
ฝ่ายสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจงกรณีงบตกแต่งฉากหลังบัลลังก์ปธ.สภา 133 ล. เชิญกรมศิลปากรมาออกแบบ-ใช้สัมฤทธิ์ 16 ตันสร้างศิลปะ-ปรับปรุงศาลาแก้วเพื่อใช้ต้อนรับผู้นำตปท.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2568 ที่รัฐสภา การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ร่วมกับผู้แทนสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในประเด็นการพิจารณางบประมาณโครงการปรับปรุงรัฐสภา
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ประธานกมธ.พัฒนาการเมืองฯ กล่าวว่า การประชุมในสัปดาห์นี้ต่อเนื่องจากการประชุมในสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการพิจารณางบประมาณโครงการปรับปรุงรัฐสภาจำนวน 15 โครงการ โดยโครงการที่จะพิจารณาวันนี้ 5 โครงการ ได้แก่
1.โครงการก่อสร้างอาคารจอดรถรัฐสภา (เพิ่มเติม) วงเงิน 4.6 พันล้านบาท
2. พัฒนาระบบภาพยนตร์ 4D ห้องบรรยายใหญ่ B1-2 วงเงิน 180 ล้านบาท
3.ปรับปรุงศาลาแก้ว 2 หลัง วงเงิน 123 ล้านบาท
4.ปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ วงเงิน 118 ล้านบาท
5.ออกแบบและตกแต่งฉากหลังบัลลังก์ประธานสภาฯในห้องประชุมสุริยัน วงเงิน 133 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพริษฐ์ ถามผู้แทนสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรในประเด็นความเหมาะสม ความจำเป็น และรายละเอียด ของ 5 โครงการข้างต้น สรุปประเด็นสำคัญ ดังนี้
ตัวแทนฝ่ายสำนักเลขาธิการสภารายหนึ่ง กล่าวว่า ศาลาแก้วเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงภูมิทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับการรองรับพระบรมราชานุสาวรีย์ และใช้ศาลาแก้วประชุมและต้อนรับผู้นำประเทศและอาคันตุกะที่มาเยี่ยมชมรัฐสภาที่มาเดือนละ 3-5 ครั้ง รวมถึงใช้ต้อนรับผู้ที่มาเยี่ยมชมรัฐสภา โดยศาลาแก้วมี 2 ฝั่ง เมื่อปรับปรุงแล้วฝั่งหนึ่งใช้ต้อนรับประชาชนที่มาติดต่อ ส่วนอีกฝั่งใช้จัดเลี้ยงได้ อีกทั้งยังยกระดับพื้นที่ให้สวยงามขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาใช้พื้นที่ด้านหน้าได้มากขึ้น เช่น การสร้างน้ำพุ เป็นต้น ส่วนเรื่องการติดแอร์นั้น จะไม่ได้เปิดใช้แอร์บ่อย จะยังคงฟังก์ชันความเป็นศาลาไว้อยู่ จะใช้แอร์แค่บางช่วงเท่านั้น
ส่วนเรื่องห้องประชุมงบประมาณนั้น มีการตั้งข้อสังเกตว่าการใช้งานของกรรมาธิการที่อยู่ตั้งแต่เช้าถึงเย็นในทุก ๆ วัน เป็นเวลาหลายเดือนว่า พื้นที่ของโต๊ะในการพิจารณาไม่ตอบโจทย์ เพราะมีการตั้งคอมพิวเตอร์และเอกสารที่นำมาพิจารณา ทำให้ทำงานไม่สะดวก จึงติดต่อกรมโยธาธิการมาออกแบบเพื่อปรับปรุง อีกทั้งการทำห้องเป็นสโลปเพื่อให้เห็นหน้าทุกคนได้เพราะปกติมีคอมพิวเตอร์บังหน้าผู้เบ้าร่วมการประชุม จะส่งเอกสารชี้แจงการใช้งบประมาณแบบละเอียด
