
สถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่อเค้าว่าจะยืดเยื้อ และสร้างผลกระทบร้ายแรง โดยเฉพาะกับพี่น้องประชาชนคนไทยหลายจังหวัดติดขอบกัมพูชา
ทั้งเสียชีวิต บาดเจ็บ อพยพ...
ล่าสุดเหมือนจะมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ กระโดดมาเล่นเอง จากการทวีตข้อความผ่าน X ของ โดนัลด์ ทรัมป์
นัยของการแสดงบทบาทนี้คืออะไร และโอกาสที่จะหยุดการสาดกระสุน ระเบิด จรวดเข้าใส่กันจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ และเมื่อใด
ที่สำคัญจะก่อปัญหาซ้อนขึ้นหรือเปล่า เพราะงานนี้เหมือน “จีน” มหาอำนาจในแถบนี้ัจะถูกเขย่าจากคนไกลกว่าอย่างอเมริกา
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคง อธิบาย พร้อมตั้งข้อสังเกตเอาไว้อย่างน่าสนใจอย่างยิ่ง
@@ คำสั่งทรัมป์ !
ค่ำคืนวันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีข่าวชิ้นหนึ่งจากทำเนียบขาวปรากฏในเวทีระหว่างประเทศ คือ ผู้นำสหรัฐเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชาต้องหยุดยิง จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ
ข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ มีความน่าสนใจอย่างมาก จึงอยากขอตั้งข้อสังเกต ดังนี้
1.ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้เรียกร้องให้รัฐคู่พิพาทหยุดยิงด้วยวาจาเท่านั้น หากแต่ยังมี “มาตรการบังคับทางการทูต” (coercive diplomacy) ที่ไม่ใช่การใช่มาตรการบังคับในทางทหาร ที่รัฐมหาอำนาจมักใช้เสมอ
2.มาตรการบังคับให้เกิดการหยุดยิงครั้งนี้ เป็นการบังคับในทางเศรษฐกิจ ที่สหรัฐจะไม่เจรจาเรื่องกำแพงภาษีกับคู่พิพาท
3.มาตรการบังคับของสหรัฐให้หยุดยิงครั้งนี้ เป็นการกดดันกับสิ่งที่รัฐคู่พิพาทต้องการอย่างมาก คือ การเจรจาเพื่อผ่อนคลายผลที่จะเกิดเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจภายใน เพราะทุกประเทศต้องการการส่งสินค้าออกไปตลาดสหรัฐ
4.ในเบื้องต้น ผู้นำรัฐทั้ง 2 คงต้องตอบรับกับเสียงเรียกร้องของทำเนียบขาว แต่ในทางปฏิบัตินั้น การหยุดยิงจะเริ่มได้จริงเมื่อใด และจะหยุดอย่างไร
5.การเจรจาสันติภาพเพื่อยุติปัญหานี้จะปรากฏในรูปแบบใด จะดำรงเวทีที่เป็นทวิภาคี หรือสหรัฐจะเข้ามาเป็น “คนกลาง”
6.ในสงครามชุดนี้ หลายฝ่ายคาดการณ์ถึงบทบาทของจีนที่อาจจะเข้ามาเป็น “คนกลาง” เพราะการมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างประเทศทั้ง 2
7.ในบริบทการเมืองระหว่างประเทศ หากจีนเข้ามาเป็นผู้ยุติสงคราม ก็จะนำไปสู่การขยายบทบาทของจีนในภูมิภาค (เช่นที่ญี่ปุ่นเคยมีบทบาทเช่นนี้ในการยุติสงครามอินโดจีน 2484)
8.ในมุมมองของเวทีโลก ไม่มีใครอยากเห็นสงครามชายแดนไทย-กัมพูชาขยายตัว จนกลายเป็น “สงครามที่ควบคุมไม่ได้” และนำไปสู่การไร้เสถียรภาพของภูมิภาค เพราะเวทีโลกยังเผชิญกับปัญหาสงครามที่ไม่มีข้อยุติ คือ สงครามยูเครน และสงครามกาซ่า
9.ในเวทีโลก อาจจะไม่มีใครใส่ใจว่าสงครามเริ่มต้นอย่างไร แต่จะสนใจความสูญเสียที่เกิดกับประชาชน และกับระดับของการใช้กำลัง ประชาคมโลกจึงอยากเห็นการยุติสงคราม และถ้าสงครามยังขยายตัวไปไม่หยุด เวทีโลกพร้อมที่กดดันด้วยมาตรการบังคับให้เกิดการหยุดยิง
10.การใช้มาตรการบังคับของสหรัฐ เห็นมาแล้วในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ด้วยการเป็นคนกลางให้เกิดการยุติสงครามระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC) กับราวันดา ที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตและผู้ลี้ภัยเป็นจำนวนมาก
11.อดคิดเล่นๆ ไม่ได้ว่า ถ้าทรัมป์ยุติสงครามด้วยมาตรการบังคับทางเศรษฐกิจได้จริงแล้ว ทรัมป์อาจกลายเป็นผู้ได้รับ “รางวัลโนเบิลสาขาสันติภาพ” ได้ไม่ยาก … คิดเล่นๆ ครับ !
12.ปีกอนุรักษ์นิยมสุดโต่งไทยอาจไม่ตอบรับ เพราะคนกลุ่มนี้อยากเห็นการขยายตัวของสงคราม และนำไปสู่การทำลายล้างขนาดใหญ่กับเป้าหมายในกัมพูชา แต่ต้องตระหนักเสมอว่า ไทยไม่ใช่อิสราเอลที่จะเปิดสงครามได้อย่างสุดโต่งเช่นในกาซ่า
@@ จะเดินต่ออย่างไร?
หลังจากคำร้องของทำเนียบขาวออกมาในคืนวันเสาร์ที่ 26 แต่เช้าวันอาทิตย์ที่ 27 สงครามยังดำเนินต่อไปเสมือนหนึ่งผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ยัง “ปิดหู” จากเสียงของทรัมป์ แม้ทรัมป์จะแถลงว่า ได้คุยกับผู้นำทั้ง 2 แล้วก็ตาม
ดังนั้นจึงน่าติดตามอย่างมากว่า รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศจะ “ปีนลง” อย่างไรจากสถานการณ์สงครามชายแดนที่เกิดขึ้นครั้งนี้!
