สตง. เสนอแนะแนวทางดำเนินงานโครงการการบริหารจัดการพลังงานภายใต้แผนพัฒนาจังหวัด จำนวน 2 โครงการ ภายหลังตรวจพบการดำเนินโครงการไม่บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย ส่งผลให้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมไม่ได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน
........................................
นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงานโครงการการบริหารจัดการพลังงานภายใต้แผนพัฒนาจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการใช้แก๊สชีวภาพจากเศษอาหารและมูลสัตว์ระดับครัวเรือน ดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาจังหวัด พ.ศ. 2557-2560 งบประมาณ 1.5 ล้านบาท และโครงการสูบน้ำเพื่อการเกษตรผสมผสานด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาจังหวัด พ.ศ. 2561-2564 งบประมาณ 1.3 ล้านบาท พบว่า การดำเนินงานไม่บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ ดังนี้
1. โครงการส่งเสริมการใช้แก๊สชีวภาพจากเศษอาหารและมูลสัตว์ระดับครัวเรือน จากการตรวจสอบการใช้ประโยชน์ของผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 94 ราย จากทั้งหมด 100 ราย พบว่า ผู้เข้าร่วมโครงการไม่ทำการผลิตและไม่ใช้แก๊สชีวภาพอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน คิดเป็นร้อยละ 72.34 ของระบบบ่อหมักแก๊สชีวภาพที่ตรวจสอบ และผู้เข้าร่วมโครงการไม่สามารถลดรายจ่ายค่าซื้อก๊าซหุงต้มหรือเชื้อเพลิงอื่น ๆ ได้ คิดเป็นร้อยละ 56.38 ของระบบบ่อหมักแก๊สชีวภาพที่ตรวจสอบ ส่งผลให้ปัญหาสิ่งแวดล้อม มลพิษทางน้ำและมลพิษทางอากาศภายในชุมชนไม่ได้ถูกแก้ไขอย่างยั่งยืน ไม่สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเชื้อเพลิงตามเป้าหมายของโครงการ 300 บาท/ครัวเรือน/เดือน อีกทั้งระบบบ่อหมักแก๊สชีวภาพมีการใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า โดยใช้งานเฉลี่ยเพียง 1 ใน 3 ของอายุการใช้งาน ซึ่งมีสาเหตุจากระบบบ่อหมักแก๊สชีวภาพชำรุดไม่ได้ใช้ประโยชน์ ไม่มีมูลสัตว์ในการผลิตแก๊สชีวภาพ ขาดการติดตามผลการดำเนินการ เป็นต้น
2. โครงการสูบน้ำเพื่อการเกษตรผสมผสานด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ จากการตรวจสอบ กลุ่มเกษตรกรที่ได้รับการสนับสนุนระบบสูบน้ำเพื่อการเกษตรผสมผสานด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 3 กลุ่ม มีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 27 ราย พบว่า กลุ่มเกษตรกรทั้ง 3 กลุ่ม ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ คิดเป็นร้อยละ 77.78 ของสมาชิกผู้ใช้น้ำทั้งหมด โดยมีพื้นที่ที่ใช้น้ำจากระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ปลูกพืชตลอดฤดูการผลิต รวมทั้งสิ้น จำนวน 28 ไร่ 2 งาน เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ จำนวน 45 ไร่ จึงคิดเป็นพื้นที่ที่ต่ำกว่าเป้าหมาย 16 ไร่ 2 งาน นอกจากนี้ เกษตรกรยังไม่สามารถลดต้นทุน ค่าพลังงานเชิงพาณิชย์ได้คิดเป็นร้อยละ 96.30 ของจำนวนสมาชิกผู้ใช้น้ำทั้งหมด และเกษตรกรไม่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร คิดเป็นร้อยละ 92.59 ของจำนวนสมาชิกผู้ใช้น้ำทั้งหมด ส่งผลกระทบทางอ้อมด้านสิ่งแวดล้อมที่พลังงานจากน้ำมันและไฟฟ้าไม่ลดลง