ส่วนเรื่องฉากหลังนั้น การออกแบบฉากหลังเป็นการพิจารณาในช่วงก่อนหน้านี้สืบเนื่องมาตลอด เดิมใช้ผ้าแคนวาสและใช้รูปภาพศิลปะไทยที่แสดงถึงพุทธศาสนาหรือที่มาของรัฐสภา ต่อมาคณะกรรมการ (ไม่ได้ระบุชื่อคณะกรรมการ) พิจารณาให้ใช้ภาพเกียวกับประชาธิปไตย จึงเชิญกรมศิลปกรมาออกแบบ พิจารณาแล้วก็เลือกเป็นศิลปะนูนสูง โดยใช้บรอนซ์ (สัมฤทธิ์) มาทำศิลปะซึ่งต้องใช้ 16 ตัน
ผู้บังคับบัญชากลุ่มสายงานนิเทศ กล่าวว่า ประเด็นโรงภาพยนตร์ 4D เป็นเรื่องการสื่อสารที่ผิดพลาด ที่ผ่านมามีคนขอเข้ามาเยี่ยมชมรัฐสภาตลอดหลายหมื่นคน รัฐสภาสมัยก่อนมีห้องให้คนที่มาเยี่ยมชมไว้ชมวิดีทัศน์นั่งได้ประมาณ 100 คน พอมาใช้สภาใหม่ (อาคารปัจจุบัน) ผู้ใหญ่ก็ประกาศข้อบังคับใหม่ให้มีการจัดห้องสารนิเทศ ซึ่งสภาในปัจจุบันยังไม่มีห้องที่เป็นห้องสารนิเทศโดยตรง จากนั้นก็มีการพูดคุยกันแต่ตอนนั้นตนเองยังไม่มารับตำแหน่ง ในตอนนั้นก็มีข้อสรุปว่า ครม.อนุมัติงบประมาณ 180 ล้านบาท สร้างโรงภาพยนตร์ 4D แต่เป็นการผิดฝาผิดตัว เพราะมีเจ้าหน้าที่สื่อสารผิดพลาด แต่ถ้าเป็นตนเองก็จะเขียนโครงการว่าสร้างห้องสารนิเทศ จุดประสงค์เพื่อสร้างห้องสารนิเทศไว้ใช้รับรองประชาชนที่มาเยี่ยมชมรัฐสภา
ตัวแทนฝ่ายสำนักเลขาธิการสภารายหนึ่ง กล่าวเสริมประเด็นโรงภาพยนตร์ว่า ที่ต้องเป็น 4D เพราะเคยไปดูงานที่กฟผ. เนื่องจาก กฟผ.มีการใช้ระบบภาพยนต์ 4D แล้วเห็นว่านักศึกษาที่ไปดูงานที่กฟผ.ค่อนข้างประทับใจกับระบบดังกล่าว
ผู้อำนวยการสำนักรักษาความปลอดภัย กล่าวว่า เดิมการเสนอตั้งโครงการสร้างอาคารจอดรถมาจากสำนักรักษาความปลอดภัย ต่อมาระหว่างของบประมาณปี 2569 มีการตั้งสำนักอาคารสถานที่ จึงย้ายโครงการไปให้สำนักอาคารฯ รับผิดชอบ ต่อมามีการตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากสภามีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 4 แสนตารางเมตร ตามข้อบังคับของกทม. กำหนดว่า พื้นที่ 120 ตร.ม. ต้องจอดรถได้ 1 คัน ดังนั้นจึงต้องมีพื้นที่จอดรถอย่างน้อย 3,500 คัน แต่สภามีที่จอดรถประมาณ 2,000 คัน ขาดอีก 1,500 คัน ก่อนหน้านี้ก็หาวิธีแก้อื่นแล้วโดยหาพื้นที่จอดรถด้านนอก แต่เป็นไปได้ค่อนข้างยาก จึงตั้งอนุกรรมการขึ้นมา ส่วนการบริหารจัดการนั้น เดิมก็มีการล็อกพื้นที่จอดรถให้สมาชิกสภาอยู่แล้ว วันจันทร์-อังคาร ล็อกพื้นที่ให้ สว. 200 คัน วันพุธ-พฤหัสบดี ล็อกพื้นที่ 500 คันให้ สส. แต่มีการล็อกที่เฉพาะไว้ด้วย จึงทำให้แก้ปัญหายาก
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ที่ยกข้อบัญญัติ กทม. ปี 2544 ที่กฎหมายกำหนดให้พื้นที่ 120 ตร.ม. มีพื้นที่จอดรถ 1 คัน แต่มีคำถาม คือ ตอนออกแบบทำไมไม่คำนวณ ถ้าแบบตอนนั้นผิดกฎหมาย สมเหตุสมผลหรือไม่ที่ประชาชนต้องเอาเงินภาษีมาจ่าย ใครเป็นคนรับผิดชอบแผนการก่อสร้างและสัญญา ถ้าตอบไม่ได้ช่วยส่งเอกสารมาเพื่อช่วยกันค้นหาว่าใคนต้องรับผิดชอบ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา