ความร้อนแรงของคลิปเสียงที่นายกฯแพทองธาร ชินวัตร พูดคุยกับ สมเด็จ ฮุน เซน อดีตนายกฯ และประธานวุฒิสภาของกัมพูชานั้น เนื้อหาเป็นอย่างไร ทุกคนคงได้ยินได้ฟังกันหมดแล้ว
เหมาะ-ไม่เหมาะ ดี-ไม่ดี ใครหักหลังใคร ก็คงต้องรอรับผลกรรมนั้น
แต่มีประเด็นหนึ่งที่หลายคนยังข้องใจ ก็คือ การพูดคุยฮอตไลน์กันของบุคคลระดับผู้นำประเทศ หรือ VVIP ของแต่ละประเทศ ในทางปฏิบัติเคยมีการอัดเสียง หรือแอบอัดเสียงกันหรือไม่
อย่างกรณีการยกหูคุยกันระหว่าง 2 มหาอำนาจโลก อย่าง ทรัมป์ กับ ปูติน หรือ ทรัมป์ กับ สี จิ้นผิง มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแอบอัด แล้ววันดีคนดีก็นำมาเปิดเผยดิสเครดิตอีกฝ่ายกันหรือไม่
เรื่องแบบนี้ในทางการทูตและเวทีระหว่างประเทศเขามีหลักปฏิบัติกันอย่างไร
อาจารย์กฤษฎา บุญเรือง นักวิชาการอิสระ จากรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งทำงานเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองและบุคคลสำคัญในอเมริกา ไขข้อข้องใจในเรื่องนี้ โดยตั้งประเด็นว่า “ในแง่ของเวทีระหว่างประเทศ การคุยโทรศัพท์ระหว่างผู้นำ มีการอัดเสียงกันหรือไม่?”
อาจารย์กฤษฎา บอกว่า ผู้นำระหว่างประเทศตามประเพณีสากลที่เป็นที่ยอมรับกันในประเทศใหญ่ และเป็นสมาชิกสหประชาชาติในระเบียบโลกปัจจุบัน มักจะมีวิธีการปฏิบัติคล้ายกัน คือ
เมื่อมีการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำของสองประเทศหรือหลายประเทศ ปกติจะไม่มีการบันทึกเสียง แต่จะใช้การจดบันทึกโดยเจ้าหน้าที่ (note-taking) หรือเครื่องมือช่วยการบันทึก และนำข้อมูลเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกันก่อนที่จะออกเป็นร่างเป็นทางการ (rough transcript) เพื่อเก็บบันทึกไว้ หรือบางส่วนแบ่งปันกับสื่อมวลชน
หากมีการแอบบันทึกโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็จะไม่เปิดเผยอย่างเด็ดขาด เนื่องจากจะนำมาสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศและงดการสนทนาในอนาคต
อีกทั้งทำให้ฝ่ายที่นำมาเปิดเผยนั้นเสียความศรัทธาจากสมาชิกอื่นในประชาคมโลก
แต่หากถูกลักลอบหรือเกิดอุบัติเหตุการบันทึกเสียงที่ละเมิดมารยาท แล้วนำไปสู่การเผยแพร่ในเวทีสาธารณะ ก็จะเป็นความเสียหาย และขึ้นอยู่กับแต่ละฝ่ายจะต้องหาทางแก้ไขหรือรับผิดชอบอย่างไร
กรณีระหว่างกัมพูชากับไทยครั้งนี้ คู่สนทนาเป็นบุคคลที่เป็นตัวจริงหรือเป็นผู้นำประเทศจริงในทางปฏิบัติ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้นำประเทศโดยตำแหน่ง แต่มีบิดาเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
และการใช้สรรพนามเรียกตนเองหรืออีกบุคคลหนึ่งคล้ายเป็นสมาชิกในครอบครัว แสดงถึงความแตกต่างของอายุและความนับถือเป็นการส่วนตัวนั้น ก็เป็นการยืนยันเจตนาว่าเป็นเรื่องของ “การร้องขอเป็นการส่วนตัว”
นำมาสู่ข้อวิพากษ์วิจารณ์ในปัจจุบันว่าเหมาะสมหรือไม่ หรืออาจผิดมาตรฐานจริยธรรมเรื่องการบกพร่องทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของชาติ
พร้อมกันนี้ อาจารย์กฤษฎา ยังได้แนบเอกสารที่เป็นตัวอย่างการบันทึกการสนทนาแบบเป็นทางการของทำเนียบขาว และเป็นมาตรฐานที่ใช้ในประเทศใหญ่ต่างๆในสหประชาชาติ