“…อนึ่ง ท่านมีสิทธิที่จะให้ถ้อยคำหรือแสดงพยานหลักฐานและมีสิทธิที่จะให้ทนายความหรือบุคคลซึ่งไว้วางใจเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงได้จำนวน 1 คน และกรณีที่ไม่สามารถนำบุคคลดังกล่าวมาเข้าร่วมรับฟังการชี้แจง ท่านไม่อาจนำมาเป็นเหตุขอเลื่อนการชี้แจงได้ จึงเรียนมาเพื่อทราบและไปให้ถ้อยคำตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าวต่อไป...”
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) วันที่ 9 พฤษภาคม 2568 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ลงพื้นที่เพื่อนำเอกสารหมายเรียกผู้ต้องหาคดีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่เข้าข่ายทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย
1.นายอลงกต วรกี โดยนำหมายเรียกไปส่งให้ที่บ้านพัก ย่านถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
2.นายโชคชัย กิตติธเนศวร บ้านพัก ย่านสวนหลวง แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพฯ
3.นายจิระศักดิ์ ชูความดี บ้านพัก ในซอยวิภาวดีรังสิต 62 (ศรีรับสุข) แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
4.นายพิบูลย์อัฑฒ์ หฤหรรษ์ปราการ บ้านพักในซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซ.62 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ
5.นายพิศูจน์ รัตนวงศ์ บ้านพักในซอยร่มรื่น แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
6.นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร บ้านพัก ในซอยลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
โดยปฏิบัติการณ์ส่งหมายเรียกไปยัง สว.ในกรุงเทพมหานครทั้ง 6 รายนี้ เรียกได้ว่าเป็นการดำเนินปฏิบัติการบุกบ้านพักสมาชิกสภาสูงแบบฟ้าผ่า ก่อนที่จะขยายปฏิบัติการไปยัง สว.ที่เหลือในต่างจังหวัด
โดยรายละเอียดในหมายเรียกมีดังนี้
หนังสือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ ลต …
ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2568
เรื่อง ขอเชิญไปรับทราบข้อกล่าวหา
เรียน ...
สิ่งที่ส่งมาด้วย บันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหา จำนวน 3 แผ่น
ด้วยมีเหตุผลอันควรสงสัยหรือความปรากฏต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งว่า ท่านซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศ กลุ่มที่ ... หมายเลข ... ได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 มาตรา 77 (1) และมาตรา 62 ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งได้สั่งให้ดำเนินการไต่สวนเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฎดังกล่าว โดยมอบหมายให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามคำสั่งคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ 1107/2568 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2568 และตามคำสั่งคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ 1583/2568 ลงวันที่ 30 เมษายน 2568 เป็นผู้รับผิดชอบในการไต่สวน
ในการนี้ คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 จึงขอส่งบันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหามายังท่าน เพื่อให้โอกาสแก่ท่านได้ทราบถึงข้อกล่าวหาและมีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงหลักฐาน รวมทั้งให้โอกาสในการให้ถ้อยคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 54 ของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2566 จึงขอให้ท่านไปให้ถ้อยคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ชั้น 3) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
ทั้งนี้ หากท่านไม่ดำเนินการตามกำหนดดังกล่าว จะถือว่าท่านสิทธิในการชี้แจงแสดงหลักฐาน หรือให้ถ้อยคำแก้ไขกล่าวหา
อนึ่ง ท่านมีสิทธิที่จะให้ถ้อยคำหรือแสดงพยานหลักฐานและมีสิทธิที่จะให้ทนายความหรือบุคคลซึ่งไว้วางใจเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงได้จำนวน 1 คน และกรณีที่ไม่สามารถนำบุคคลดังกล่าวมาเข้าร่วมรับฟังการชี้แจง ท่านไม่อาจนำมาเป็นเหตุขอเลื่อนการชี้แจงได้
จึงเรียนมาเพื่อทราบและไปให้ถ้อยคำตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าวต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
ร้อยตำรวจเอก ชนินทร์ น้อยเล็ก ประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26
ทั้งนี้หากดูเนื้อหาของหมายเรียกจะเห็นได้ชัดเจนว่า ข้อกล่าวหาที่ใช้ในการดำเนินคดีกับ สว.นั้นมีสามมาตราได้แก่ 1.มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 2.มาตรา 77 (1) และ 3.มาตรา 62 ซึ่งทั้งหมดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561
เบื้องต้นสำนักข่าวอิศราได้สืบค้นมาตราดังกล่าวเพิ่มเติมมีรายละเอียดดังนี้
1.มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36
ผู้สมัครผู้ใดไม่ปฏิบัติตามวิธีการหรือเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนดตามมาตรา 36 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี
บุคคลใดซึ่งมิใช่ผู้สมัครช่วยเหลือผู้สมัครในการแนะนําตัวโดยไม่ปฏิบัติตามวิธีการหรือเงื่อนไขตามมาตรา 36 ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง
ขณะที่มาตรา 36 ระบุว่า ผู้สมัครอาจแนะนําตัวได้ตามวิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนด
บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้สมัคร จะช่วยเหลือผู้สมัครในการแนะนําตัว ต้องปฏิบัติตามวิธีการและเงื่อนไขตามวรรคหนึ่ง
2.มาตรา 77 (1)
มาตรา 77 ผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือถอนการสมัคร หรือกระทําการใด ๆ อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ผู้นั้นหมดสิทธิที่จะเลือกหรือได้รับเลือก หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด
ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี
(1) จัด ทํา ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด
3.มาตรา 62
เมื่อคณะกรรมการประกาศผลการเลือกตามมาตรา 42 วรรคสอง แล้ว ถ้ามี หลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอันเป็นการทุจริตในการเลือกหรือรู้เห็นกับการกระทํา ของบุคคลอื่น อันทําให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการยื่นคําร้องต่อ ศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น
เมื่อศาลฎีกามีคําสั่งรับคําร้องไว้พิจารณาแล้ว ถ้าผู้ถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา ให้ผู้นั้น หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฎีกาจะพิพากษาว่าผู้นั้นมิได้กระทําความผิด เมื่อศาลฎีกามีคําพิพากษา ว่าผู้นั้นกระทําความผิดให้สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาผู้นั้นสิ้นสุดลงนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่
ให้นําความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับแก่ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งอยู่ในบัญชีสํารองด้วย และเมื่อศาลฎีกา มีคําพิพากษาว่าผู้นั้นกระทําความผิด ให้คณะกรรมการสั่งลบรายชื่อผู้นั้นออกจากบัญชีสํารอง และให้ นําความในมาตรา 46 วรรคสอง มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม