
ป.ป.ช.ชี้มูล 'พัชรา ประสิทธิกสิกรรม' อดีตเจ้าพนักงานการเงินฯ เทศบาลตำบลลาดยาว นครสวรรค์-พวก เบียดบังเงิน 15,706,611.07 บาท ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ส่งสำนวน อสส.ฟ้องศาลดำเนินคดีอาญ-แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษทางวินัยแล้ว ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่มติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ชี้มูลความผิด นางสาวพัชรา ประสิทธิกสิกรรม เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชำนาญงาน เทศบาลตำบลลาดยาว อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ กับพวก เบียดบังเงินของเทศบาลตำบลลาดยาว ปีงบประมาณ 2565 และ 2566 รวมจำนวน 15,706,611.07 บาท ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว
นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยรายละเอียดว่า ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ระหว่างวันที่ 26 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 17 มกราคม 2566 นางสาวพัชรา ประสิทธิกสิกรรม เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชำนาญงาน เทศบาลตำบลลาดยาว อาศัยโอกาสที่ตนได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ใช้งานในการรับ - จ่ายเงินผ่านระบบ KTB Corporate Online กระทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของผู้มีสิทธิได้รับเงินในระบบให้เป็นข้อมูลของตนเอง แล้วใช้รหัสผ่านของนายเดชมงคล เดิมพยอม หัวหน้าฝ่ายบริหารงานคลัง กดอนุมัติโอนเงินของเทศบาลตำบลลาดยาว ประเภทเงินเดือน ค่าตอบแทน บำเหน็จบำนาญ ค่าเช่าบ้าน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ และเงินค่าหุ้นสหกรณ์ จากบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาลาดยาว ชื่อบัญชี สำนักงานเทศบาลตำบลลาดยาว เข้าไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาลาดยาว ซึ่งเป็นบัญชีส่วนตัวของนางสาวพัชรา ประสิทธิกสิกรรม จำนวน 187 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 15,658,881.04 บาท
โดยเป็นกรณีที่มีการจัดทำฎีกาและหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน จำนวน 21 ครั้ง ซึ่งนางสาวพัชรา ประสิทธิกสิกรรม ได้กระทำการปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมเพื่อประกอบฎีกาเบิกจ่ายเงิน และเป็นกรณีที่ไม่มีการจัดทำฎีกาและหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน จำนวน 166 ครั้ง
ขณะที่ นายเดชมงคล เดิมพยอม หัวหน้าฝ่ายบริหารงานคลัง มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนนำส่งรายการเพื่ออนุมัติการโอนเงิน กลับปล่อยให้นางสาวพัชรา ประสิทธิกสิกรรม เป็นผู้กดอนุมัติการใช้งานในระบบแทนตนเอง และนายภัทรศักดิ์ ปทุมวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการกองคลัง นายวีระพงษ์ คงยืน ปลัดเทศบาลตำบลลาดยาว และนายสุภาพ ศักดิ์สัจจา นายกเทศมนตรีตำบลลาดยาว ในฐานะผู้บังคับบัญชา ละเว้นไม่ควบคุมตรวจสอบ ความถูกต้องในการรับ - จ่ายเงิน ควบคู่ไปกับรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีให้เป็นไปตามระเบียบ เป็นเหตุให้เทศบาลตำบลลาดยาวได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ยังปรากฏว่านางสาวพัชรา ประสิทธิกสิกรรม ได้ยักยอกเงินรายได้ของเทศบาลตำบลลาดยาว โดยไม่นำเงินค่าภาษีป้าย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และค่าธรรมเนียมเก็บขยะมูลฝอย ที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่จัดเก็บรายได้ จำนวน 47,730.03 บาท นำฝากเข้าธนาคาร รวมเป็นเงินที่นางสาวพัชรา ประสิทธิกสิกรรม เบียดบังไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวทั้งสิ้น 15,706,611.07 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
- การกระทำของนางสาวพัชรา ประสิทธิกสิกรรม มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 มาตรา 161 มาตรา 162 (1) (4) มาตรา 264 และมาตรา 268 ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
- การกระทำของนายวีระพงษ์ คงยืน นายภัทรศักดิ์ ปทุมวัฒนาวงศ์ และนายเดชมงคล เดิมพยอม มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
- การกระทำของนายสุภาพ ศักดิ์สัจจา มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัย และส่งสำนวนการไต่สวนไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อให้ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ ต่อไป
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
เกี่ยวกับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เคยนำเสนอข้อมูลขยายผลการตรวจสอบปัญหาเงินขาดบัญชีของหน่วยงานรัฐ ภายหลังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สอบพบพฤติการณ์เจ้าหน้าที่ส่วนราชการ และองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวนหลายแห่ง อาศัยช่องโหว่จากการจ่ายเงินผ่านระบบ KTB Corporate Online กระทำการทุจริตในช่วงปี 2563 – 2566 และสร้างความเสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 332 ล้านบาท มาแล้ว
หลังจากในช่วงเดือน มกราคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) เจ้าหน้าที่ ตำรวจ บก.ปปป. เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปรางปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), ป.ป.ท., สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าจับกุม น.ส.พัชรา ประสิทธิกรรม อายุ 41 ปี เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีชำนาญงานเทศบาลตำบลลาดยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และ เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ได้ภายในห้องประชุมเทศบาลตำบลลาดยาว
จากการสอบสวน น.ส.พัชรา เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่านำเงินดังกล่าวไปใช้หนี้ที่กู้มาจากแอปพลิเคชันเงินกู้ออนไลน์ ซึ่งมีหลายเจ้าจึงทำให้หมุนเงินไม่ทัน ประกอบกับมีการส่งภาพคลิปวิดีโอข่มขู่ฆ่าจนเกิดความหวาดกลัว จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวเพื่อเร่งนำเงินไปใช้หนี้ พร้อมยอมรับว่าทำเพียงคนเดียว ไม่เกี่ยวกับสามี หรือ หัวหน้าหน่วยงานคนอื่นๆ ส่วนสาเหตุที่ต้องกู้เงินจากแอพเงินกู้ออนไลน์ดังกล่าวเนื่องจากตนเองติดพนันออนไลน์

- รัฐเสียหาย 332 ล้าน! สตง.แฉเล่ห์จนท.สบช่องทุจริตระบบ KTB มีโอนเงินเล่นพนันออนไลน์40 ล.
- เปิดหมด! สารพัดเล่ห์จนท.16 ส่วนราชการ-อปท.สบช่องทุจริตระบบจ่ายเงินรัฐ เสียหายยับ 332 ล.
- เปิดชื่อ 4 อปท.! สตง.แจ้งหน.ส่วนราชการ-ป.ป.ช.เอาผิด 'จนท.' ทุจริตระบบจ่ายเงินรัฐ
- ชำแหละเล่ห์ทุจริตเงินรัฐขาดบัญชี : ประเดิม ท.ลาดยาว ยักยอก 215 ครั้ง สตง.สั่งชดใช้ 15 ล.
- อ้างใช้หนี้แอปกู้ออนไลน์! จับ จนท.การเงินเทศบาลฯลาดยาว ยักยอก15 ล.-รั่วไหลทั่วปท.200 ล.

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา