานะร่วมขบวนการมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 500,000 บาท พร้อมย้ำเตือนไปยังผู้ที่กระทำผิดในลักษณะดังกล่าวหรือคนที่คิดจะกระทำความผิด ขอให้เลิกทำโดยเด็ดขาด หากตรวจพบจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา