ครม.เห็นชอบงบ 7,581.12 ล้านบาท จ่ายค่างานเพิ่มรถไฟชานเมืองสายสีแดง หลัง รฟท. แพ้คดีในชั้นศาลปกครอง มอบ ‘คลัง’ ดูแหล่งเงินกู้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 10 มิถุนายน 2568 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ประกอบด้วย สัญญาที่ 1 (งานโยธา สำหรับสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง) และสัญญาที่ 2 เพิ่มขึ้น 7,581.12 ล้านบาท ทำให้วงเงินเพิ่มจาก 96,868.33 ล้านบาท เป็น 104,449.45 ล้านบาท หรือ ทั้งนี้เพื่อให้จ่ายปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม (Variation order - VO) ในสัญญาที่ 1 ตามคำสั่งศาลปกครอง โดยกรณีค่างานเพิ่มเติม VO ตามคำสั่งศาลปกครองที่ยืนตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ สัญญาที่ 1 (งานโยธา สำหรับสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง) ที่มีกิจการร่วมค้า เอส ยู มี บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) และบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) เป็นผู้รับจ้าง มีค่างานเพิ่มเติม จำนวน 5,015.30 ล้านบาท ค่าดอกเบี้ย 2,043.72 ล้านบาท (ครอบคลุม จนถึงกำหนดบังคับคดี 60 วัน ในวันที่ 9 ก.ค. 2568 ) ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%) 81.98 ล้านบาท
ทั้งนี้ให้กระทรวงการคลัง พิจารณาหาแหล่งเงินสำหรับจ่ายค่างาน VO ส่วนดอกเบี้ยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รับภาระเอง ดังนั้นกรณีที่กระทบต่อสภาพสภาพคล่อง ของรฟท.ให้เสนอเป็นการขอกู้เงินต่อไป
นายสุริยะกล่าวว่า ที่ผ่านมา รฟท.ได้ตั้งคณะทำงานเจรจากับเอกชน มีการต่อรองเรื่องดอกเบี้ย แต่เอกชนไม่ยินยอมปรับลดให้ ซึ่งก่อนเสนอครม. กระทรวงคมนาคม ได้ตั้งคณะทำงานขึ้น 1 ชุด มีนายวิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน เพื่อเจรจาต่อรองกับเอกชนอีกครั้ง โดย เอกชนก็ยังคงยืนยันตัวเลขเดิม ซึ่งกรณีค่างาน VO นี้ มีภาระดอกเบี้ยเกิดขึ้นวันละเกือบ 1 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการเจรจากับเอกชน มีข้อตกลงกันว่า กรณีที่ครม.อนุมัติการจ่ายค่า VO แล้ว หากทางกระทรวงการคลังพิจารณาหาแหล่งเงิน ภายในระยะเวลาประมาณ 1 เดือนจากนี้ ซึ่งจะทำให้ทางเอกชนมั่นใจและจะพิจารณาหยุดการคิดดอกเบี้ยให้ได้
อย่างไรก็ตาม กรณีการตรวจสอบหาผู้รับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้นนั้นก่อนหน้านี้ มีคณะกรรมการตรวจสอบแล้วว่า The Engineer มีอำนาจในการออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน ดังนั้นหลังจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบไม่รีบดำเนินการแก้ไขปล่อยให้ภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ทำให้รัฐเสียหาย เพราะอัตราดอกเบี้ยกว่า 7% หากรีบจ่ายให้จบ ภาระดอกเบี้ยจะมากเท่านี้