นอกจากนี้ยังส่งผลให้ค่าเป้าหมายตัวชี้วัดที่กำหนดให้การใช้พลังงานหมุนเวียน พลังงานทดแทน พลังงานแสงอาทิตย์ไม่เป็นไปตามเป้าหมายในภาพรวม มีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถบรรลุยุทธศาสตร์จังหวัดได้ ทั้งนี้ สาเหตุที่สำคัญมาจากปัญหาการออกแบบโครงสร้างของระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีกำลังส่งไม่เพียงพอไปยังพื้นที่การเกษตร ไม่ได้สำรวจพื้นที่และความพร้อมของเกษตรกรสมาชิกรายอื่น ไม่ได้ติดตามผลการดำเนินงานของโครงการว่ากลุ่มผู้ใช้น้ำมีปัญหาอุปสรรคด้านใด เป็นต้น
จากข้อตรวจพบดังกล่าว สตง. จึงมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่กำกับดูแลและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ
- กรณีโครงการส่งเสริมการใช้แก๊สชีวภาพจากเศษอาหารและมูลสัตว์ระดับครัวเรือน ให้มีการตรวจสอบสภาพระบบบ่อหมักแก๊สชีวภาพทั้งหมด หากระบบบ่อหมักแก๊สชีวภาพที่ไม่ใช้ประโยชน์แต่อยู่ในสภาพดีสามารถใช้งานได้ ให้สอบถามผู้เข้าร่วมโครงการว่าประสงค์จะใช้งานต่อหรือไม่ หากไม่มีความประสงค์ ให้พิจารณาหาผู้มีความประสงค์และความพร้อมใช้งานต่อไป แต่หากระบบบ่อหมักแก๊สชีวภาพชำรุด ให้ตรวจสอบสภาพว่าสามารถปรับปรุงแก้ไขให้ใช้งานได้หรือไม่ และสอบถามผู้เข้าร่วมโครงการว่าประสงค์จะใช้งานต่อหรือไม่ ถ้าไม่มีความประสงค์ ให้พิจารณาหาผู้มีความประสงค์และมีความพร้อมใช้งานต่อไป พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการใช้งานระบบบ่อหมักแก๊สชีวภาพที่ถูกต้อง และมีการติดตามการใช้งานของผู้เข้าร่วมโครงการเป็นระยะ จนครบระยะเวลาใช้งาน 5 ปี เพื่อทราบว่าระบบบ่อหมักแก๊สชีวภาพใช้ประโยชน์คุ้มค่ากับระยะเวลาใช้งาน และเป็นข้อมูลประกอบในการจัดทำโครงการในโอกาสต่อไป ฯลฯ
- กรณีโครงการสูบน้ำเพื่อการเกษตรผสมผสานด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ให้พิจารณาทบทวนข้อบกพร่องการดำเนินโครงการจากปีที่ผ่านมา เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขในปีถัดไปเพื่อให้การดำเนินโครงการบรรลุผลสัมฤทธิ์ โดยการสนับสนุนระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับกลุ่มเกษตรกร และควรสำรวจออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้ประโยชน์ของเกษตรกร และวิเคราะห์อัตรากำลังการสูบน้ำ ปริมาณน้ำของระบบสูบน้ำให้สอดคล้องกับพื้นที่ดำเนินการ รวมถึงวิเคราะห์ความพร้อมของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการโดยเฉพาะเงินทุนที่พร้อมจะเชื่อมต่อระบบสูบน้ำ หากวิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำนวนผู้ใช้ระบบสูบน้ำมีไม่มากพอที่จะบริหารจัดการเป็นกลุ่มได้ ให้ยุติการสนับสนุนโครงการหรือควรจัดสรรระบบสูบน้ำลงเป็นกลุ่มหรือ ศูนย์การเรียนรู้ที่สมาชิกได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เนื่องจากระบบสูบน้ำต้องใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการขับเคลื่อนแต่พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานที่ไม่เสถียร มีระยะเวลาการสูบน้ำได้ไม่เกิน 6-8 ชั่วโมง และปริมาณน้ำก็ขึ้นกับความเข้มของแสงอาทิตย์เพราะระบบไม่มีแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน ดังนั้น การออกแบบระบบสูบน้ำที่ไม่ได้มีหอถังสูงรองรับน้ำ จึงทำให้ไม่สามารถกระจายน้ำไปยังพื้นที่ของเกษตรกรได้ครบทุกราย ฯลฯ