
"...ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดเส้นทางการโอนเงินของนายสรรเสริญ ธรรมโชติ จากการเรียกรับเงินในคดีนี้ ซึ่งพบว่า มีการให้นางสาว ณ. โอนเงินไปยังบุคคลอื่น ก่อนที่จะโอนเงินกลับมาเข้าบัญชีธนาคารของ นายสรรเสริญ และเมื่อถูกร้องเรียน ได้มีการส่งคนไปติดต่อ นางสาว ณ. เพื่อให้ลงชื่อในบันทึกการได้รับเงินคืนและไม่ประสงค์ที่จะร้องเรียน ก่อนที่จะถูกดีเอสไอ ตั้งกรรมการสอบสวน ลงโทษไล่ออกในเวลาต่อมา..."
กรณีเมื่อวันที่ 15 กรกฏาคม 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาคดีกล่าวหา นายสรรเสริญ ธรรมโชติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กับพวก ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้ผู้ให้ถ้อยคำในคดีมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง โดยอ้างว่าจะไม่ดำเนินคดีกับผู้ให้ถ้อยคำและจะกันไว้เป็นพยาน ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148, 157 และ พ.ร.บ.ป.ป.ช.พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา
โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาว่า นายสรรเสริญ ธรรมโชติ จำเลยมีความผิดตามกฏหมาย ให้ลงโทษตามมาตรา 148 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 7 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเสนอข้อมูลเชิงลึกไปแล้วว่า
1. คดีนี้ อัยการสูงสุด พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องคดีให้ ป.ป.ช. ขณะเกิดเหตุ นายสรรเสริญ ธรรมโชติ จำเลยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ ส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 1 กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีอำนาจหน้าที่ช่วยเหลือพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในการปฏิปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 3 23/1 และได้แต่งตั้งเป็นพนักงานสืบสวนและเลขานุการในคณะพนักงานสืบสวน ตามคำสั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 1942/2561 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2561 และเป็นผู้รับผิดชอบสำนวนสืบสวน เลขที่ 261/2561 กรณีมีกลุ่มบุคคลใช้ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ประเภทแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก (Facebook) แอปพลิเคชันไลน์ (Line) และแอปพลิเคชันยูทูบ (Youtube) ชักชวนประชาชนทั่วไปให้ร่วมลงทุนซื้อขายเงินดิจิทัล สกุลวันคอยน์ (OneCoin)
(นอกจากนี้ นายสรรเสริญ ยังเคยเป็นเลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรณีบริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด ชักชวนให้สมัครสมาชิกและลงทุนในโปรแกรมระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิส Smart Topup System (STS) เมื่อปี 2559 มูลค่าความเสียหาย 102,460,542 บาท ด้วย)
จึงถือว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าพนักงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4
2. เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 เวลาประมาณ 19 นาฬิกา จำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเรียกเงิน 200,000 บาท จากนางสาว ณ. (สงวนชื่อ-นามสกุล) โดยอ้างว่า นางสาว ณ. ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุนซื้อขายเงินดิจิทัล สกุลวันคอยน์ (OneCoin) มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้กระทำความผิดที่ชักชวนให้ประชาชนทั่วให้ร่วมลงทุนซื้อขายเงินดิจิทัลดังกล่าว จำเลยแจ้งว่าจะช่วยกันนางสาว ณ. ไว้เป็นพยาน ไม่ต้องถูกดำเนินคคีอาญา แต่ขอให้จ่ายค่าดูแลแก่จำเลยเป็นเงิน 200,000 บาท ทำให้นางสาว ณ. เกิดความเกรงกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีอาญาจึงยินยอมจ่ายเงิน 200,000 บาท ผ่านผู้รับเงินแทนจำเลย รวม 2 ครั้งๆ ละ 100,000 บาท
แต่ในความเป็นจริงแล้ว นางสาว ณ. ไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่จำเลยเป็นคณะพนักงานสืบสวนดังกล่าวแต่อย่างใด
3. ต่อมาในช่วงระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2562 ถึงประมาณกลางเดือนกันยายน 2562 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้เรียกเงินจากนางสาว ณ. เพิ่มอีก 2,000,000 บาท เพื่อแลกกับการที่จะช่วยเหลือไม่ให้ถูกดำเนินคดีอาญาดังกล่าวแต่นางสาว ณ. ไม่ยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลย และได้ร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีแก่จำเลยเป็นคดีนี้

- คุก 7 ปี! อดีตจนท.ดีเอสไอ ข่มขืนใจผู้ให้ถ้อยคำเรียกทรัพย์แลกไม่ดำเนินคดีกันตัวเป็นพยาน
- ได้ไปแล้ว 2 แสน จะเอาอีก 2 ล.! พฤติการณ์ อดีตจนท.DSI คุก 7ปี เรียกทรัพย์แลกไม่ดำเนินคดี
ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดเส้นทางการโอนเงินของนายสรรเสริญ ธรรมโชติ จากการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนในคดีนี้ ซึ่งพบว่า มีการให้นางสาว ณ. โอนเงินไปยังบุคคลอื่น ก่อนที่จะโอนเงินกลับมาเข้าบัญชีธนาคารของ นายสรรเสริญ และเมื่อถูกร้องเรียน ได้มีการส่งคนไปติดต่อ นางสาว ณ. เพื่อให้ลงชื่อในบันทึกการได้รับเงินคืนและไม่ประสงค์ที่จะร้องเรียน ก่อนที่จะถูกดีเอสไอ ตั้งกรรมการสอบสวน ลงโทษไล่ออกในเวลาต่อมา
ปรากฏข้อมูลดังต่อไปนี้
หนึ่ง : โอนเงินไปยังบุคคลอื่น ก่อนที่โอนเงินกลับเข้าบัญชีธนาคารตัวเอง
เมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม 2562 เวลาประมาณ 19 นาฤิกา นางสาว ณ. กับ นายสรรเสริญ พบกันที่ร้านอาหารบ้านชานกรุง เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร นางสาว ณ. (ผู้เสียหาย) มอบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ OPPO รุ่น F11 PRO พร้อมซิมการ์ดให้แก่นายสรรเสริญ
วันที่ 11 กรกฎาคม 2562 เวลา 00.40 นาฬิกา นางสาว ณ. ให้นาย ท. ผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามี โอนเงิน 100,000 บาท จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัลพลาช่า แกรนด์ พระราม 9 หมายเลขบัญชี XXX ชื่อบัญชี นาย ท. ฝากเข้าไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาแหลมทอง ระยอง หมายเลขบัญชี XXX ชื่อบัญชี นางสาว ย.
