ศาลปกครองเชียงใหม่ เพิกถอนมติ กศจ. แม่ฮ่องสอน ที่ไม่เห็นชอบให้โรงเรียนของรัฐแห่งหนึ่ง เปิดรับนักเรียนอนุบาล เพราะเหตุมีผลกระทบต่อโรงเรียนเอกชนในพื้นที่
สำนักข่าวอิศรา ( www.isranews.org ) รายงาน คดีตามกรณีพิพาทนี้ อธิบดีศาลปกครองเชียงใหม่ ได้มีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยเร่งด่วน ตามข้อ 49/2 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 ซึ่งนับตั้งแต่ยื่นฟ้องศาลได้ไต่สวนและมีคำพิพากษาใน 7 วัน
โดยสืบเนื่องจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดแม่ฮ่องสอน (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ได้มีมติไม่เห็นชอบให้โรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคารเปิดรับนักเรียนอนุบาล 1 (อายุ 3 ปี บริบูรณ์) ในปีการศึกษา2563 จำนวน 1 หลัง/นักเรียน 30 คน เนื่องจากมีผลกระทบต่อโรงเรียนเอกชนในพื้นทผู้ฟ้องคดีซึ่งมีบุตรชายได้สมัครและมอบตัวเข้าเรียนในชั้นอนุบาล 1 ปีการศึกษา 2563 ของโรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคาร เห็นว่า มติดังกล่าวทำให้ผู้ปกครองทุกคนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะมีฐานะยากจน รายได้น้อย ประกอบกับได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่สามารถนำบุตรหลานเข้าเรียนที่โรงเรียนเอกชนซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และผู้ปกครองมีความเชื่อมั่นและมั่นใจในศักยภาพของโรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคาร ทั้งสภาพแวดล้อม พื้นที่สีเขียว ความสะอาด ความปลอดภัย ผู้ฟ้องคดี
จึงนำคดีมาฟ้อง สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแม่ฮ่องสอน (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดแม่ฮ่องสอน (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) และผู้อำนวยการโรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคาร (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) ต่อศาล ขอให้เพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 เปิดการสอนในชั้นอนุบาล 1 ตามที่มีการรับสมัครต่อไป
ศาลปกครองเชียงใหม่ วินิจฉัยว่า ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 54 วรรคหนึ่ง และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ มาตรา 12 และมาตรา 45 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กำหนดให้รัฐต้องจัดการศึกษาให้กับประชาชนตามที่กฎหมายกำหนด โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับ และกำหนดให้รัฐส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย โดยให้สถานศึกษาเอกชนจัดการศึกษาได้ทุกระดับทุกประเภท โดยรัฐต้องกำหนดนโยบายและมาตรการที่ชัดเจนเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของเอกชนในด้านการศึกษา และให้คำนึงถึงผลกระทบต่อการจัดการศึกษาของเอกชน โดยให้รัฐมนตรีหรือคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับฟังความคิดเห็นของเอกชนและประชาชนประกอบการพิจารณาด้วย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2
ได้พิจารณาไม่เห็นชอบให้โรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคารเปิดรับนักเรียนอนุบาล 1 (อายุ 3 ปีบริบูรณ์) ในปีการศึกษา 2563 จำนวน 1 ห้อง/นักเรียน 30 คน โดยพิจารณาจากแนวนโยบายและแนวทางปฏิบัติของปีการศึกษาที่ผ่านๆ มา โดยไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนหรือผู้ปกครองที่ประสงค์จะนำบุตรหลานเข้าเรียนที่โรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคาร เพื่อพิจารณาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประชาชนหรือผู้ปกครองเปรียบเทียบกับผลกระทบของโรงเรียนเอกชนก่อนพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ อย่างไร เพื่อให้เกิดดุลยภาพขึ้นระหว่างความเสียหาย อันจะเกิดขึ้นแก่เอกชนหรือประโยชน์ส่วนรวมที่ประชาชนพึงได้รับจากการดำเนินการของรัฐ โดยเฉพาะผู้ฟ้องคดีและผู้ปกครองที่เข้าชื่อกันรวม 26 คน ตามเอกสารแนบท้ายคำฟ้อง ได้อ้างว่า มีฐานะยากจน รายได้น้อย และได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่สามารถนำบุตรหลานเข้าเรียนที่โรงเรียนเอกชนซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าได้ และยืนยันที่จะให้บุตรหลานเรียนที่โรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคาร ซึ่งหากเป็นความจริง รัฐก็ต้องดำเนินการให้เด็กได้เรียนในโรงเรียนของรัฐ
โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นเรื่องของการให้โอกาสทางการศึกษาให้ประชาชนได้มีโอกาสเลือก และแม้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จะได้ประสานกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ จัดตั้งศูนย์ประสานงานการรับนักเรียนเพื่อช่วยเหลือและจัดหาที่เรียนให้กับนักเรียนที่ไม่มีที่เรียน เพื่อเยียวยาผู้ปกครองนักเรียนแล้วก็ตาม แต่หากผู้ปกครองไม่ได้รับความสะดวกในการส่งบุตรหลานไปยังโรงเรียนที่จัดให้ หรือต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าโรงเรียนรัฐบาลมากก็ไม่แน่ว่าผู้ปกครองจะนำบุตรหลานไปเรียนที่โรงเรียนที่จัดให้ดังกล่าวหรือไม่ อาจจะทำให้เด็กดังกล่าวต้องพลาดโอกาสได้รับการศึกษา ซึ่งไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่กำหนดไว้ ดังนั้น มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ไม่เห็นชอบให้โรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคาร เปิดรับนักเรียนอนุบาล 1 (อายุ 3 ปีบริบูรณ์) ในปีการศึกษา 2563 จำนวน 1 ห้อง/นักเรียน 30 คน จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นการออกคำสั่งโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จึงเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษาเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในการประชุมครั้งที่ 5/2563เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 ที่ไม่เห็นชอบให้โรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคารเปิดรับนักเรียนอนุบาล 1 (อายุ 3 ปีบริบูรณ์) ในปีการศึกษา 2563 จำนวน 1 ห้อง นักเรียน 30 คนโดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่มีมติเป็นต้นไป โดยมีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ดำเนินการพิจารณาการรับเด็กชั้นอนุบาล 1 (อายุ 3 ปีบริบูรณ์) ของโรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคารให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการที่กฎหมายว่าด้วยการศึกษากำหนด ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก และยกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3