และในวันดังกล่าว เวลา 06.31 นาฬิกา นางสาว ย. โอนเงินกลับคืนไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (อาคาร B) ชื่อบัญชี นายสรรเสริญ ธรรมโชติ หมายเลขบัญชี XXX จำนวน 40,000 บาท
วันที่ 17 กรกฎาคม 2562 เวลา 13.38 นาฬิกา นางสาว ณ. โอนเงิน 100,000 บาท จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขา เดอะมอลล์ บางกะปิ หมายเลขบัญชี XXX ชื่อบัญชี นางสาว ณ. ฝากเข้าไปยังบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาพระประโทน หมายเลขบัญชี XXX ชื่อบัญชีนาย ฉ.
และในวันเดียวกันเวลา 14.23 นาฬิกา นาย ฉ. โอนเงินกลับคืนไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (อาคารบี) ชื่อบัญชี นายสรรเสริญ ธรรมโชติ หมายเลขบัญชี XXX จำนวน 100,000 บาท
ต่อมา คณะพนักงานสืบสวนมีหนังสือ ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2562 เชิญให้นางสาว ณ. ให้ถ้อยคำต่อคณะพนักงานสืบสวน นางสาว ณ ไปให้ถ้อยคำต่อยคำต่อคณะพนักงานสืบสวน วันที่ 24 ตุลาคม 2562 นางสาว ณ. มีหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีจำเลยมีพฤติการณ์เรียกรับเงินและทรัพย์สินโดยอ้างว่าจะช่วยเหลือไม่ให้ถูกดำเนินคดี
@ ให้ลงชื่อในบันทึกการได้รับเงินคืนและไม่ประสงค์ที่จะร้องเรียน
วันที่ 14 เมษายน 2563 นายฉ . นำเงินสด 200,000 บาท นำไปคืนให้แก่นางสาว ณ. ที่บ้านพัก โดยให้นางสาว ณ. บันทึกการได้รับเงินคืนและไม่ประสงค์ที่จะร้องเรียนจำเลย
นางสาว ณ. ยื่นหนังสือฉบับไม่ลงวันที่ เดือนเมษายน 2563 ต่ออธิบธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่องไม่มีความประสงค์จะร้องเรียนและไม่ติดใจร้องเรียนนายสรรเสริญ เนื่องจากนายสรรเสริญ ได้คืนเงิน 200,000 บาท แล้ว
กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีคำสั่ง ที่ 1857/2563 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2563 แต่งตั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีคำสั่งลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 เปลี่ยนแปลงกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนินการสอบสวนจำเลยกรณีมีพฤติการณ์เรียก รับเงินและทรัพย์สิน
@ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ
คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาแล้วมีมติว่า นายสรรเสริญ กระทำผิดวินัยเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงธรรมอันถือเป็นการกระทำความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงของเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 82(1) และมาตรา 83(3) (5) ประกอบมาตรา 84 และมาตรา 85 (1) (4) (3) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551
ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษ มีคำสั่ง ที่ 245/2565 ลงวันที่ 15 มีนาคม 2565 ลงโทษไล่นายสรรเสริญ ออกจากราชการ
จากนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งเรื่องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ดังกล่าวต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อไป
ต่อมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น ได้ทำการไต่สวนข้อเท็จจริงและแจ้งข้อกล่าวหาให้นายสรรเสริญ ทราบแล้วชั้นไต่สวนข้อเท็จจริง นายสรรเสริญ ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาให้การปฏิเสธ
ในการประชุมครั้งที่ 43/2567 เมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ชี้มูลความผิดอาญานายสรรเสริญ
ก่อนที่ ป.ป.ช. จะส่งสำนวนไปให้ อัยการสูงสุด ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกฏหมาย และศาลฯ จะมีคำพิพากษาลงโทษ นายสรรเสริญ จำคุก 7 ปี ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว
อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด นายสรรเสริญ มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
ผลการต่อสู้ในชั้นศาลสูง จะออกมาเป็นอย่างไร ติดต่อดูกันต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา